กับดักรักในรอยแค้น – ตอนที่ 534 คุณไปไหน / ตอนที่ 535 จะงอนก็ต้องมีขีดจำกัด

        ตอนที่ 534 คุณไปไหน

 

 

           ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ในทะเลดอกไม้ แสงสีทองสาดส่องลงบนใบหน้าและตัวของเธอ ทำให้ตัวเธอทอแสงสีทองเลือนลางราวกับนางฟ้า แม้แต่ใบหน้าก็ให้ความรู้สึกสลัวกว่าเดิม

 

 

           ฉู่เจียเสวียนหมุนตัวอยูในสวนดอกไม้ด้วยความเบื่อหน่าย เธอเต็มใจที่จะหมุนตัวอย่างบ้าคลั่งอยู่ที่นี่ดีกว่าเผชิญหน้ากับเผยหนานเจวี๋ย

 

 

           ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาแย่งกุญแจรถไป เธอก็ไปจากที่นี่นานแล้ว เธอจะอดทนต่อความโกรธอยู่ที่นี่ไปเพื่ออะไร เมื่อคิดว่ากุญแจรถถูกเขาแย่งไปแล้ว เธอก็โมโหจนกัดฟันกรอด

 

 

           ทุกการกระทำของฉู่เจียเสวียนล้วนอยู่ในสายตาของเผยหนานเจวี๋ย เธอมองสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ และเขาก็มองเธอ

 

 

           ซูหรานกำลังง่วนอยู่ในครัว เขาต้องปรุงอาหารยาให้อร่อยตามที่เผยหนานเจวี๋ยขอ อีกทั้งต้องทำอาหารทั้งหมดตามข้อกำหนดในรายการยาด้วย

 

 

           ดูเหมือนว่าครั้งนี้ท่านประธานจะเอาจริง เพียงแต่คุณหนูฉู่จะกินอาหารทั้งหกรายการหมดในคราวเดียวเหรอ?

 

 

           ซูหรานพลางทำไม่หยุด พลางบ่นในใจ

 

 

           ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ไม่นาน เขาก็จะสามารถไปสอบใบรับรองคุณสมบัตินักโภชนาการได้แล้ว ระยะหลังนี้เขาค้นคว้าความรู้ด้านโภชนาการอยู่ตลอดเวลา

 

 

           มองท้องฟ้าที่มืดลงช้าๆ เวลาไหลไปราวกับสายน้ำ ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้วกัน เธอมักจะเข้าไปพัวพันกับเผยหนานเจวี๋ยโดยไม่มีทางเลือกอยู่เสมอ

 

 

           เธอควรจะทำอย่างไรกันแน่ เธอเป็นคนที่มีแฟนแล้ว วันนี้เธอไม่ได้ไปที่บริษัท กงจวิ้นฉือก็คงจะเป็นห่วงเธอสินะ? หลังจากครุ่นคิดแล้ว ฉู่เจียเสวียนตัดสินใจโทรหากงจวิ้นฉือ

 

 

           เธอบอกเขาสักคำจะดีกว่า เพื่อไม่ให้เขาเป็นกังวล คิดเช่นนี้แล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือแล้วกดโทรหากงจวิ้นฉือ

 

 

           “ฮัลโหล” เสียงอบอุ่นของกงวิ้นฉือดังมาจากปลายสาย

 

 

           “จวิ้นฉือ วันนี้ฉันไม่ได้เข้าบริษัท ที่บริษัทมีเรื่องสำคัญอะไรไหม” ฉู่เจียเสวียนเอ่ย น้ำเสียงเผยความไม่สบายเล็กน้อย

 

 

           “อ่อ ไม่มีอะไร วันนี้คุณไปไหนเหรอ” กงจวิ้นฉือเอ่ย บนใบหน้ามีรอยยิ้มจางๆ

 

 

           “วันนี้มีธุระด่วน คุณก็อย่าหักโหมจนเกินไปรู้ไหม” ฉู่เจียเสวียนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังคบชู้ ทำไมเธอถูกเผยหนานเจวี๋ยพามาที่นี่แต่กลับไม่กล้าบอกเขา

 

 

           เธอก็ไม่ได้เป็นอะไรกับเผยหนานเจวี๋ยแล้ว จู่ๆ เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป ทั้งๆ ที่กงจวิ้นฉือดีกับเธอขนาดนั้น อีกทั้งยังเชื่อใจเธอมาก แต่ว่าตอนนี้เธอกลับไม่กล้าบอกอะไรกับเขาเลย

 

 

           “อืม โอเค ผมรู้แล้ว ไม่มีอะไรแล้วก็แค่นี้ก่อนนะ” ฉู่เจียเสวียนพูดจบก็วางสาย ถอนหายใจยืดยาว

 

 

           เธอไม่เข้าใจว่าทำไมต้องโกหกกงจวิ้นฉือด้วย ทั้งๆ ที่…เฮ้อ ความไม่สบายใจและความสับสนทั้งหมดหายไปกับเสียงถอนหายใจ

 

 

           กงจวิ้นฉือยังไม่ทันพูดจบ ก็ได้ยินสัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดไป เขาส่ายหน้าพร้อมกับฝืนยิ้ม จากนั้นก็วางโทรศัพท์มือถือลง

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยยืนอยู่ข้างหน้าต่างที่ยาวจรดพื้น เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ดูเหมือนว่าฝนจะตกแล้ว กลุ่มเมฆบนท้องฟ้ากลายเป็นสีครึ้ม แต่ว่าฉู่เจียเสวียนราวกับว่าไม่รู้เลยสักนิด ยังคงยืนอยู่ในทะเลดอกไม้ไม่ขยับเขยื้อน ความดื้อรั้นบนใบหน้าไม่ได้ลดลงเลย

 

 

           ตั้งแต่เมื่อไรกันนะที่ฉู่เจียเสวียนทำตัวเป็นเด็กและดื้อรั้นเช่นนี้?

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยสลัดความคิดในสมองทิ้ง ลักษณะโดยพื้นฐานของเธอแล้วเป็นคนที่มีจิตใจดี ยังไงก็จัดการกับสถานการณ์ตอนนี้ก่อนเถอะ เขาเข้าก้าวเท้าแล้วเดินไปหาผู้หญิงที่อยู่ในทะเลดอกไม้

 

 

           “ฉู่เจียเสวียน” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย

 

 

           เมื่อได้ยินเสียงของเผยหนานเจวี๋ย สีหน้าของฉู่เจียเสวียนเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที เธอหันหน้าหนี ไม่มองเขาเลย

 

 

           “คุณรู้ไหมว่าคุณที่เป็นแบบนี้เหมือนเด็กแค่ไหน” มองดูฉู่เจียเสวียนที่งอนเหมือนเด็กๆ

 

 

เผยหนานเจวี๋ยยิ้มเอ่ย

 

 

           ฉู่เจียเสวียนไม่ขยับ ยังคงปิดปากเงียบ เธอจะไม่หลงกลของเขา และคุยกับเขา

 

 

           “ฝนจะตกแล้ว เข้าไปเถอะ” เงยหน้าขึ้นมองกลุ่มเมฆดำ เผยหนานเจวี๋ยพูดขึ้นด้วยความกังวลเล็กน้อย

 

 

 

 

        ตอนที่ 535 จะงอนก็ต้องมีขีดจำกัด

 

 

           ฉู่เจียเสวียนไม่ขยับ เธอก็ไม่ได้ตาบอดสักหน่อย เธอดูเองไม่ออกหรือไง

 

 

           “จะงอนก็ต้องมีขีดจำกัด” เผยหนานเจวี๋ยพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอบอุ่นตลอดเวลา ไม่ต้องการยั่วยุให้เธอไม่พอใจอีก

 

 

           ฉู่เจียเสวียนหันมา มองเผยหนานเจวี๋ยด้วยความโมโห ใช้สายตาส่งผ่านความรู้สึกของเธอ “คุณจะเอายังไงกันแน่ถึงจะยอมปล่อยฉัน” ดวงตาของฉู่เจียเสวียนเต็มไปด้วยความคับข้องใจไม่รู้จบ

 

 

           น่าเสียดายที่ในโลกนี้ไม่มีภาษาทางตา เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่เจียเสวียนด้วยสีหน้าว่างเปล่า ไม่เข้าใจเลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ยิ่งไม่เข้าใจคำบรรยายยืดยาวในใจของเธอ

 

 

           “หึ” ส่งเสียงเย็นชา ฉู่เจียเสวียนหมุนตัวแล้วเดินตรงไปยังตัวตึก ตอนนี้ฝนตกลงมากระทบตัวของเธอแล้ว ฉะนั้นเธอจึงต้องการกลับเข้าบ้านไป เธอไม่อยากกลายเป็นลูกหมาตกน้ำ!

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยมองแผ่นหลังของฉู่เจียเสวียนด้วยความงุนงง เกิดอะไรขึ้นกับพฤติกรรมทางอารมณ์ของเธอ ทำไมเขาถึงคิดว่าเธอน่ารักกันนะ

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเร่งฝีเท้าเข้าไปในบ้าน ในเวลานี้ฝนได้เทลงมาแล้ว เผยหนานเจวี๋ยกลายเป็นลูกหมาตกน้ำ และเนื่องจากฉู่เจียเสวียนกลับมาทันเวลาพอดี ฉะนั้นเธอจึงหลบฝนทัน

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยเปียกปอนทั้งตัว แต่ว่าสีหน้าของเขากลับไร้ความตื่นตระหนก เดินกลับเข้าบ้านด้วยความสง่างาม ฝนโปรยปรายลงมาบนตัวเขา เขาดูหล่อเหลาอย่างมากในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนี้ มันเป็นความงดงามที่ยุ่งเหยิงรูปแบบหนึ่ง

 

 

           “รีบไปเปลี่ยนเสื้อ” ฉู่เจียเสวียนพูดออกมาโดยไม่ทันคิด หลังจากพูดออกมาแล้ว เธอก็รู้สึกเสียใจทันที เธอยังเป็นห่วงเขาจริงๆ

 

 

           เห็นท่าทางที่เป็นกังวลของฉู่เจียเสวียนแล้ว เผยหนานเจวี๋ยยิ้มอย่างพอใจ เธอก็ยังเป็นห่วงเขา อย่างน้อยก็ไม่มีทางที่จะไม่ใส่ใจเขาไม่ใช่หรือ

 

 

           “ถ้าเป็นหวัดแล้วอย่ามาโทษฉันนะ” ฉู่เจียเสวียนเบือนหน้าหนี พูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆ พยายามปกปิดความกังวลของตัวเองเมื่อครู่

 

 

           ตอนนี้เสื้อผ้าเปียกหมดแล้ว แม้จะมีความสุขที่ฉู่เจียเสวียนเป็นห่วงเขา แต่เขาก็รู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมากเวลาที่เสื้อเปียกๆ แนบแน่นอยู่บนตัว แต่เขาก็ไม่คิดที่จะไปเปลี่ยนเสื้อ ถ้าทำแบบนี้แล้วทำให้เธอเป็นห่วงได้ เช่นนั้นก็ให้เธอเป็นห่วงต่ออีกหน่อย ถึงอย่างไรเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นหวัดจริงๆ

 

 

           “คุณเป็นห่วงผมเหรอ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว แววตาเปื้อนยิ้ม

 

 

           “จะเปลี่ยนไม่เปลี่ยน” ตอนนี้ฉู่เจียเสวียนสงบอารมณ์ลงมาได้แล้ว สีหน้าเย็นชา เธอไม่คิดที่จะทำสีหน้าดีๆ ให้เขาดู

 

 

           เมื่อซูหรานมาถึงห้องโถง เห็นฉากนี้เข้าพอดี ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเยือกเย็นถึงจุดเยือกแข็งแล้ว

 

 

           “ยกอาหารมา” ซูหรานตะโกนเรียกคนรับใช้

 

 

           อาหารบำรุงทั้งหกอย่างถูกนำมาเสิร์ฟจนหมด สีหน้าของฉู่เจียเสวียนเปลี่ยน ซูหรานทำอาหารบำรุงให้อร่อยตามคำสั่งของเผยหนานเจวี๋ย แต่เขาไม่ได้บอกว่าภาพลักษณ์ต้องดูดีเช่นกัน

 

 

           ซูหรานพูดกับฉู่เจียเสวียนด้วยสีหน้ามั่นใจ พร้อมแนะนำวิธีทำรวมถึงประโยชน์ของอาหารทั้งหกอย่าง

 

 

           ฉู่เจียเสวียนยิ่งฟังคิ้วก็ยิ่งขมวดแน่น สีหน้าก็ยิ่งกลายเป็นน่าเกลียดกว่าเดิม

 

 

           “คุณหนูฉู่ เชิญคุณตามสบายนะครับ” หลังจากอธิบายถึงวิธีทำและประโยชน์เสร็จแล้ว ซูหรานก็ยิ้มเอ่ยกับเธอ

 

 

           มองดูของดำๆ ในแต่ละถ้วย ฉู่เจียเสวียนสงสัยว่ามันคืออาหารมืดแน่ๆ เธอไม่กินของบ้าๆ พวกนี้หรอก ยังไม่ทันกินก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว

 

 

           “ฉันไม่กิน” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปฏิเสธอย่างไม่เกรงใจ

 

 

           หันตัวหนีก้วยความรังเกียจ ตอนนี้เธอจะต้องไปจากที่นี่ ทันทีที่ได้กลิ่นพวกนี้เธอก็รู้สึกอึดอัด

 

 

           “คุณหนูฉู่ ผมได้ลองชิมแล้ว…”

 

 

           “ซูหราน ขึ้นไปเอาเสื้อผ้าให้ผม” เผยหนานเจวี๋ยขัดจังหวะซูหราน ออกคำสั่งเขา

 

 

           “ครับ” ซูหรานพยักหน้าตอบ หันหลังเดินขึ้นไปชั้นบน

กับดักรักในรอยแค้น

กับดักรักในรอยแค้น

ฉู่เจียเสวียนตกหลุมรักเผยหนานเจวี๋ยตั้งแต่แรกพบ แต่ก็เพียงชื่นชมเขาจากที่ไกลๆ เท่านั้น ด้วยรู้ดีว่าคนที่เขารักอย่างสุดหัวใจคือ ฉู่อีอี ผู้เป็นน้องสาว ทว่าเมื่อสามปีก่อนฉู่อีอีกลับมาขอให้เธอช่วยปลอมแปลงการตาย และเข้าพิธีแต่งงานกับเผยหนานเจวี๋ยแทนตัวเอง จนคนอื่นพากันคิดว่าเธอจงใจ ‘ฆ่าน้องสาว’ เพื่อแย่งเขามาครอบครอง! ถึงอย่างนั้น…เธอก็ยังคิดว่านี่เป็นโอกาสได้อยู่ข้างกายเขา และดูแลเขาอย่างเปิดเผยในฐานะที่ ‘ฉู่อีอีไว้วางใจ’ ทว่าทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่เธอคิด เผยหนานเจี๋ยเอาแต่โทษเธอและทำร้ายจิตใจเธอ จนสร้างรอยแผลในหัวใจของเธออย่างสุดประมาณ…

Options

not work with dark mode
Reset