กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess – ตอนที่ 42 ท่านชอบมันหรือไม่

ในวันที่สอง เมื่อหลินเสี่ยวเฟย มาที่หงเป่ยโหลวอีกครั้ง ดวงอาทิตย์เริ่มจะขึ้นและถนนก็ว่างเปล่า

 

เธอเห็นว่าประตูหลักของโรงเตี๊ยมถูกปิด และคิดว่าพวกเขาไม่สามารถรับจดหมายได้ทันเวลา และคงจะไม่มีใครเเจ้งเกี่ยวกับการมาของเธอ

 

เธอเงยหน้าขึ้นมองดูโรงเตี๊ยมเเห่งนี้ หลินเสี่ยวเฟยจึงตัดสินใจกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน และจะกลับไปที่โรงเตี๊ยมหงเป่ยโหลวเมื่อประตูเปิด

 

แต่ในขณะที่เธอกำลังจะหันหลังกลับ เสี่ยวเอ้อที่ทำหน้าอยู่ในโรงเตี๊ยม ซึ่งเคยเเนะนำให้เธอไปพบกับผู้จัดการของหงเป่ยโหลว ได้ปรากฏตัวจากทางเข้าด้านหลังเล็กๆ ซึ่งเป็นทางเข้าของพนักงาน

 

“แขกผู้มีเกียรติ” เสี่ยวเอ้อกล่าวพร้อมกับโค้งคำนับเธอ ก่อนจะเหยียดหลังตรง

และกล่าวเสริมว่า “เจ้านายของข้า อยู่ด้านใน และกำลังรอท่านหญิงอยู่ โปรดตามข้ามา”

 

หลินเสี่ยวเฟยเหลือบมองพนักงานด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณ”

 

เธอเดินตามเขาไปทางเข้าด้านหลัง และเมื่อเข้าไปข้างใน เธอพบว่าพวกเขาอยู่ในทางเดินที่ยาวและแคบ แสงไฟในทางเดินก็ดูมืด และเมื่อพวกเขาเดินผ่านเข้าไป เธอสามารถเห็นได้ว่า ทางเข้าด้านหลังไม่ใช่ทางเดินธรรมดาสำหรับพนักงาน

 

และแทนที่จะขึ้นบันไดเหมือนคราวที่แล้ว กลับหยุดอยู่ตรงหน้ากำแพง หลินเสี่ยวเฟยอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หยุดลงเมื่อเห็นพนักงานกดบางอย่างบนผนังทางด้านซ้ายของเขา และในไม่ช้าก็ได้ยินเสียงดังก้องเบาๆในไม่ช้า

 

เสียงมาพร้อมแสงที่ส่องออกมาจากกำแพงตรงหน้าพวกเขา ทันใดนั้นทางเดินลับอีกทางหนึ่งก็ปรากฏขึ้น

 

จากมุมมองของเธอ หลินเสี่ยวเฟยสามารถมองเห็นบันไดได้ แต่มันจะไม่นำพาพวกเขาขึ้นไปชั้นบน แต่กลับเป็นบันไดม้วนลงไปทางชั้นล่างแทน โรงเตี๊ยมเเห่งนี้มีเพียงเเค่สามชั้นและพวกเขากำลังยืนอยู่บนชั้นหนึ่ง เขาจึงสงสัยว่าทำไมถึงมีบันไดพาพวกเขาลงไปชั้นล่าง?

 

หลินเสี่ยวเฟยมองดูสิ่งนี้สักครู่ ก่อนที่เธอจะได้ยินคำบอกกล่าวจากเสี่ยวเอ้อ “ท่านหญิง โปรดก้าวลงบันได ที่จะพาท่านไปยังที่ที่เจ้านายของข้าอยู่”

 

“เจ้าไม่นำทางข้าไปหรือ” หลินเสี่ยวเฟยถามเขา

 

พนักงานเสิร์ฟส่ายหัวและกล่าวตอบว่า “บันไดนี้ใช้โดยเจ้านายข้าเท่านั้น และในฐานะลูกน้อง พวกเราไม่ควรใช้บันไดนี้”

 

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมถึงยอมให้ข้าใช้ล่ะ”

 

