กลิ่นกฤษณาสื่อรักข้ามภพ ตอนที่ 2

ตอนที่ 2

“มันเป็นใคร! ใครฆ่าภรรยาผม!” ชายสวมชุดสูทสีขาวคนหนึ่ง ซึ่งประดับดอกไม้เจ้าบ่าวไว้บนหน้าอก แสดงท่าทีพร้อมจะพุ่งใส่ชายหนุ่มด้วยดวงตาแดงก่ำ ทั้งตำรวจและคนในครอบครัวรีบกรูเข้ามาห้ามชายคนนี้ไว้ ตำรวจหนุ่มสวมชุดลำลองนายหนึ่งกวักมือเรียกเขาไปยังห้องว่างที่ขอให้ทางร้านจัดไว้ให้ชั่วคราว หลังจากนั่งลงอีกฝ่ายก็ส่งขวดน้ำให้เขา บางทีอาจเป็นเพราะเพิ่งมีโอกาสเห็นหน้าชายหนุ่มชัด ๆ เต็มตา นายตำรวจจึงตกตะลึงใจลอยไปหลายวินาทีกว่าจะดึงสติกลับคืนมาได้ “เอ่อ คุณได้พกบัตรประชาชนมาด้วยไหมครับ”
เขายิ้มบางพลางส่ายหน้า “ผมลืมไว้ที่บ้าน ผมเพิ่งมาจากทางใต้ ทีแรกกะว่าทำธุระเสร็จแล้วจะกลับเลย ไม่ได้วางแผนว่าจะอยู่นาน”
“คุณมาร่วมงานแต่งที่นี่เหรอครับ”
“เปล่าครับ แค่มากินข้าว ผมไม่รู้จักพวกเขา”
“มีคนอื่นมาด้วยไหม”
“ไม่มีครับ”
“มากินข้าวคนเดียวแล้วเดินไปที่โซนห้องวีไอพีทำไม” ตำรวจหนุ่มไม่หลงไปกับรอยยิ้มของอีกฝ่าย เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ผมก็ทำธุรกิจร้านอาหารเหมือนกัน เลยอยากมาดูการออกแบบห้องวีไอพีของที่นี่สักหน่อย” เขาตอบยิ้ม ๆ นั่งไขว่ห้างด้วยท่วงท่าสง่างาม สีหน้าผ่อนคลาย
นายตำรวจหนุ่มหยุดชะงักไปเล็กน้อย “เมื่อกี้พนักงานเสิร์ฟหญิงบอกว่า คุณเห็นคนร้ายเหรอครับ”
“ครับ เห็นแวบ ๆ” เขาไม่ปฏิเสธ
“พวกเราสั่งปิดล้อมอาคารหลังนี้ไว้หมดแล้ว ถ้าเห็นคนร้ายอีกทีคุณจะจำได้หรือเปล่า” นายตำรวจหนุ่มถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“แต่เห็นแค่แวบเดียว… ผมก็…” เขาขยับตัวเล็กน้อย ในใจรู้สึกหนักอึ้งชอบกล เขาไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว เขาเปลี่ยนท่านั่งให้สบายขึ้น นั่งบนเก้าอี้พลาสติกเหมือนเก้าอี้นอนย้อนยุคของพระสนม ชายหนุ่มพูดยังไม่ทันจบก็มีคนเปิดประตูเดินเข้ามา
“มีผู้เห็นเหตุการณ์เหรอ”
“ใช่ครับผู้กอง คุณผู้ชายท่านนี้เห็นฆาตกรครับ” นายตำรวจหนุ่มไม่ได้หันกลับไป เพียงได้ยินเสียงผู้มาใหม่ก็รีบขยับหลีกที่ให้
คนผู้นั้นเป็นชายร่างสูงใหญ่ น่าจะเป็นเพราะเขามองจากด้านหน้าช้อนขึ้นไป เงาทอดยาวภายใต้แสงสว่างที่ส่องจากด้านหลังยิ่งทำให้อีกฝ่ายแทบบดบังทัศนวิสัยไปกว่าครึ่ง แต่น่าแปลกที่ไม่มีความรู้สึกกดดันหรือถูกบีบคั้น ตรงกันข้ามกลับมั่นคงสงบนิ่งและควบคุมสติของตนได้ดี ในตอนแรกเขารู้สึกสงสัยและอยากรู้จึงเลื่อนสายตาสอดส่องขึ้นไป ทว่าเมื่อสบกับดวงตาคู่นั้นของฝ่ายตรงข้ามทำเอาเขาถึงกับหยุดหายใจไปในเสี้ยววินาที หัวใจเต้นโครมครามดุจดังน้ำแข็งในทะเลสาบลึกแตกกระจาย ความทรงจำที่ฝังลึกถูกดึงขึ้นมาจากมือที่มองไม่เห็นในชั่วพริบตา
ใบหน้าดวงนั้นไม่ได้มีจุดที่คุ้นเคยเลยสักนิด สันกรามได้รูปสบกันเล็กน้อย มุมปากหยักสูงช่วยลดความเคร่งขรึมและทำให้ใบหน้าดูอ่อนโยนมากขึ้น เรียกได้ว่าหล่อเหลาแต่ไม่ถึงกับชวนตะลึง ใบหน้าทั้งหมดไม่เคยพบเห็นมาก่อน นอกจากดวงตาคู่นั้น
