การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 43

บทที่ 43 เรื่องลึกลับทั้งเจ็ด

 

ฉันรู้สึกขนลุกอย่างช่วยไม่ได้ ถึงจะไม่กลัวผีก็เถอะนะเพราะว่ามันทำอะไรเราไม่ได้นอกจากหลอกหลอนเท่านั้น

แต่ว่าพอตกอยู่ในสถานการณ์นี้ฉันเองก็ตกใจ มันหัวเราะอย่างน่ากลัว เต๊ะเปียโนแตกกระจายกลายเป็นเศษไม้

สายเปียโนพุ่งมา หัวของมันบินออกจากตัวทำเอาฉันถึงกับขวัญผวาถอยหลังไปด้วยสัญชาตญาณ แต่ในวินาทีเดียวกัน

ก็รู้สึกถึงมือข้างหนึ่งพุ่งมาจับไหล่จากด้านหลังฉันตกใจหันหน้ากลับไปมอง ภาพสีดำทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้ว

ทุกอย่างหายไปหมดภายในห้องนั้นกลับเป็นห้องดนตรีเหมือนเดิมอย่างน่าประหลาดใจ

ก็เห็นใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งที่เคยเห็นมาก่อน ผู้ชายคนนี้คือคนที่เป็นปีศาจที่โผล่มาตอนนั้นน่ะ.. จำได้ไหมตอนที่เลวี่อัดผู้ชายปีศาจคนหนึ่งกระเด็น

แล้วก็มีอีกคนโผล่มาหยุดไว้ นั่นแหละคนนั้นแหละ …

“เธอมาทำอะไรอยู่ที่นี่?”

“ผีหลอก—”

ฉันเผลอพูดออกไปอย่างลืมตัว เพราะเมื่อกี้ตกใจมากจริงๆ ฉันอยากจะเอาไม้หน้าสามฟาดหน้าผีบ้านั่นจริงๆ

เกือบหัวใจจะวายซะแล้ว ชายคนนั้นเอียงคออย่างงุนงง ไอ้หมอนี่ไม่รู้จักผีงั้นเหรอ ไม่สิ แต่เริ่มเดิมทีโลกนี้มันมีผีไหม?

นั่นอาจจะเป็นการสร้างภาพลวงตาฉันเฉยๆ ก็ได้ แล้วทำทำไม ทำเพื่ออะไร ฉันเริ่มไตร่ตรองถึงความเป็นจริง

“โอ้ เข้าใจแล้ว โย่ๆ เธอจะบอกว่าเห็นหนึ่งในเจ็ดเรื่องลึกลับใช่ไหม โย่”

ฉันถึงกับอึ้ง.. จู่ๆ เขาก็ทำท่าเหมือนกับคนบ้า เอ่อ.. จะว่างั้นก็ไม่ได้แต่ทำเสียงเหมือนกำลังแรปเปอร์อยู่เลยแหละ

ทั้งๆ ที่สำเนียงและบทพูดมันคนละทิศกันเลยนะ ว่าแต่หนึ่งในเจ็ดเรื่องลึกลับนี่คืออะไร

“โย่ แล้วเธอไม่ไปงานปฐมนิเทศงั้นเหรอ โย่”

“พอดีฉันหลงทางน่ะ…”

ไม่มีทางเลือกอื่นนี่น่า ถึงจะควรระวังไว้ก็เถอะนะแต่ขอใช้ประโยชน์ก่อนเถอะ ถ้าหากท่าทางไม่ดี ฉันก็แค่รีบหนีก็พอ

คิดได้แบบนั้นเลยพูดออกไปตามนั้น ถ้าหากหมอนี่ไม่คิดอะไรก็ดีไป ผู้ชายคนนั้นคิดอยู่พักหนึ่งก็พูดออกมา

“โอ้ งั้นไปด้วยกันเถอะ โย่ ข้าจำได้ว่าเจ้าคือพี่สาวของเด็กผู้หญิงที่ต่อยเผ่าข้ากระเด็นใช่ไหม โย่”

“อืม..”

จำได้เหรอ หรือว่าหมอนี่จะแค้นจนคิดจะวางแผนโจมตีฉัน ก็แบบว่า ลูกน้องโดนทำร้ายหากปล่อยคนที่ทำร้ายไป ลูกน้องจะไม่นับถือตัวเองอะไรแบบนี้

“ขอโทษแทนเผ่าข้าด้วยนะ โย่เย้ ข้ามีชื่อว่า แร็กน่ายินดีที่ได้รู้จักนะ”

ว่าแล้วก็ยื่นมือมาหาฉันด้วยรอยยิ้ม สัญชาตญาณการระวังตัวฉันถูกกระตุ้นทันที ไอ้คนที่ชื่อแร็กน่านี้.. อันตราย!

ก็สามารถยิ้มได้กับคนที่ทำร้ายลูกน้องตัวเองด้วยรอยยิ้มใสซื่อ แถมเป็นมิตรสุดขีดมันไม่มีหรอก!

ฉันต้องระวังเจ้านี่เพิ่มขึ้นสามเท่า! ฉันที่ถอยหลังไปตั้งตัวนั้นหมอนี้ก็เหมือนจะรู้ว่าตัวเองพลาดอะไรไป หึๆ พลาดแล้วยิ่งแยบยลเท่าไหร่ยิ่งมองออกง่าย

มันเลยดึงมือกลับไปนั่นเอง เพราะว่าทำตัวไม่มีปัญหาอะไรมากไปนั่นแหละเลยทำให้ฉันมองออก

(อันที่จริง แร็กน่าแค่รู้สึกว่าไปจับมือกับผู้หญิงที่พึ่งรู้จักกันไม่นานแถมต่างเผ่า มันน่าอายแถมยังไม่รู้จักกัน จะไปจับมือได้ยังไง เลยดึงมือกลับด้วยความตกใจ)

“งั้นไม่ไปกับข้าละ โย่ ข้าพอรู้ทางนะ”

โอ้ ใช้แผนชวนไปด้วยกันสินะ แต่ไหนดูซิ ว่านายจะสามารถทำอะไรฉันได้ในโรงเรียนนี้ คงไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้ง

ถ้าถูกพาไปยังที่ลับตาฉันก็รีบหนีก่อน.. นี่เป็นแผนที่สมบูรณ์แบบเลยล่ะ หากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็ใช้เวทมนตร์ปีศาจซะก็สิ้นเรื่อง

ด้วยเหตุนี้ฉันจึงพยักหน้าและเดินตามหมอนี่ไป .. ในขณะเดินฉันพยายามเว้นระยะห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เวลาเลี้ยวหัวมุมฉันจะรีบเดินไปใกล้ๆ จะได้ไม่โดนดักทำอะไรใส่ คนที่ชื่อแร็กน่าเหมือนจะรู้สึกอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ คงคิดว่าฉันเคี้ยวยากละสิ

(แค่ประหม่าตอนผู้หญิงเดินเข้ามาใกล้ๆ แค่นั้น ซึ่งเจ้าตัวเลทิเซียไม่ทราบถึงเรื่องดังกล่าวเลย)

“จริงสิ เธอมีชื่อว่าอะไรงั้นเหรอ?”

“เลทิเซีย”

ฉันตอบกลับไปแลบห้วนๆ ไม่ตอบชื่อปลอมเพราะหากหมอนี่หัวดีจริง ต้องไปสืบชื่อมาแล้ว อันที่จริงแค่ไปดูกระดานคะแนนก็รู้แล้ว

ฉันได้ที่หนึ่งด้วยนี่น่า.. ฉันรู้สึกเสียใจนิดหน่อยที่ดันไปทำตัวเด่น แต่แค่ทำลายน้ำแข็งกับถูกขัดขวางตอนสอบครั้งสุดท้ายเองนี่น่า

“องค์หญิงเลทิเซียสินะ”

นั่นไงว่าแล้ว เจ้าหมอนี่รู้แต่แรกอยู่แล้วว่าฉันเป็นองค์หญิง ทั้งๆ ที่ฉันยังไม่ได้บอกสักคำว่านามสกุลอะไร หรือเป็นองค์หญิง

การคาดเดาของฉันนี่แม่นยำจริงๆ แต่ถึงกับกล้าบอกฉันตรงๆ ว่า ‘ไปสืบข้อมูลมาแล้ว’ ดูท่าจะมั่นใจในแผนตัวเองมากสินะ

แต่เพราะความมั่นใจนั้นทำให้ฉันเริ่มกังวลขึ้นมาบ้าง ไอ้หมอนี่อาจจะมีไพ่ตายที่แข็งแกร่งอยู่จริงๆ ก็ได้นะ

(ดูกิริยาท่าทางเรียบร้อยของเลทิเซียเอา เลยรู้ว่าเลทิเซียอาจจะเป็นองค์หญิง ซึ่งหากเป็นขุนนางทั่วไปอาจจะแสดงท่าทางมากกว่านี้)

“จะว่าไปไอ้หนึ่งในเจ็ดเรื่องลึกลับที่ว่านั่นคืออะไร?”

ฉันที่เริ่มกังวลก็เปลี่ยนหัวข้อ ขณะคิดแผนรับมือความเป็นไปได้ทั้งหมดเพื่อยื้อเวลาในการเอาชีวิตรอด

“ไม่เคยได้ยินงั้นเหรอ ..? ว่าในโรงเรียนนี้มีเรื่องลึกลับมหัศจรรย์ถึงเจ็ดอย่างด้วยกัน เป็นเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายได้ทางเวทมนตร์หรือหลักการใดๆ ได้”

“อธิบายไม่ได้? มีความเป็นไปได้ว่าเป็นภาพลวงตานี่น่า?”

ฉันแย้งออกไป ดูเหมือนในโลกนี้จะมีเวทมนตร์ภาพลวงตาอยู่ และถ้าใช้มันก็สามารถอ้างได้นี่ แต่ว่าแร็กน่าส่ายหัว

“จริงอยู่ที่ภาพลวงตาสามารถหลอกหลอนสายตาได้.. หากเปรียบเทียบภาพลวงตาก็เหมือนสถานะติดตัวที่ทำให้คนคนหนึ่งเข้าใจผิดไปเอง.. โดยรวมไม่ว่าจะภาพลวงตาในแบบไหนก็เหมือนสถานะพิเศษที่ทำให้เข้าใจผิด”

“อืม.. แต่มันจะทนได้ทุกรูปแบบจริงๆ เหรอ?”

ฉันพยักหน้าอธิบายง่ายๆ ก็เหมือนการติดพิษสินะ แต่แล้วมันยังไงคงไม่บอกว่ามีจอมเวทที่ทนการใช้ภาพลวงตานี้ได้นะ

เพราะภาพลวงตามีวิธีใช้ที่แตกต่าง บางคนอาจจะหลอกประสาทสัมผัส บางคนอาจจะสร้างภาพในหัวหรือจิตใจ ฉันไม่คิดว่าคนคนหนึ่งจะทนทานได้ทุกรูปแบบหรอกนะ

“อันที่จริงไม่ใช่จำเป็นต้องทนทานภาพลวงตาทุกแบบ แต่ตราบใดที่มันยังเป็นภาพลวงตาต่างหาก มันจะไม่มีผลกับจอมเวทระดับพาลาดินไงล่ะ”

“เอ๋ หมายความว่าไง?”

ฉันไม่มีความรู้เรื่องพาลาดินมากที่สุดแล้ว เวทมนตร์ปีศาจก็มีลาน่า เวทมนตร์มนุษย์ก็มีหนังสือ แต่ว่าแค่หนังสือมันไม่ได้บอกเกี่ยวกับพาลาดินเท่าไหร่

ในอาณาจักรอาเดฟก็ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับพาลาดินเลย ทำให้ฉันไม่รู้จัก แม้แต่ข้อมูลที่เทพยกมาให้ยังไม่มีเลยนะ

“พาลาดินสามารถสร้างคัมภีร์แห่งรูนขึ้นมาได้.. ใช่ นั่นคือพาลาดินและเหตุผลที่สร้างขึ้นมาเพื่ออะไร? นั่นก็เพื่อจำลองแบบแนวคิดของสิ่งต่างๆ ยังไงล่ะ!”

ฉันถึงกับรู้สึกงงงวย จำลองแบบแนวคิดของสิ่งต่างๆ?

“พูดให้ถูกก็คือ บนโลกนี้มีแนวคิด ความเชื่อ และความเป็นจริง เช่นเวทมนตร์ มองเผินมันคือสิ่งที่มีอยู่จริง.. แต่หากสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีเวทมนตร์ มองเวทมนตร์มันจะเรียกสิ่งนี้ว่า ‘เวทมนตร์’ หรือเปล่า? คำตอบคือ ไม่”

“มันจะมองว่าเป็นเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยความรู้ของมัน ดังนั้นมันจึงกลายเป็นแค่ ‘แนวคิด’ อย่างหนึ่งของมันเท่านั้น พูดก็คือไม่ว่าจะเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ ฟ้า อากาศ ดวงดาว ทุกอย่างล้วนตีเป็นแนวคิดได้ หรือแม้กระทั่งสิ่งไม่มีอยู่จริงในโลกใบนี้ก็ตามที”

“และหนังสือเล่มหนึ่งคือการจำลองแนวคิดเหล่านั้นใส่ เพื่อที่จะหยิบยืมพลังนั้นๆ มาใช้ และป้องกันมันจากสิ่งนั้นๆ กล่าวคือจอมเวทพาลาดินหากสร้างคัมภีร์แห่งภาพลวงตาขึ้นมา มันจดไม่มีทางโดนลวงตา ‘ตราบที่ยังเป็นภาพลวงตา’ นั่นแหละ”

ฉันถึงกับรู้สึกทึ่ง แบบนั้นมันก็เหมือนคุณภูตเลยน่ะสิ ฉันฟังมาจากเลวี่ สำหรับภูตนั้นเป็นตัวแทนแนวคิดของสิ่งต่างๆ

แต่คัมภีร์คือจำลองของปลอมขึ้นมาเฉยๆ แต่ก็สามารถต้านทานได้เหมือนของจริง แต่ถ้าปะทะกับของจริงก็อาจจะแพ้อะไรแบบนี้สินะ?

“เอ๊ะ งั้นจะบอกว่าเรื่องลึกลับทั้งเจ็ด ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยภาพลวงตา หรือแม้แต่พวกคนที่สร้างแบบจำลองแนวคิดขึ้นมา… ไม่ได้หมายความว่ามันอยู่นอกเหนือความจริงและไม่จริงของแนวคิดบนโลกใบนี้เลยงั้นเหรอ?”

“ใช่.. เหมือนจะเป็นแบบนั้น”

เอ๊ะ.. ไอ้นั่นฆ่าฉันได้จริงๆ น่ะสิ .. ฉันถึงกับตกใจเกือบตายจริงๆ ซะแล้วสิ ในโรงเรียนนี้นอกจากจะต้องระวังพวกสิ่งมีชีวิต ยังต้องระวังพวกผีอีกเหรอ?!

ชีวิตในโรงเรียนของฉันทั้งสามปี.. จะรอดไหมเนี่ย?!

 

………………….

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!
Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset