การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม – ตอนที่ 61

บทที่ 61 – ยุทธการสมบูรณ์แบบ

 

ตอนแรกเพราะผู้หญิงคนนี้ดูเป็นคนที่เงียบๆ และไม่ค่อยพูดค่อยจาแต่เป็นคนที่แสดงออกทางการกระทำแทนคล้ายๆ ซิลเวีย

ตอนแรกฉันคิดว่าเธอน่าจะอันตราย แต่เมื่อเวลาผ่านไปฉันเลยรู้ทันทีว่าเธอไม่ค่อยเก่งในการพูด แต่ชอบแสดงออกผ่านการกระทำ

และก็ไม่ได้อยู่ใกล้ฉันบ่อยๆ ฉันเลยไม่ได้สังเกตเธอมากเพราะจำเป็นต้องระวังคนอื่นเสมอ ถ้าจะให้ตรวจละเอียดทุกคนคงไม่ไหว

นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันในตอนนี้กำลังตกตะลึงมาก เพราะผู้หญิงคนนี้เก่งมาก เก่งในระดับที่ฆ่าฉันตอนไหนก็ได้!

หากฉันไม่ช่วยเสริมพลังอะไรก่อน คงเป็นฉันเองที่จะตาย ในตอนนี้ถ้ามีพารามิเตอร์วัดระดับความระวังต่อคนอื่นของฉันละก็

ที่ต้องระวังมากที่สุดตอนนี้คือทสึรุไม่ผิดแน่ ควรระวังเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ซะด้วยซ้ำ แม้แต่สัญชาตญาณยังบอกฉันว่า ควรหลบหนีจากผู้หญิงคนนี้

“หืม เป็นอะไรงั้นเหรอ ยังไม่หายโกรธข้างั้นเหรอ?”

“อ.. อืม.. เปล่าหรอก.. ฉันขอตัว”

ไม่แสดงความระแวงให้ศัตรูเห็น นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดขึ้นมาในเสี้ยวพริบตานั้นและ พยายามเดินออกมาอย่างรวดเร็ว

ตีตัวออกห่างจากศัตรูโดยไม่แสดงอารมณ์ให้ศัตรูเห็น นั่นคือพื้นฐานที่ต้องระวังศัตรู แต่เหมือนผู้หญิงคนนี้จะกัดไม่ยอมปล่อย

“ข้าขอโทษจริงๆ นะ.. เอ่อ… คือ..”

เธอเดินตามฉันมาติดๆ แต่ฉันพยายามขยับตัวออกห่างช้าๆ ไม่ให้รู้ตัว แต่น่าแปลกใจที่ระยะห่างกลับไม่เพิ่มขึ้น แต่มันกลับลดลง

ผู้หญิงคนนี้มัน.. รู้ทันทีที่ฉันจะหลบหนีการประชิดตัวงั้นเหรอ นี่ขนาดเนียนสุดๆ แล้วนะ! ฉันไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะดื้อดึงถึงขนาดนี้

“ฉันบอกว่าไม่เป็นไร..”

“แต่เห็นๆ อยู่ว่าท่านเป็นอยู่ งั้นเอาแบบนี้ข้าจะทำตามที่ท่านเลทิเซียขอทุกอย่างหนึ่งอย่างเพื่อเป็นคำขอโทษ”

นั่นไง ว่าแล้วเป็นเพราะความประมาทของฉันแท้ๆ ผู้หญิงคนนี้ดันรู้ทันไปซะแล้ว บางทีผู้หญิงคนนี้อาจจะมองออกถึงการระแวดระวังของฉันที่เพิ่มขึ้น

ด้วยเหตุนี้เลยกัดไม่ปล่อยเพราะกลัวว่าฉันจะไปหาวิธีตอบโต้เธอได้ เพราะเห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ครั้งนี้เธอเหนือกว่าฉัน

นี่อาจจะเป็นการทดสอบฝีมือฉันว่าฉันจะเก่งขนาดไหน แต่คงไม่คิดว่าฉันจะไหวตัวเร็วขนาดนี้ละสิ ไม่ตลกนะ ฉันไม่อ่อนต่อโลกขนาดนั้นหรอกจะบอกให้!