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีวันลืมดวงตาแสนลึกล้ำราวกับดวงดาราคู่นั้น รวมถึงท่าทางตอนที่คนผู้นั้นเฝ้ามองเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ต่อให้เดินเข้าสู่ทางสิ้นหวัง คนผู้นั้นยังคงเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างสงบและใจเย็น
เขายังจำมือข้างนั้นที่คอยลูบหัว ถอดสร้อยข้อมือลูกประคำออกมาสวมไว้บนคอเขาได้ คนผู้นั้นถือไม้กฤษณาที่ตนตัดมาให้ไว้ในมือ ยิ้มรับกับเสียงร้องไห้คร่ำครวญของเหล่าผีสางนับหมื่นอย่างไม่หวั่นเกรง
“เราจะตั้งชื่อให้เจ้าเอง”
เมื่อตอนที่เขาเกิดปัญญาครั้งแรก ไม่รู้ว่าควรจะแสดงออกอย่างไร จึงได้แต่กัดมือข้างนั้นไว้ คนผู้นั้นไม่แม้แต่จะนิ่วหน้า เพียงลูบปลอบโยนที่ข้างใบหูเขาอย่างนุ่มนวล และส่งเขาออกนอกป่าด้วยรอยยิ้มละไม
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีโอกาสได้เห็นดวงตาคู่นั้นอีกครั้ง จู่ ๆ เขาก็ตระหนักได้ถึงเหตุผลที่ตนยังอยู่ในแดนมนุษย์ไม่จากไปไหน เมื่อมีเหตุก็ย่อมมีผล เหมือนดั่งเงาตามตัว
“งั้นเรียกเจ้าว่าเจียหลัว[1]ก็แล้วกัน” คนผู้นั้นกำไม้กฤษณาที่ตัดมาไว้แน่น และมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน “ถ้าเจ้าสามารถจำได้ เรามีฉายาว่าเจียฟ่าน[2] มีสามัญนามว่า…”
“ซูฉางเล่อ”
เขาลุกขึ้นแล้วขยับเข้าไปใกล้ชายคนนั้นหนึ่งก้าว มองลึกเข้าไปในตาเขา แล้วแย้มยิ้มอย่างมีความสุขจากใจจริงจนดวงตาหยี “สวัสดีครับ ผมชื่อซูฉางเล่อ”
ชายหนุ่มมองเขาด้วยท่าทางคล้ายอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็คลี่ยิ้มจางอย่างอบอุ่นตอบ “ผมแซ่ถาน เพื่อน ๆ เรียกผมว่าถานชี”
“มือปราบถาน” รอยยิ้มของเขาสว่างเจิดจ้าชวนให้คนหลงใหล นายตำรวจหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ มองจนตาพร่าไปชั่วขณะ ก่อนยื่นหน้าเข้าไปพูดใกล้ ๆ
“ผู้กอง คุณซู… คนนี้บอกว่าเขาเพิ่งมาจากทางใต้ กะว่าทำธุระเสร็จก็จะกลับ…”
“ไม่กลับแล้วครับ ผมคิดว่าจะปักหลักอยู่ที่นี่เลย” ซูฉางเล่อหันไปยิ้มให้นายตำรวจหนุ่มทีหนึ่งแล้วกล่าวต่อ “กำลังมองหาบ้านอยู่ครับ”
“อ๋อ แบบนี้เอง… งั้นก็ดี ย้ายมาอยู่แถวนี้ก็สะดวกดีนะ” ตำรวจหนุ่มพยักหน้าอย่างงงงัน
“เอ่อ รบกวนคุณช่วยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ” ถานชีกระแอมเบา ๆ หนึ่งทีก่อนขัดจังหวะการพูดของนายตำรวจหนุ่ม
“ได้แน่นอนครับ ถ้าต้องการผมกลับไปที่สถานีตำรวจกับพวกคุณด้วยก็ได้นะ” ซูฉางเล่อมองหน้าถานชีพลางพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
“งั้นต้องรบกวนคุณแล้ว” ถานชีส่งยิ้มให้เขา แล้วหันไปพยักพเยิดกับนายตำรวจหนุ่ม “พาคุณซูไปบันทึกคำให้การทีสิ”
นายตำรวจหนุ่มรีบพาซูฉางเล่อออกไป เพียงเสี้ยววินาทีที่เจ้าของดวงตาดุจน้ำแห่งฤดูใบไม้ร่วงคู่นั้นเดินผ่านถานชี ก็ชำเลืองมองมาทางเขา นัยน์ตาคู่นั้นแฝงรอยยิ้มจาง ๆ
ถานชีมองซูฉางเล่อ เข้าใจขึ้นมาทันใดว่าสายตาพูดได้นั้นเป็นอย่างไร ทั้งยังรู้สึกว่าดวงตาสดใสแวววาวคู่นั้นดูคุ้นตาอยู่นิด ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เพียงยิ้มตอบอย่างสุภาพ และมองดูอีกฝ่ายเดินจากไป
“แม่เจ้า ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ดูดีมีเสน่ห์อะไรปานนี้” นายตำรวจหนุ่มอีกคนที่ติดตามอยู่ข้าง ๆ ถานชี จนถึงตอนนี้เพิ่งเอ่ยปากออกมาพร้อมอุทานอย่างเกินจริง
“พูดอะไรของนาย?” ถานชีหันกลับไปถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง
“ก็มันเรื่องจริงนี่ลูกพี่ ดูตาคู่นั้นสิโคตรยั่วเลย ยังดีนะที่เขาเป็นผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิงต้องเป็นนางปีศาจงามล่มเมืองแหง ๆ” ตำรวจหนุ่มลูบอกด้วยสีหน้าที่ยังคงหวาดผวา
“ถ้าจะยั่วเขาคงไม่ยั่วนายหรอก” ตำรวจสูงวัยอีกคนตบกะโหลกคนปากมากอย่างไม่สบอารมณ์เข้าไปหนึ่งป้าบ “ขืนมีใครมาได้ยินเดี๋ยวก็เป็นข่าวหรอก พูดจาระวังปากหน่อย”
ตำรวจหนุ่มนึกขึ้นได้ว่าเมื่อเดือนที่แล้วหน่วยที่อยู่ติดกันเพิ่งถูกประชาชนถ่ายคลิปตำรวจปากเสียเอาไปโพสต์แฉจนเป็นข่าวใหญ่โต จึงรีบหุบปากฉับทันที
ถานชีกลับไม่รู้สึกว่าซูฉางเล่อมีใบหน้าเป็นภัยต่อชาติเลยสักนิด ก็แค่มีดวงตาสวยหวานเป็นประกายอยู่สักหน่อย เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงหันไปสั่งงานลูกน้อง จะได้ไม่ต้องมีเวลาไปนินทาชาวบ้าน
ถานชีนึกถึงสายตาของซูฉางเล่อที่มองมาทางเขาครั้งสุดท้าย คล้ายจะบอกว่าเรายังมีเวลาอีกยาวไกล เขาคิดอยู่นานมาก แม้จะรู้สึกว่าเหมือนเคยเห็นดวงตาคู่นั้นที่ไหนมาก่อน แต่ถานชีกลับจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“ซูฉางเล่อ…” ถานชีพึมพำชื่อนี้ออกมาเบา ๆ และก็รู้สึกว่าเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนมาก่อน ราวกับว่ามันเนิ่นนานในอดีตที่นานแสนนาน
ถานชีขมวดหัวคิ้วพันกันยุ่ง เกี่ยวสร้อยลูกประคำไม้ที่ใส่ไว้บนข้อมือมาถือไว้ตามความเคยชิน เขาใช้นิ้วเลื่อนนับลูกประคำไม้สีดำไปทีละเม็ด ตอนที่ลูกน้องตะโกนเรียกเขา ถานชีจึงสลัดชื่อนี้และดวงตาคลอหยาดน้ำวาวระเรื่อคู่นั้นออกไปจากสมอง และตั้งสมาธิสะสางเรื่องคดีต่อ

กลิ่นกฤษณาสื่อรักข้ามภพ

กลิ่นกฤษณาสื่อรักข้ามภพ

กลิ่นกฤษณาสื่อรักข้ามภพ
Score 8.2
Status: Ongoing
อ่านกลิ่นกฤษณาสื่อรักข้ามภพเรื่องย่อ กลิ่นหอมอ่อนของกฤษณา ยวนเย้ามาจากอดีต… เมื่อนายตำรวจหนุ่ม “ถานชี” ปรากฏตัวในห้องสอบสวนคดีฆาตกรรมคดีหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นก็ทำให้ “ซูฉางเล่อ” ตระหนักได้ทันใด ว่านี่แหละคือเหตุผลที่เขายังคงอยู่บนโลกมนุษย์

Comment

Options

not work with dark mode
Reset