กับดักรักในรอยแค้น – ตอนที่ 650 ชวนให้ประหลาดใจ / ตอนที่ 651 หน้าด้าน

ตอนที่ 650 ชวนให้ประหลาดใจ   

 

 

วันรุ่งขึ้น เผยหนานเจวี๋ยมาถึงที่คฤหาสน์หลีหยวนตั้งแต่เช้า ขณะที่เขามาถึงคฤหาสน์หลีหยวน ฉู่เจียเสวียนก็ยังไม่ตื่น

 

 

ติ๊งต่อง  เผยหนานเจวี๋ยกดกริ่งประตู

 

 

ซูซานได้ยินเสียงกริ่งก็ออกไปเปิดประตู เมื่อเห็นเผยหนานเจวี๋ยที่ยืนอยู่ด้านนอก สีหน้าก็เปี่ยมด้วยความประหลาดใจ

 

 

“ทำไมเธอมาเช้าจังเลยล่ะ?” ซูซานเอ่ยปากด้วยความประหลาดใจ เธอนึกว่าเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์เสียอีก

 

 

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณน้าซู” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวขึ้นเย็นชา เขาไม่เคยชินกับการอ่อนโยนต่อคนอื่นนอกเหนือจากฉู่เจียเสวียน ดังนั้นแม้แต่การทักทายจึงหยาบกระด้างอย่างเห็นได้ชัด

 

 

“อรุณสวัสดิ์ เข้ามาข้างในเถอะ ฉู่เจียเสวียนยังไม่ตื่นเลย เดี๋ยวฉันจะไปปลุกเธอ” ซูซานปิดประตูเรียบร้อย ก่อนจะเชิญเผยหนานเจวี๋ยเข้ามานั่งไปห้องรับแขก แล้วกำลังจะไปปลุกฉู่เจียเสวียน

 

 

“ไม่เป็นไรครับคุณน้าซู ให้เธอนอนเถอะ ผมจะรอเธอ” ริมฝีปากบางของเผยหนานเจวี๋ยยกยิ้มขึ้น เมื่อพูดถึงฉู่เจียเสวียนสีหน้าจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองเล็กน้อย

 

 

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเธอนั่งรอก่อนนะ ฉันจะไปทำงานสักแป๊บ”

 

 

เผยหนานเจวี๋ยพยักหน้าลง สายตามองดูซูซานเข้าห้องครัวไป เขาถอนสายตากลับมาเล็กน้อย หยิบนิตยสารบนโต๊ะขึ้นมาพลิกอ่าน

 

 

แสงอาทิตย์ในฤดูหนาวอบอุ่นเป็นพิเศษ ฤดูใบไม้ผลิสวนทางกับสายลมแผ่วเบา กลิ่นอายของฤดูใบไม้ผลิเข้าใกล้มาแล้ว ลมหนาวที่ผ่านพัดใบหน้าก็ไม่รู้สึกเสียดแทงกระดูกอีกต่อไป

 

 

แสงอาทิตย์สาดส่องเข้าห้องนอนโดยตรงจากนอกหน้าต่าง นำพาแสงแห่งฤดูใบไม้ผลิเข้ามาในห้อง

 

 

ขนตาของฉู่เจียเสวียนสั่นไหว เธอลืมตาขึ้นเล็กน้อย เงยหน้ามองดูนอกหน้าต่าง แสงสว่างที่แยงตาทำให้เธอรู้สึกค่อนข้างอึดอัด เปิดผ้าห่มลงจากเตียง เดินไปยังข้างหน้าต่าง เมื่อดึงผ้าม่านออกแล้วอากาศบริสุทธิ์ก็พุ่งเข้าจมูก

 

 

เธอสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไป ริมฝีปากแดงยกยิ้ม วันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

 

หมุนตัวและเดินเหยาะๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้า ฮัมเพลงเบาๆ พลางเลือกเสื้อผ้า

 

 

เมื่อคิดว่าเดี๋ยวเผยหนานเจวี๋ยจะมา อารมณ์ของเธอก็ยิ่งดีมากกว่าเดิม เลือกเสื้อสเวตเตอร์สีขาวตัวหนึ่ง ท่อนล่างสวมกระโปรงยาวครึ่งตัว เธอจำได้ว่าเผยหนานเจวี๋ยบอกว่าเธอใส่สีขาวแล้วสวย

 

 

แม้ว่าเผยหนานเจวี๋ยจะใส่ชุดสูทสีดำอยู่เสมอ แต่เขาก็ชอบให้เธอใส่ชุดสีขาว

 

 

เมื่อสวมเสื้อสเวตเตอร์เข้ารูป เรือนร่างที่สวยงามของฉู่เจียเสวียนเผยออกมาให้เห็นทันใด บวกกับกระโปรงสีดำครึ่งตัว การแต่งตัวของฉู่เจียเสวียนมีทั้งกลิ่นอายของความเป็นเด็กและความเป็นสาวเต็มตัว

 

 

มองดูตัวเองที่สวยงามอย่างเหลือเชื่อในกระจกยาว ฉู่เจียเสวียนก็ยิ้มขึ้นอย่างพอใจ หน้าตาของผู้หญิงที่อยู่ในกระจกงามดุจภาพวาด และภายในความเรียบง่ายนั้นยังคงไม่ทิ้งเอกลักษณ์แห่งความเป็นหญิง

 

 

ฉู่เจียเสวียนไม่รู้เลยว่าตอนนี้เผยหนานเจวี๋ยอยู่ที่ชั้นล่างแล้ว เธอยังคงแต่งตัวในห้องอย่างสบายใจ

 

 

การรอคอยนั้นทรมานอย่างไม่ต้องสงสัย เผยหนานเจวี๋ยอ่านนิตยสาร พลิกผ่านหน้าแล้วหน้าเล่า ที่จริงแล้วจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย เขาอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิด

 

 

ซูซานกำลังง่วนอยู่ในครัว ตอนที่เธอเปิดประตูนั้นยังนึกว่าเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์เสียอีก เมื่อได้เห็นเผยหนานเจวี๋ย เธอก็ตกใจแทบแย่

 

 

เวลาแปดโมงยี่สิบนาที ขณะที่ฉู่เจียเสวียนลงมาถึงชานบันไดและเห็นเงาของเผยหนานเจวี๋ยนั้น ก็รู้สึกประหลาดใจ เธอเดินเข้าไปหาเขาเงียบๆ

 

 

ฉู่เจียเสวียนมองเผยหนานเจวี๋ยด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เธออยากดูว่าเขาจะเพลิดเพลินกับตัวเองไปจนถึงเมื่อไร

 

 

ว่าแต่เขามาถึงตั้งแต่เมื่อไรกันนะ ทำไมแม่ถึงไม่บอกเธอล่ะ

 

 

จู่ๆ ลมพัดโชยมา เขาได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคย นั่นคือกลิ่นของฉู่เจียเสวียน  เธออยู่ที่นี่เหรอ  เขาเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจและพบว่าฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ข้างเขา

 

 

“เจียเสวียน” เขาเอ่ยปากด้วยความดีใจ ชอบการแต่งกายของเธอในวันนี้มาก

 

 

เขาจำได้เมื่อเธอยังเด็ก ฉู่เจียเสวียนก็มีกลิ่นอายของเด็กหญิงที่สดใสเป็นธรรมชาติเช่นนี้ ตอนนี้บนตัวของเธอมีกลิ่นอายของความเป็นผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นมา แต่รูปลักษณ์ยังคงอ่อนเยาว์และสวยงาม

 

 

 

 

ตอนที่ 651 หน้าด้าน   

 

 

เธอเปลี่ยนจากวัยเด็กผู้อ่อนหวานเข้าสู่วัยสาวผู้เข้มแข็งอย่างเป็นธรรมชาติ เวลาทำอะไรเธอไม่ได้เลยจริงๆ

 

 

ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว หน้าตาและรูปร่างของเธอไม่มีสัญญาณของความร่วงโรยเลยสักนิด แต่กลับยิ่งสวยมากขึ้นทุกที บุคลิกก็ยิ่งโดดเด่นขึ้นมาก

 

 

“คุณมานานแล้วเหรอ” ฉู่เจียเสวียนคิดไม่ถึงว่าเผยหนานเจวี๋ยจะมาถึงเช้าขนาดนี้

 

 

“เพิ่งมาถึงน่ะ” ที่จริงเขารอมาเกือบชั่วโมงหนึ่งแล้ว แต่ว่าหากเป็นการรอเธอเขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่า ได้เห็นฉู่เจียเสวียนแล้วเขารู้สึกว่าต่อให้รอนานกว่านี้ก็ไม่เป็นไร

 

 

“กินข้าวเช้าแล้วหรือยัง”  เขามาเช้าขนาดนี้ คงยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาสินะ?

 

 

ระยะหลังมานี้คนคนนี้ก็หน้าด้านเกินไปแล้ว กล้ามากินดื่มที่บ้านของเธอ ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนนอกแล้วจริงๆ เหรอ  ฉู่เจียเสวียนคิดในใจ คิ้วขมวดเข้าหากัน

 

 

“ยัง ผมอยากกินกับคุณ” เผยหนานเจวี๋ยยิ้มแล้วเอ่ยเสียงเบา เขาไม่รังเกียจที่เธอจะหัวเราะเยาะว่าเขาหน้าด้าน

 

 

“คุณเผย นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคนขอกินข้าวฟรีที่บ้านคนอื่นได้อ่อนหวานขนาดนี้” ฉู่เจียเสวียนพูดเย้า ยิ้มจนดวงตาโก่งงอ

 

 

“ฮ่าๆ…” ทำไมก่อนหน้านี้เขาไม่ยักรู้ว่าที่แท้เธอก็เป็นผู้หญิงที่มีอารมณ์ขันแบบนี้นะ? ดูเหมือนว่าเขาจะต้องใช้ความพยายามเพื่อเข้าใจเธอให้มากกว่านี้ถึงจะถูก

 

 

ท้ายที่สุดแล้วฉู่เจียเสวียนก็ยังสาว ถ้าหากไม่ใช่เพราะประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ฉู่เจียเสวียนก็คงไม่เปลี่ยนไปอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

 

 

“ไปเถอะ พวกเราไปกินข้าวเช้ากัน แม่ฉันน่าจะทำข้าวเช้าเสร็จแล้ว” ฉู่เจียเสวียนหัวเราะเสียงเบา ดึงมือของเผยหนานเจวี๋ยแล้วเดินไปยังโต๊ะกินข้าว

 

 

เมื่อคืนเธอยังไม่ได้กินข้าว เธอก็รู้สึกหิวตั้งแต่เช้าแล้ว

 

 

ทันทีที่มาถึงห้องกินข้าวก็ได้กลิ่นหอมของอาหารเช้า ท้องของฉู่เจียเสวียนประท้วงขึ้นมาในทันใด เธอลากเผยหนานเจวี๋ยไปนั่งที่หน้าโต๊ะกินข้าว ส่วนเธอก็เดินไปยังห้องครัวเพื่อช่วยซูซาน

 

 

“แม่คะ อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ฉู่เจียเสวียนเข้าไปในห้องครัว เอ่ยเรียกซูซานด้วยความอ่อนหวาน

 

 

“อรุณสวัสดิ์จ้ะ” ซูซานใส่ขนมปังลงในจานพอร์ซเลนสีขาว แล้วกล่าวอรุณสวัสดิ์กับเธอ

 

 

“หนานเจวี๋ยมานานแล้วหรือคะ” ฉู่เจียเสวียนยื่นมือรับจานมาจากมือของซูซาน พร้อมเอ่ยถามขึ้น

 

 

“อืม มาถึงตอนเจ็ดโมงครึ่งน่ะ” ซูซานยิ้มเอ่ย

 

 

“อ่อ เช้าจังเลย แม่คะ พอแล้วล่ะ ไม่ต้องทำแล้ว ไปกินข้าวเช้ากันได้แล้ว หนูหิวจะตายอยู่แล้ว” ฉู่เจียเสวียนถือจานสีขาวสองใบออกไปข้างนอก ในมือถือไว้ข้างละใบ วางจานใบหนึ่งลงตรงหน้าเผยหนานเจวี๋ย ส่วนอีกใบก็วางตรงตำแหน่งของซูซาน จากนั้นก็หันหลังเข้าห้องครัวไป

 

 

ระหว่างที่เข้าๆ ออกๆ ไม่นาน โต๊ะก็เต็มไปด้วยติ่มซำนานาชนิด เรียงรายละลานตา

 

 

เผยหนานเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้น มองดูฉู่เจียเสวียนที่นั่งลงข้างๆ ยิ้มเอ่ยเสียงเบา “ของกินเยอะจังเลย คงไม่ได้ทำเพื่อผมเป็นพิเศษหรอกนะ?”

 

 

ฉู่เจียเสวียนพยักหน้าด้วยความจริงจัง “อย่างนั้นต้องถามแม่ฉัน ใช่ไหมคะแม่?”

 

 

ซูซานออกมาจากห้องครัวก็ได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียน ความสงสัยฉายผ่านในดวงตาของเธอ “อะไรนะ”

 

 

“แม่คะ หนานเจวี๋ยบอกว่าข้าวเช้าที่แม่ทำอร่อยมากเลยค่ะ” ฉู่เจียเสวียนหัวเราะอย่างอ่อนหวาน พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

 

 

ไม่ใช่ว่าเธอจะโอ้อวด ฝีมือของแม่ของเธอนั้นเปรียบกับพ่อครัวนานาชาติเหล่านั้นได้จริงๆ เผยหนานเจวี๋ยได้ใจของผู้หญิงคนนี้ไปแล้วจริงๆ

 

 

ซูซานฟังแล้วก็มองไปที่เผยหนานเจวี๋ย เมื่อเห็นเขาพยักหน้า เธอก็ยิ้มออกมาแล้ว

 

 

“คุณน้า แบบนี้คุณน้าเหนื่อยเกินไปแล้วนะครับ ให้ผมหาคนใช้ให้คุณน้าดีกว่า” เผยหนานเจวี๋ยไม่อยากให้ซูซานต้องลำบากขนาดนี้ เพราะว่าเธอเป็นแม่ของฉู่เจียเสวียน ดังนั้นเขาจึงอยากทำดีกับเธอให้มากหน่อย

 

 

“เรื่องนี้ฉันคุยกับแม่นานแล้ว แต่แม่ฉันไม่ยอม บอกว่าไม่มีอะไรทำ จะต้องทำให้ฉันกินให้ได้” ฉู่เจียเสวียนก็คิดจะหาคนใช้เข้ามาดูแลซูซานอยู่เหมือนกัน

 

 

บางครั้งฉู่เจียเสวียนก็ยุ่ง เธอกลัวว่าบางครั้งเธอจะดูแลซูซานไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงต้องการหาคนใช้สองคนมาดูแลเธอ แต่เธอก็ไม่ยอม

กับดักรักในรอยแค้น

กับดักรักในรอยแค้น

ฉู่เจียเสวียนตกหลุมรักเผยหนานเจวี๋ยตั้งแต่แรกพบ แต่ก็เพียงชื่นชมเขาจากที่ไกลๆ เท่านั้น ด้วยรู้ดีว่าคนที่เขารักอย่างสุดหัวใจคือ ฉู่อีอี ผู้เป็นน้องสาว ทว่าเมื่อสามปีก่อนฉู่อีอีกลับมาขอให้เธอช่วยปลอมแปลงการตาย และเข้าพิธีแต่งงานกับเผยหนานเจวี๋ยแทนตัวเอง จนคนอื่นพากันคิดว่าเธอจงใจ ‘ฆ่าน้องสาว’ เพื่อแย่งเขามาครอบครอง! ถึงอย่างนั้น…เธอก็ยังคิดว่านี่เป็นโอกาสได้อยู่ข้างกายเขา และดูแลเขาอย่างเปิดเผยในฐานะที่ ‘ฉู่อีอีไว้วางใจ’ ทว่าทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่เธอคิด เผยหนานเจี๋ยเอาแต่โทษเธอและทำร้ายจิตใจเธอ จนสร้างรอยแผลในหัวใจของเธออย่างสุดประมาณ…

Options

not work with dark mode
Reset