และด้วยความที่ฉันไหวตัวทันเลยไม่มีทางเลือกที่จะหยุดฉัน ก่อนที่ฉันจะไปหาวิธีป้องกัน นี่มันเป็นมือสังหารระดับโปรเลยนี่น่า

เป็นแค่เด็กแต่ทำได้ขนาดนี้.. โลกนี้นี่ใช้ตรรกะอะไรมาวัดไม่ได้จริงๆ แต่ที่น่าคิดหนักคือ ถ้าเธอจะลงมือเธอก็ควรโจมตีเลยสิ

จะมาเดินตามซักไซ้ทำไม? แถมยังบอกว่าขออะไรก็ได้แบบนี้ … แต่ถึงจะไม่รู้ว่ามีแผนการอะไรไว้แต่อันตรายก็คืออันตราย กันไว้ดีกว่าแก้

(อันที่จริง ‘ท่านเป็นอยู่’ ที่ว่าหมายถึงโกรธเธอที่โจมตี แต่เลทิเซียเข้าใจว่า เป็นอยู่ .. และด้วยความที่ว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเลทิเซียคือ

‘ฉันไม่เป็นไร’ ทั้งๆ ที่ข้างในกำลังเริ่มหวาดระแวง ดังนั้นเมื่อทสึรุบอกเป็นอยู่.. ทำให้เลทิเซียเข้าใจด้วยความคิดชาญฉลาดของเธอทันทีว่า

‘ผู้หญิงคนนี้รู้ว่าฉันกำลังเป็นอะไรอยู่!’ ซึ่งหมายถึงเริ่มระแวงนั่นเอง)

ทำตามที่บอกทุกอย่างงั้นเหรอ บางทีฉันอาจจะใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้ ไม่สิ.. ต้องใช้เท่านั้น เพราะว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปแผนอันตรายของผู้หญิงคนนี้สำเร็จแน่ๆ

เธอถือไพ่เหนือกว่าฉัน ดังนั้นฉันต้องพลิกกระดาน แต่จะบอกว่าห้ามยุ่งกับฉันมันก็จะดูชัดเจนไป แน่นอนง่ายัยนี่ไม่ฟังแน่ๆ

ฉันต้องคิดคำขอที่ทำให้เจ้าตัวไม่รู้ตัวว่านี่เป็นคำขอให้ออกห่าง แต่ก็ต้องออกห่างเพราะมันจำใจ!

ใช่ นั่นคือแผนของฉัน แต่ว่ายังไงล่ะ… ฉันใช้ประสาทสัมผัสที่รวดเร็วยืนคิดในระยะเวลาสั้นๆ!

นึกออกแล้วการทำให้เธอกลัวฉันยังไงล่ะ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมีแผนและเหนือกว่าฉัน ว่าง่ายๆ คือไพ่ในมือมีเยอะกว่า ฉันจะทำยังไงดีละ

ถึงจะมีคำขอหนึ่งอย่าง แต่สุดท้ายก็เป็นคำขอที่อีกฝ่ายกำหนดขึ้นมาเอง ต้องอยู่ภายใต้การยอมรับอีกฝ่ายจริงๆ ฉันจะพลิกกระดานกลับมาให้อีกฝ่ายด้อยกว่าและกลัวฉันยังไง ทำยังไงถึงจะตีตัวออกห่างได้!

คิดสิคิด! คิดถึงความเป็นไปได้มากมายที่ไร้จุดสิ้นสุดนี่! ฉันมีอะไรได้เปรียบผู้หญิงคนนี้เรื่องแผนการบ้าง!

