กับดักรักในรอยแค้น – ตอนที่ 524 ลูกเป็นอะไรไป / ตอนที่ 525 ระหว่างพวกเราไม่จำเป็นต้องขอบคุณ

ตอนที่ 524 ลูกเป็นอะไรไป  

 

 

           หลังจากยุ่งมาทั้งวันฉู่เจียเสวียนก็กลับถึงบ้าน เธอดูอ่อนล้า ใบหน้าอิดโรย  

 

 

           “เจียเสวียน กินข้าวแล้วยัง” ซูซานเห็นว่าฉู่เจียเสวียนกลับมาแล้ว รีบลุกขึ้นจากโซฟาทันที พร้อมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง  

 

 

           “ยังเลยค่ะแม่ ยังมีข้าวเหลือหรือเปล่า” ฉู่เจียเสวียนมองซูซาน พูดด้วยท่าทางน่าสงสาร  

 

 

           ซูซานหัวเราะกับคำพูดของฉู่เจียเสวียน “เด็กคนนี้นี่ พูดอะไรน่ะ แม่จะไปทำอะไรให้กิน ลูกนั่งรอ  

 

 

แป๊บนึงก่อนนะ” พูดจบ ก็หันหลังเข้าไปในห้องครัว  

 

 

           เห็นซูซานเดินเข้าไปในห้องครัว ฉู่เจียเสวียนโยนกระเป๋าลงบนโซฟาแล้วทิ้งตัวลงเอน ถอนหายใจแผ่วเบา จากนั้นก็หลับตาลงอย่างผ่อนคลาย  

 

 

           แบบนี้สบายกว่าตั้งเยอะเลย ไม่รู้ว่าทำไม ช่วงนี้ฉู่เจียเสวียนรู้สึกว่าเหนื่อยมาก ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเลย  

 

 

           เธอคิด หรือว่าเธอเป็นโรคมะเร็งขี้เกียจซะแล้ว  

 

 

           ไม่ช้า กลิ่นหอมก็ลอยมาจากในห้องครัว ฉู่เจียเสวียนเบิกตาโตทันที ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปยังห้องครัว เธอหิวมานานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้กลิ่นอาหารเธอก็ยิ่งรู้สึกถูกกระตุ้น  

 

 

           “แม่คะ กินข้าวได้แล้วยัง” ฉู่เจียเสวียนเดินเข้าไปในห้องครัวพร้อมพูดกับซูซาน มองดูกับข้าวบนโต๊ะแล้วเดินไปยังห้องครัว  

 

 

           “รออีกแป๊บนึง” ซูซานพูดกับฉู่เจียเสวียนที่วิ่งเข้ามาในห้องครัว แววตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม  

 

 

           ฉู่เจียเสวียนได้ยินแล้วก็พยักหน้า จากนั้นก็เดินไปล้างมือข้างๆ  

 

 

           หลังอาหาร ฉู่เจียเสวียนนั่งอยู่บนโซฟาอย่างหมดแรง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทั้งๆ ที่กินอิ่มแล้ว ก็ควรจะมีเรี่ยวแรง แต่ว่าเธอกลับรู้สึกเหนื่อยกว่าเดิม  

 

 

           ราวกับซูซานรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของฉู่เจียเสวียน แววตาที่มองเธอมีความกังวล  

 

 

           “เจียเสวียน ลูกไม่สบายหรือเปล่า” ซูซานกล่าว ยื่นมือสัมผัสหน้าผากของฉู่เจียเสวียน พบกว่าอุณหภูมิร่างกายไม่แตกต่างอะไรจากคนทั่วไป  

 

 

           “หนูไม่เป็นไรค่ะ แม่ อาจเป็นเพราะว่าหลายวันนี้เหนื่อยไปหน่อย” ฉู่เจียเสวียนพูดกับซูซาน แต่ว่าจู่ๆ กลับรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย  

 

 

           นี่เธอเป็นอะไรไป? หรือว่าจะป่วยจริงๆ? ไม่น่าจะนะ ตอนนี้ร่างกายของเธอก็แข็งแรงดีมากนี่นา  

 

 

           “แม่คะ แม่รีบพักผ่อนเถอะ ตอนนี้ก็สี่ทุ่มแล้ว” ฉู่เจียเสวียนกวาดตามองเวลาบนผนัง เห็นว่าดึกแล้ว จึงเอ่ยปากพูดกับซูซาน  

 

 

           ตอนนี้เธอเพียงต้องการพักผ่อนให้เต็มอิ่ม หวังว่าพรุ่งนี้พอตื่นขึ้นมา อาการไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้จะหายไป แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะมีไข้กลางดึก  

 

 

           ระหว่างที่สลึมสะลือนั้น ฉู่เจียเสวียนรู้สึกทรมานไปทั้งตัว แม้แต่ลมหายใจก็รู้สึกร้อน  

 

 

           เธอเปิดไฟที่หัวเตียงและพยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียง หลังจากสูดหายใจลึกๆ แล้วฉู่เจียเสวียนก็เปิดผ้าห่มลงมาจากเตียง เดินเกาะกำแพงไปยังประตู เปิดประตูออกต้องการจะลงไปกินยาชั้นล่าง แต่คิดไม่ถึงว่าทันทีที่เปิดประตู จู่ๆ ดวงตาเธอก็ดับสนิท แล้วหมดสติไป  

 

 

           เมื่อเธอลืมตาตื่นอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว  

 

 

           “เจียเสวียน ลูกตื่นแล้วเหรอ” ซูซานเห็นฉู่เจียเสวียนลืมตา เอ่ยขึ้นทันที  

 

 

           “หนูเป็นอะไรไป” ฉู่เจียเสวียนกวาดตามองไปรอบๆ ลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยความช่วยเหลือจากซูซาน  

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเห็นว่ารอบกายเป็นสีขาวบริสุทธิ์  นี่เธออยู่ที่โรงพยาบาลเหรอ เธอมาที่โรงพยาบาลได้อย่างไร  

 

 

           “เมื่อคืนลูกมีไข้กลางดึก แม่เลยโทรหากงจวิ้นฉือกลางดึก เขาเป็นคนส่งลูกมาที่โรงพยาบาล” ซูซานพูดขึ้น ยื่นมือสัมผัสหน้าผากของฉู่เจียเสวียน  

 

 

           ไข้ลดแล้ว ซูซานรู้สึกโล่งอก เมื่อคืนเธอตกใจแทบแย่ ขณะที่นอนหลับกลางดึก จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงดัง นึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเสียอีก เมื่อเปิดประตูออกดูก็พบฉู่เจียเสวียนนอนหมดสติอยู่ที่พื้น  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 525 ระหว่างพวกเราไม่จำเป็นต้องขอบคุณ  

 

 

           เดินเข้าไปหาเธอ พบว่าทั้งตัวร้อนจี๋ เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวไม่มีเรี่ยวแรงอะไร ดังนั้นจึงโทรศัพท์ไปหากงจวิ้นฉือแล้ว  

 

 

           ฉู่เจียเสวียนฟังแล้วพยักหน้า ร่างกายยังคงอ่อนแรงเล็กน้อย  

 

 

           “หมอบอกว่าลูกน่ะ ช่วงนี้ทำงานหนักมากเกินไป บวกกับเจอลมหนาวด้วย คราวหน้าต้องระวังตัวหน่อย รู้หรือเปล่า” ซูซานพูดขึ้น มองฉู่เจียเสวียนด้วยสีหน้าเป็นกังวล  

 

 

           “หนูรู้แล้วค่ะ” ฉู่เจียเสวียนคิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้ตัวเองจะมีไข้ เมื่อก่อนตอนที่อยู่เมืองนอกสามปี ทั้งทำงานและเรียนหนักแบบนั้นก็ไม่เคยล้มป่วย คิดไม่ถึงว่าคราวนี้จะเป็นลม  

 

 

           “เจียเสวียน คุณตื่นแล้วเหรอ ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม” กงจวิ้นฉือถือถุงในมือ เขาออกไปซื้ออาหารเช้าให้ซูซานและฉู่เจียเสวียน เมื่อเห็นว่าฉู่เจียเสวียนฟื้นแล้วก็รีบถามด้วยความเป็นห่วง  

 

 

           เมื่อเห็นกงจวิ้นฉือ ฉู่เจียเสวียนยิ้ม “จวิ้นฉือ คราวนี้รบกวนคุณอีกแล้ว”  

 

 

           “ระหว่างพวกเราไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก น้าซู หิวแล้วสินะครับ? มา กินโจ๊กก่อนเถอะครับ”   

 

 

กงจวิ้นฉือมองซูซาน พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  

 

 

           เขาเดินไปที่โต๊ะ หยิบโจ๊กที่เพิ่งซื้อออกมาวางลงบนโต๊ะ แล้วเรียกซูซานให้ไปกิน   

 

 

           ซูซานได้ยินก็พยักหน้า แล้วเดินเข้าไป หลังจากกงจวิ้นฉือยื่นโจ๊กถ้วยหนึ่งให้ซูซานแล้ว เขาก็ถืออีกถ้วยหนึ่งเดินไปนั่งที่ข้างเตียงของฉู่เจียเสวียน  

 

 

           “มา กินโจ๊กสักหน่อย” กงจวิ้นฉือเป่าโจ๊กที่อยู่ในมือจนอุณหภูมิถึงจุดที่เหมาะสม ยื่นไปที่ข้างปากของฉู่เจียเสวียน  

 

 

           ฉู่เจียเสวียนคิดไม่ถึงว่ากงจวิ้นฉือจะป้อนให้เธอกิน ในตอนนั้นก็รู้สึกเกรงใจเล็กน้อย  

 

 

           “ฉันกินเองดีกว่า” ฉู่เจียเสวียนยื่นมือ ต้องการจะรับโจ๊กมาจากมือของกงจวิ้นฉือ  

 

 

           เธอรับการกระทำที่คลุมเครือเช่นนี้ไม่ค่อยได้จริงๆ ทันใดนั้นก็นึกถึงเผยหนานเจวี๋ย จำได้ว่าตอนที่เขาบาดเจ็บเพราะเธอ เขาก็ต้องการให้เธอป้อนโจ๊กให้เขาด้วยความเอาแต่ใจ  

 

 

           เขาในตอนนั้นเหมือนเด็กที่ต้องการกินโจ๊กอย่างไรอย่างนั้น  

 

 

           “ผมป้อนคุณ” กงจวิ้นฉือกล่าว หลบมือของฉู่เจียเสวียนที่ยื่นออกมา  

 

 

           เขาจำฉากในโรงพยาบาลตอนนั้นได้ ฉากที่ฉู่เจียเสวียนป้อนโจ๊กให้เผยหนานเจวี๋ย  

 

 

           “ไม่…ไม่ต้องหรอก” ฉู่เจียเสวียนพูดพร้อมมองกงจวิ้นฉือ ตอนนี้เธอไม่เป็นไรแล้ว กินด้วยตัวเองได้  

 

 

           “ร่างกายของคุณยัง…”  

 

 

           “กริ๊งๆ…” กงจวิ้นฉือยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเสียงโทรศัพท์ขัดจังหวะ ฉู่เจียเสวียนเห็นแล้วก็รีบยื่นมือรับโจ๊กในมือกงจวิ้นฉือมาทันที  

 

 

           “คุณรับสายก่อนเถอะ ฉันกินเองได้” ฉู่เจียเสวียนอดไม่ได้ที่จะแอบขอบคุณโทรศัพท์อยู่ในใจ ช่างดังถูกเวลาจริงๆ  

 

 

           กงจวิ้นฉือพยักหน้าอย่างจนปัญญา หันหลังไปรับสาย  

 

 

           ฉู่เจียเสวียนถอนหายใจเบาๆ อยู่ในใจ หลายวันนี้กงจวิ้นฉือดีกับเธอมากจริงๆ ดีจนเธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ตั้งแต่ที่กงจวิ้นฉือกลับมาจากต่างประเทศ เขาก็ยิ่งอ่อนโยนกว่าเดิม  

 

 

           ไม่นาน กงจวิ้นฉือคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วก็เดินเข้ามา ฉู่เจียเสวียนเห็นเขาที่คิ้วขมวดกัน เอ่ยถามทันที “เป็นอะไรไป จวิ้นฉือ”  

 

 

           “เจียเสวียน ที่บริษัทมีเรื่องบางอย่างที่ผมต้องไปจัดการ” กงจวิ้นฉือพูดพร้อมมองฉู่เจียเสวียน  

 

 

           “งั้นคุณก็ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน” ทันทีที่ฉู่เจียเสวียนได้ยินก็พูดขึ้นทันที เธอก็โตป่านนี้แล้ว สามารถดูแลตัวเองได้ ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีซูซานอยู่  

 

 

           “แต่ว่า…” เขาต้องการอยู่ดูแลเธอที่นี่ แต่ว่าเขาก็ต้องไปจัดการเรื่องที่บริษัท  

 

 

           “ไม่ต้องแต่แล้ว งานสำคัญ แม่ฉันก็อยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ” ฉู่เจียเสวียนยิ้มเอ่ย รู้ว่ากงจวิ้นฉือเป็นห่วง ดังนั้นจึงพูดขึ้น  

กับดักรักในรอยแค้น

กับดักรักในรอยแค้น

ฉู่เจียเสวียนตกหลุมรักเผยหนานเจวี๋ยตั้งแต่แรกพบ แต่ก็เพียงชื่นชมเขาจากที่ไกลๆ เท่านั้น ด้วยรู้ดีว่าคนที่เขารักอย่างสุดหัวใจคือ ฉู่อีอี ผู้เป็นน้องสาว ทว่าเมื่อสามปีก่อนฉู่อีอีกลับมาขอให้เธอช่วยปลอมแปลงการตาย และเข้าพิธีแต่งงานกับเผยหนานเจวี๋ยแทนตัวเอง จนคนอื่นพากันคิดว่าเธอจงใจ ‘ฆ่าน้องสาว’ เพื่อแย่งเขามาครอบครอง! ถึงอย่างนั้น…เธอก็ยังคิดว่านี่เป็นโอกาสได้อยู่ข้างกายเขา และดูแลเขาอย่างเปิดเผยในฐานะที่ ‘ฉู่อีอีไว้วางใจ’ ทว่าทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่เธอคิด เผยหนานเจี๋ยเอาแต่โทษเธอและทำร้ายจิตใจเธอ จนสร้างรอยแผลในหัวใจของเธออย่างสุดประมาณ…

Options

not work with dark mode
Reset