“ตามคำสั่ง ท่านเป็นแขกของของเจ้านายและเขาอนุญาตให้ท่านใช้มัน” เสี่ยวเอ้อหยุดขณะที่เขามองไปที่ดวงตาของหลินเสี่ยวเฟย ที่ไม่ได้ปิดบังด้วยผ้าคลุมครึ่งล่างของใบหน้าของเธอ

 

เป็นเวลาหลายปี ที่เขาทำงานที่หงเป่ยโลว เขาไม่เคยเห็นใครได้ใช้บันไดที่นำไปสู่ห้องลับ นอกจากเจ้านายของพวกเขาเอง

 

หลินเสี่ยวเฟยลังเลที่จะใช้บันได ซึ่งจะพาเธอลงไปข้างล่าง ไม่ว่าเธอจะต้องการพบเจ้านายของที่นี่มากแค่ไหนก็ตาม เธอก็ไม่สามารถละทิ้งความหวาดระแวดและความไม่แน่นอนของเธอได้

 

เท้าของเธอหยั่งรากลงบนพื้น ขณะที่เธอสั่นสะท้านกับความทรงจำที่เธอเคยถูกบังคับให้เข้าไปในคุกใต้ดิน ที่คฤหาสน์ขององค์ชายสี่ เธอกรีดร้องและพยายามขัดขืนพวกของหยูเฟิงซู ขณะที่พวกเขาลากผมของเธอ ก่อนที่จะโยนเธอไปที่คุกใต้ดิน

 

เมื่อฝันร้ายแห่งความทรงจำของเธอเข้ามาในความคิดอีกครั้ง เหงื่อของเธอก็หยดลงบนหน้าผาก ขณะที่เธอมองไปข้างหน้า

 

เสี่ยวเอ้อที่อยู่ข้างๆหลินเสี่ยวเฟย รู้สึกถึงความกลัวของเธอ และไม่แน่ใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ในตอนเเรกเธอดูสบายดี เมื่อพวกเขาเดินไปตามทางเดิน แต่ทันทีที่ตาของเธอจับจ้องไปที่บันได ที่นำไปสู่ห้องลับ หญิงสาวก็เริ่มหวาดกลัวและดูเหมือนว่าเธอถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับความตาย

 

“ท่านหญิง?” เสี่ยวเอ้อเรียกหญิงสาวที่อยู่ข้างๆที่ไม่ตอบสนอง และเขาต้องเรียกเพื่อเตือนเธออีกสองสามครั้ง ก่อนที่เธอจะเลิกครุ่นคิดและมองมาที่เขาด้วยสีหน้าที่ตกใจ

 

“ว่าอย่างไร?” หลินเสี่ยวเฟย ตอบอย่างอึดอัดใจ

 

“ท่านสบายดีหรือไม่?”

 

เธอหยุดมองเขาก่อนจะพยักหน้าตอบ

 

หลินเสี่ยวเฟยถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอรู้สึกขอบคุณบริกรที่ขัดจังหวะความคิดของเธอและพาเธอกลับมาที่ปัจจุบัน

 

โดยไม่ลังเล เธอยกกระโปรงขึ้นแล้วก้าวลงบันได

 

 

เธอใช้เวลาหนึ่งนาที กว่าจะถึงจุดสิ้นสุดของบันได

 

หลินเสี่ยวเฟยเบิกตากว้างด้วยความกลัว ขณะที่เธอก้าวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว ความลังเลและความกลัวของเธอหายไปก่อนหน้านี้ และสิ่งที่เข้ามาแทนที่มันคือความรู้สึกที่ผ่อนคลายได้เบ่งบานลึกลงไปในตัวเธอ

 

หลังจากก้าวลงบันไดไป ใครจะคิดว่าห้องที่เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์และทิวทัศน์ที่สวยงามจะปรากฏอยู่ในสายตาของเธอ

 

ห้องนี้เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน และพื้นก็เต็มไปด้วยหญ้า ที่ถูกตัดแต่งอย่างดี อย่างไรก็ตาม ไม่มีแสงแดดที่สามารถส่องถึงที่นี่ได้ แต่พวกมันก็ยังดูน่ารักกว่าต้นไม้และดอกไม้ในคฤหาสน์ตระกูลหลิน

 