ขณะนั้นเองความทรงจำจากชาติที่แล้วก็ไหลเข้ามา พยายามนึกว่าในโลกเดิมมีอะไรที่พอจะทำให้พลิกกระดานในครั้งนี้ได้

อีกอย่างอีกฝ่ายมีเป้าหมายเพื่อการอยู่ใกล้กับฉัน ดังนั้นถ้าจะพลิกกระดานอีกฝ่ายคงไม่ยอม ดังนั้นฉันต้องใช้บรรทัดฐานสูงๆ ในการดึงมาเป็นแผนการ

กล่าวก็คือหากใช้แผนการทั่วไปที่ทำให้กลัว อาจจะได้ผลจริง แต่อย่าลืมว่าอีกฝ่ายมีเป้าหมายเพื่อเข้าใกล้ฉัน หากยอมถอยง่ายไปคงไม่ใช่

ดังนั้นถ้าจะทำก็คือใช้วิธีที่แม้แต่น้องสาวฉันยังอยากอยู่ห่างๆ! ใช่ เลวี่ยังไงล่ะ! ช่วงนี้เลวี่ตีตัวออกห่างฉันพอดี!

คิดให้ออกสิ ฉันทำอะไรให้เลวี่ไม่พอใจจนต้องตีตัวออกห่าง ภาพในอดีตไหลย้อนกลับมาในหัวฉันเป็นฉากๆ

จะว่าไปเลวี่เริ่มเป็นแบบนี้หลังจากเปิดเรียนวันแรก เมื่อสองเดือนก่อน… ใช่ วันเรียนวันแรก… ดวงตาฉันค่อยๆ เบิกขึ้น

พอคิดถึงเรื่องวันนั้น.. อย่าบอกนะว่าเลวี่ได้ยินฉันคุยกับคนที่หน้าเหมือนลูเซียคนนั้น… แต่ว่าอะไรเป็นประโยคที่ทำให้เธอตีตัวออกห่าง

เพราะฉันบอกว่าตัวเองเป็นพี่ของลูเซีย? ไม่สิ เรื่องนั้นถ้าหากเลวี่ดูอยู่ก็น่าจะเข้าใจว่า ลูเซียไม่ใช่น้องฉันเพราะเธอบอกเอง

(เลทิเซียไม่เข้าใจความรู้สึกผู้หญิงหรือน้องสาวจ้า…)

เดี๋ยวนะ.. พี่เหรอ… พี่.. พี่ชาย! ฉันตกใจ นี่ฉันจำได้ว่าฉันบอกว่าเป็นพี่ชาย แต่ตอนนี้ฉันเป็นผู้หญิง

นี่แหละใช่เลย! มันต้องใช่แน่! .. ฉันคิดอย่างถี่ถ้วนเสร็จศัพท์ว่าควรพูดไปดีไหม.. แต่มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!

แต่การที่บอกว่าเป็นผู้ชายนี่มันจะไม่น่าเชื่อถือไปหน่อยเหรอ? แบบฉันเป็นผู้หญิงแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ในภายนอก แต่ถ้าบอกเป็นผู้ชายห้วนๆ นี่ใครจะเชื่อ

ไม่สิ เป็นใครก็คงมองออกว่าผู้หญิงคนนี้เพี้ยน เผลอๆ ถูกมองออกว่าจะทำให้รังเกียจไม่อยากเข้าใกล้ แถมแค่บอกว่าเป็นผู้ชายนี่น่าจะสร้างความกลัวไม่ค่อยได้เลย..

ใช่.. ในเสี้ยวพริบตานั้นเองที่ฉันนึกถึงเรื่องในชาติก่อนได้ว่า เมื่อผู้คนรู้สึกขยะแขยงก็จะรู้สึกกลัว และไม่อยากเข้าใกล้ในเวลาเดียวกัน

จะถูกตีว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรเข้าใกล้ เช่นคนบ้า ใครจะอยากไปอยู่ใกล้ๆ คนบ้าที่มีท่าทางแปลกๆ น่าขยะแขยงกันละ.. ที่ฉันรู้เพราะฉันเคยถูกมอง

ถึงในชาตินี้จะเกิดใหม่มาแล้ว แต่ฉันก็เคยอยู่ในร่างแห่งความน่าขยะแขยงกว่ายี่สิบปีเชียวนะ คิดว่าฉันจะไม่รู้วิธีทำให้คนอื่นรังเกียจหรือไง!

ฉันตัดสินใจและหันกลับมาหาทสึรุด้วยสีหน้าจริงจัง

“เมื่อกี้เธอบอกว่า ขออะไรก็ได้ใช่ไหม?”

“แน่นอน ข้าพูดแบบนั้นจริงๆ เพื่อเป็นการไถ่โทษน่ะนะ!”

เสร็จฉันล่ะ ฉันไม่เคยมั่นใจอะไรขนาดนี้มาก่อน ฉันขอเรียกมันว่า ยุทธการปลอมแปลงเป็นโรคจิต!

“คือถึงจะเห็นฉันเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบนี้… แต่ข้างในฉันน่ะ..”

“….?”

“ข้างในฉันน่ะเป็นผู้ชายนะ!”

“เอ๋?”

ฉันแอบมองปฏิกิริยาตอบสนองทสึรุที่แสดงสีหน้ามึนงงออกมา เหมือนกับสมองหยุดทำงาน! ใช่ แบบนี้แหละ

ต้องจู่โจมต่อโดยไม่ให้ตัว ฉันคิดแบบนั้นแล้วก็พูดต่อ

“เพราะแบบนั้น ฉันมีเรื่องอยากจะบอกเธอ… จริงๆ แล้วฉันน่ะ.. ชอบเธอล่ะ ได้โปรดเป็นแฟนกับฉันด้วยเถอะนะ”

“เอ๋? เอ่อ? เอ๋…เอ๋~~~?”

“มันอาจจะฟังดูแปลกๆ .. แต่ข้างในฉันน่ะเป็นผู้ชาย.. และฉันน่ะอยากจะมีเจ้าสาวเป็นเธอและมีลูกกับเธอจริงๆ เพราะงั้น….”

ว่าแล้วฉันก็ดึงแขนของเธอที่สูงกว่ามาแล้วก็จูบเข้าที่ปากของเธอภายใต้แสงจันทร์ เพราะกลัวว่าผู้หญิงคนนั้นมีเวทมนตร์ประเภทพิษบนปาก

เลยใช้เวทป้องกันริมฝีปากไว้ก่อน ดังนั้นที่ถูกเลยเป็นเกราะพลังงานชั้นบางๆ ที่มีสัมผัสเหมือนริมฝีปากฉันจริงๆ น่ะนะ

สมบูรณ์แบบเลยแหละ! การที่มีผู้หญิงไม่สนิทมาบอกว่าฉันน่ะเป็นผู้ชาย และชอบเธอ อยากแต่งงานอยากมีลูกและจู่โจมกะทันหันโดยการจูบ

นี่ถ้าอยู่โลกเดิม โดนจับข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ และถูกมองเป็นคนโรคจิตที่เป็นผู้หญิงแต่อยากมีลูกในฐานะผู้ชายกับผู้หญิง

แถมยังจูบไปเฉยๆ .. นี่มันยุทธการที่สมบูรณ์แบบมาก!

ต่อให้วางแผนอะไรไว้ก็คงต้องกลัวบ้างแหละ!

ยิ่งถ้าเป็นโลกเดิมฉันคงถูกตบรุมด่าประณามแน่ๆ

 

แผนการที่สมบูรณ์แบบ

 

……..

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม

เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!
Status: Ongoing
เรน ชายหนุ่มผู้มองโลกในแง่ร้ายสุดแสน ดันเป็นบัคจึงไปเกิดใหม่ในต่างโลกพร้อมพรสามข้อได้ แต่ด้วยพรสามข้อบางอย่างในคำขอทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้หญิงทั้งยังกลายเป็นจอมมารไม่พอยังถูกแม่ตัวเองทิ้งไว้กลางป่าไปเฉยเลย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset