กลิ่นกฤษณาสื่อรักข้ามภพ ตอนที่ 1

ตอนที่ 1

เวลาหนึ่งทุ่มยี่สิบนาที
เขายืนอยู่ตรงสี่แยก นาฬิกาดิจิตอลสว่างจ้าบนยอดตึกบอกเวลาว่าเพิ่งเข้าสู่ยามราตรี ป้ายโฆษณาและไฟถนนประดับประดาให้ตึกระฟ้าสูงตระหง่านบนถนนทั้งสายสว่างไสวราวกับช่วงกลางวัน
เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไป เหลือเพียงท้องฟ้าจุดเล็ก ๆ ระหว่างอาคาร มันมืดสลัวจนมองไม่เห็นดาวสักดวง ประหนึ่งนำม่านสีนิลมาแขวนไว้บนฟากฟ้า
“เปลี่ยนไปมากจริง ๆ” เขาพูดอย่างทอดถอนใจเล็กน้อย
เสียงผู้หญิงสองสามคนนั่งหัวเราะคิกคักอยู่ไม่ไกล เขาหันไปมองก็บังเอิญจ๊ะเอ๋เข้ากับพวกเธอที่ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากำลังจะแอบถ่าย เขายิ้มให้พวกเธอจาง ๆ พวกเด็กสาวต่างหน้าแดงกลั้นหายใจ รีบวางโทรศัพท์มือถือลงแล้วก้มหน้าก้มตา
เขาหันกลับมาเห็นสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว แล้วเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม
“เขินอะไรของเธอ ถ่ายได้หรือเปล่า” เด็กสาวคนหนึ่งได้สติรีบหันไปตีเพื่อนป้าบ ๆ
“ไม่เลย… เธอก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“เขาใช่ดาราหรือเปล่า ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนหน้าสวยขนาดนี้มาก่อนเลย”
เด็กผู้หญิงสองสามคนมองแผ่นหลังของเขาด้วยความหลงใหล สายลมเจือกลิ่นหอมของไม้จาง ๆ ระลอกหนึ่งพัดผ่านหน้าพวกเธอไป พวกเด็กสาวหยุดชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะกลับมาหัวเราะคิกคักกันอีกครั้ง พวกเธอต่างลืมชายหนุ่มหน้าสวยคนเมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น
เขาเดินไปทางห้างสรรพสินค้าของถนนฝั่งตรงข้าม เดินเอื่อยเฉื่อยมองดูเสื้อผ้าสวยหรูในตู้โชว์ เมื่อเลี้ยวเข้าประตูก็เงยหน้ามองโคมไฟคริสตัลที่ประดับอยู่บนเพดานของตึกสูง ชายหนุ่มเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นบนด้วยใบหน้าแฝงรอยยิ้มเยาะอยู่ในที
การออกแบบชั้นอาคารเป็นรูปวงแหวนทำให้มองเห็นกระแสมวลชนในชั้นหนึ่งที่กำลังเดินไปมาอย่างขวักไขว่ เขาเดินวนรอบชั้นสองขึ้นไปชั้นสาม ระหว่างนั้นก็ดึงดูดสายตานับไม่ถ้วนให้จับจ้องมาที่เขา
เขามีใบหน้าที่งดงามพริ้มเพราเกินกว่าผู้ชายทั่วไป ดวงตาหงส์ปลายหางตาชี้ขึ้นนิด ๆ แฝงรอยยิ้มสงบนิ่ง นัยน์ตาสีน้ำตาลดูฉ่ำชื่นและลึกล้ำเหมือนเคลือบหยาดน้ำไว้ชั้นหนึ่ง เขาใส่เสื้อคอเต่าสีเข้มแสนเรียบง่ายคู่กับกางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำ แล้วสวมทับด้วยเสื้อโค้ตยาวขนแกะลายสก๊อตสีเทาอมฟ้า แนวลำคองามระหงที่โผล่พ้นริมขอบผ้าพันคอสีเทาเข้มยิ่งส่งให้ดูหรูหรางามสง่ามากขึ้นไปอีก
เขาขึ้นไปบนชั้นห้า เดินเตร่จนทั่วก่อนไปยืนอยู่หน้าร้านอาหาร มีป้ายจัดเลี้ยงงานแต่งอยู่ด้านข้าง ฝูงชนรายล้อมอยู่หน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับทั้งสองด้านของประตู เขาเดินผ่านกลุ่มคนเข้าไปในร้านอาหารโดยตรง ชายหนุ่มค้นหากลิ่นอายที่คุ้นเคยในอากาศ จากนั้นก็เลี้ยวไปทางห้องวีไอพีทางขวามือ เขาเดินผ่านไปสามสี่ห้อง ก่อนไปหยุดหน้าประตูบานหนึ่ง
ตอนที่เขาจะเอื้อมมือไปเปิดประตู บริกรหญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากประตูอีกบานพอดี ครั้นเห็นเขากำลังจะเปิดประตูห้องนั้นก็รู้สึกแปลกชอบกล จึงถามขึ้น “คุณคะ คุณเป็นญาติเจ้าสาวเหรอคะ เจ้าสาวกำลังเปลี่ยนชุด…”
เขาหันกลับมามองเธอทีหนึ่ง บริกรหญิงเห็นโฉมหน้าเขาก็ถึงกับตะลึงพรึงเพริด ทว่าจู่ ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากข้างใน ทำให้เธอตกใจสะดุ้งโหยง
เขาหันไปเปิดประตูโดยไม่สนใจพนักงานเสิร์ฟหญิง พลันได้กลิ่นคาวเลือดที่คุ้นเคย ในห้องมีชายคนหนึ่งยืนหันหลังให้เขา ในมือกำมีดที่มีเลือดหยดติ๋ง ๆ ไว้แน่น อาจเพราะได้ยินเสียงเปิดประตู ชายคนนั้นจึงหันมามองเขาด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราดที่ปกคลุมไปด้วยไอดำ ฉายแววดุดันอำมหิตและบิดเบี้ยวเหยเก
เขาเลิกคิ้วมองชายคนนั้น นิ้วเรียวตวัดวาดเขียนอักขระตัวหนึ่งในอากาศ หลังการเคลื่อนไหวของเขา พลันเกิดกระแสลมสั่นไหวในอากาศและมีควันดำพวยพุ่งออกมาจากร่างชายคนนั้นแล้ววูบหายไป เพียงเสี้ยวพริบตาชายคนนั้นคล้ายสะดุ้งตื่น หันมามองชายหนุ่มแล้วจึงมองมีดที่ตนถือไว้ในมือ เมื่อได้สติก็ร้องว้ากตกใจพร้อมกับโยนมีดทิ้ง จากนั้นก็หันหลังวิ่งออกไปทางประตูอีกบาน
มีร่างหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น ชุดเจ้าสาวขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะที่เธอสวมอยู่ถูกอาบย้อมไปด้วยเลือดสด ๆ เธอพยายามดิ้นรนเอื้อมมือไขว่คว้ามาทางเขา แต่ชายหนุ่มกลับหันไปมองทางกลุ่มควันสีดำที่เผ่นหนีไป ขณะกำลังจะเดินเข้าไปแขนเขากลับถูกคนรั้งไว้ ตามด้วยเสียงร้องกรี๊ดดังมาจากด้านหลัง
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน ลางสังหรณ์แปลก ๆ พลันผุดขึ้นในใจ เขายื่นมือไปช่วยพยุงหญิงบริกรที่แข้งขาอ่อนจนเกือบทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น แล้วพูดกับเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนและน้ำเสียงนุ่มละมุน “แจ้งความเถอะ”
บริกรหญิงมองเขาอย่างนิ่งอึ้ง มือไม้สั่นระริกยังคงจับเขาไว้ไม่ยอมปล่อย มืออีกข้างถือวิทยุสื่อสารรายงานหัวหน้าเสียงสั่น เขายังไม่ทันจะดึงมือบริกรหญิงออกไป ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นจากตรงนั้นตรงนี้ ครอบครัวทางฝั่งเจ้าสาวที่วิ่งมาเพราะได้ยินเสียงร้องต่างรีบวิ่งกรูเข้าไปในห้องเล็ก ๆ
“…มนุษย์ช่างน่ารำคาญเสียจริง… รู้แบบนี้สู้เปลี่ยนโฉมเป็นคนอื่นก่อนออกจากบ้านซะก็ดี” เขาถอนหายใจและพึมพำกับตัวเองเบา ๆ มีคนเห็นโฉมหน้าของเขาเยอะเกินไป และเขาจำได้ว่ามีสถานีตำรวจอยู่หลังตึกนี้ พวกตำรวจสามารถแห่กันมาที่นี่ได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ถ้าเขาจะชิ่งหนีออกไปตอนนี้ก็คงไม่ได้ ความรู้สึกประหลาดแบบเมื่อครู่ยังไม่จางหาย เขารู้สึกว่าอาจมีบางอย่างที่ไม่คาดคิดกำลังจะเกิดขึ้น
เขาช่วยประคองบริกรหญิงให้นั่งลงด้านข้าง ดึงมือเธอออกเบา ๆ และใช้ถ้อยคำละมุนละม่อมปลอบเธอไปหลายประโยค เขามองเหล่าหญิงชายที่กรูเข้ามาในห้องนี้ พวกเขามีสีหน้าตื่นตระหนก หวาดกลัว ระคนประหลาดใจ ในขณะเดียวกันก็ได้กลิ่นอยากรู้อยากเห็นและตื่นเต้นดีใจปนมาในอากาศจากคนกลุ่มเดียวกันนี้ เขาคลำสร้อยลูกประคำบนข้อมือซ้ายพลางคิดว่า “อืม มนุษย์หนอ”
“คะ… คุณเห็นใช่ไหม…” บริกรหญิงเอ่ยถามเขาด้วยเสียงสั่นเครือเบาหวิว
“หืม?” เขาผินหน้ามองเด็กสาวที่มีสีหน้าตื่นกลัวคนนั้น แล้วหยุดคิดหนึ่งวินาทีก็ตระหนักได้ว่าที่อีกฝ่ายถามไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดอยู่
“ฆาตกร… คุณเห็นเขาใช่ไหม” เด็กสาวละล่ำละลักถามด้วยสีหน้าซีดเผือด พลางยื่นมือไปดึงแขนเสื้อเขาตามสัญชาตญาณ “คุณเห็นหรือเปล่า”
“ครับ… ผมเห็น” เขาเอียงคอคิดครู่หนึ่ง พลางกวาดตามองรอบห้องที่เละเทะระเนระนาด คิด ๆ ดูแล้วออกไปจากที่นี่เงียบ ๆ ดีกว่า
แต่ในเวลาต่อมาทั้งเจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลและตำรวจที่ว่องไวเหลือเกินก็วิ่งกรูกันเข้ามา ทีนี้ละยุ่งยากแล้ว เขากวาดตามอง มีคนเห็นเขาแล้วอย่างน้อยยี่สิบถึงสามสิบคน
หัวหน้าของบริกรหญิงเป็นสตรีวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบปี สวมเครื่องแบบสีดำทั้งตัวและเดินมาทางนี้ เมื่อเธอเห็นหน้าชายหนุ่มก็ถึงกับตะลึงพรึงเพริดไปชั่วขณะ แต่ความเป็นมืออาชีพที่สั่งสมมานานหลายปีก็ทำให้เธอตั้งสติได้ในเวลาอันรวดเร็ว เธอดึงบริกรหญิงไปถาม “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ ผู้จัดการคะ คุณผู้ชายท่านนี้เห็นหน้าฆาตกรค่ะ” บริกรหญิงหน้าขาวซีด แต่กลับยังดึงแขนเสื้อเขาพร้อมกับหันไปตะโกนบอกเจ้านาย
ในห้องพลันตกอยู่ในความเงียบ เขานิ่งไปครู่หนึ่ง บังคับตัวเองให้ข่มใจไม่วู่วามลบความทรงจำของผู้คนหลายสิบคน

กลิ่นกฤษณาสื่อรักข้ามภพ

กลิ่นกฤษณาสื่อรักข้ามภพ

กลิ่นกฤษณาสื่อรักข้ามภพ
Score 8.2
Status: Ongoing
อ่านกลิ่นกฤษณาสื่อรักข้ามภพเรื่องย่อ กลิ่นหอมอ่อนของกฤษณา ยวนเย้ามาจากอดีต… เมื่อนายตำรวจหนุ่ม “ถานชี” ปรากฏตัวในห้องสอบสวนคดีฆาตกรรมคดีหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นก็ทำให้ “ซูฉางเล่อ” ตระหนักได้ทันใด ว่านี่แหละคือเหตุผลที่เขายังคงอยู่บนโลกมนุษย์

Comment

Options

not work with dark mode
Reset