บางทีต้นไม้และดอกไม้ในห้องนี้ อาจเป็นชนิดเดียวกับที่ปลูกในถ้ำ ดังนั้น มันจึงสามารถเติบโตได้ภายในสถานที่นี้

 

และตรงกลางห้องที่กว้างที่สุด มีอัญมณีที่มีขนาดเท่ากับก้อนหินขนาดใหญ่ กำลังให้แสงที่ส่องสว่างทั่วทั้งห้อง ด้วยแสงสีขาวอมเหลือง ทำให้ทั้งห้องดูเหมือนถูกอาบด้วยแสงแดด

 

ในทางกลับกัน มีโต๊ะหินและเก้าอี้อยู่ทางด้านซ้ายของอัญมณี ทั้งยังมีชาร้อนกับของว่างเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะ ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังเพลิดเพลินกับเวลาของเขาก่อนหน้านี้

 

ฉากที่สวยงามที่ทำให้หลินเสี่ยวเฟยตกตะลึง เเละทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ หลังจากเดินผ่านทางเดินและบันไดที่มืดเล็กน้อย

 

ขณะที่เธอกำลังชื่นชมสิ่งของห้องภายในห้อง หลินเสี่ยวเฟยไม่ทันสังเกต ว่ามีคนอยู่ข้างหลังเธอแล้ว หรือบางที คนที่อยู่ข้างหลังเธอคงเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการซ่อนตัว

 

ทันใดนั้น อากาศอุ่นๆก็ค่อยๆดังขึ้นผ่านหูของเธอ ขณะที่เธอได้ยินเสียงที่กำลังใกล้เข้ามาว่า “ท่านชอบสิ่งเหล่านี้หรือไม่”

The Birth of a Villainess

The Birth of a Villainess

กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess “เจ้าไม่ได้ตัวคนเดียว เราเป็นหุ้นส่วนในอาชญากรรม หากเจ้าเป็นแม่มด ข้าก็จะเป็นพ่อมดของเจ้า” … หลังจากการตายอย่างโหดร้ายของเธอ เสี่ยวเฟยพบว่าตัวเองกลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของคุณหนูที่งดงามจากตระกูลหลินผู้สูงศักดิ์ที่มีชื่อเดียวกันกับเธอ เธอเกิดมาพร้อมกับใบหน้าอันงดงามที่ไม่มีใครเทียบได้ เอาชนะใจชายทุกคนและแม้แต่ผู้หญิงก็ต่างอิจฉาในชีวิตที่แล้วของเธอ แต่เธอกลับตกหลุมรักองค์ชายอย่างโง่เขลา และถูกลิขิตให้ตายอย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของคนที่เธอรัก ในชีวิตและร่างกายใหม่นี้ กลอุบายอันชั่วร้ายและเรื่องอื้อฉาวก็ยังวนเวียนอยู่รอบตัวเธอ แม้จะเกิดใหม่แล้วก็ตาม เธอก็เริ่มทำแบบเดียวกันกับคนเหล่านั้นและจะโหดเหี้ยมต่อผู้ที่คิดต่อต้านเธอ ชายหนุ่มและและหญิงสาวต้องโค้งคำนับ บัลลังก์ทองคำต้องถูกส่งต่อ อาณาจักรจะต้องถูกพิชิตและเผาทำลาย หัวใจต้องถูกแย่งชิง ด้วยยุคอันโหดร้ายเช่นนี้ ผู้คนทำได้เพียงพยายามบังคับและป้องกันตนเองจากอันตราย อย่างไรก็ตาม ใครจะคิดว่าชายที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและเย่อหยิ่งจะเข้ามาในชีวิตของเสี่ยวเฟยอย่างกะทันหัน? และเขายังกระซิบข้างหูของเธออย่างไร้ยางอายว่า “ศัตรูของภรรยาข้าก็คือศัตรูของข้า และความปรารถนาของภรรยาข้าก็คือความปรารถนาของข้าเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ข้ายังมีความปรารถนาอีกอย่างหนึ่งที่มีแต่ภรรยาข้าเท่านั้นที่จะมอบให้แก่ข้าได้” “นั่นคือภรรยาข้าต้องกลายเป็นอาหารเช้า กลางวัน เย็น ให้แก่ข้า” เสี่ยวเฟย: “……”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset