กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess – ตอนที่ 52 ดักฟัง

กําเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess

ตอนที่ 52 ดักฟัง

 

หลินเสี่ยวเฟยลูบหัวเด็กชายผู้นี้เบาๆ ขณะที่พวกเขานั่งอยู่บนเตียง

 

เมื่อถอดเสื้อคลุมออก ผมสีทองของเด็กชายผู้นี้ก็เผยออกมา ใต้แสงนั้น เส้นผมของเขาเปรียบเสมือนใยแมงมุมที่ส่องประกายเมื่อตอนที่แสงตกกระทบกับมัน

 

เมื่อรู้สึกถึงความกลัวและความประหม่าของเด็กชาย ตรงหน้าเธอ หลินเสี่ยวเฟยจริงเปล่าให้ความมั่นใจกับเขาว่า “เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทําร้ายเจ้า”

 

หลินเสี่ยวเฟยรู้สึกว่าคําพูดที่เธอได้กล่าวไปนั้น มันช่างดูแปลกสําหรับเธอ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ได้กล่าวออกมาจากข้างในหัวใจของเธอ อาจเป็นเพราะในช่วงหลายเดือนที่เธอถูกทิ้งให้อยู่ในคุกใต้ดินและถูกทรมาน จึงให้เธอรู้สึกสงสารเด็กคนนี้ หรือบางที ความปรารถนาในอดีตของเธอที่อยากจะมีลูกจึงทําให้เธอพูดเช่นนี้

 

ในอดีต เธออยากมีลูก แต่เพราะแม่ของหยูเฟิงซูห้ามเธอ ซึ่งเธอเป็นนางสนมเพียงผู้เดียว

 

ที่จะให้กําเนิดบุตรชายของเธอได้ แต่เธอกลับถูกบังคับให้ดื่มยาและไม่สามารถมีลูกได้ตลอดไป

 

อย่างไรก็ตาม เด็กชายผู้นี้ไม่เชื่อคําพูดของเธอ เขาได้ยินคําพูดเหล่านั้นทุกครั้งจากผู้อื่น

 

และในท้ายที่สุดเขาก็ถูกทรยศและถูกจับเพื่อซื้อขายเป็นทาส

 

หลินเสี่ยวเฟยเลิกคิ้วอย่างขบขัน เธอเดาถูก เด็กชายผู้นี้สามารถเข้าใจภาษาของเธอ

และอาจรู้ไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด

 

เธอยืนขึ้นและเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เพื่อเอาเสื้อผ้าให้เด็กชายสวมใส่ เธอเดินมาพร้อมกับเสื้อคลุมสีขาวในมือของเธอ และวางไว้บนโต๊ะกลางห้อง

 

ก่อนหน้านี้ เมื่อเธอมาถึงลานบ้านในตอนแรก เธอให้สาวใช้ของเธอออกจากลานบ้านของเธอไป เพื่อทําให้เด็กชายรู้สึกสบายใจและหวาดกลัวน้อยลง แน่นอนว่าสาวใช้ส่วนตัวของเธอไม่ได้หยุดตั้งคําถามเกี่ยวกับตัวตนของเด็กชายคนนี้ และสถานที่ที่เธอได้ไปนำตัวเขามา

 

หลินเสี่ยวเฟย ไม่ได้ตอบคําถามใดๆของพวกเขา และทําให้พวกเขาออกไปทันที

 

“เจ้าถอดเสื้อผ้า แล้วเปลี่ยนเป็นสวมตัวนี้แทน” หลินเสี่ยวเฟยบอกกับเด็กชายที่ยังนั่งอยู่บนเตียง

 

เด็กชายไม่ทําตามที่เธอพูด แต่กลับถามเธอ น้ําเสียงของเขาแหบพร่าเล็กน้อยและวิตกกังวล ” ทําไมท่านถึงบังคับให้ข้าทําเช่นนั้น”

 

” ทําอะไรหรือ?” หลินเสี่ยวเฟยแสร้งทําเป็นไม่รู้ ซึ่งเด็กชายกัดปากของเขาและจ้องมองมาที่เธอ

 

เด็กชายผู้นี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอพยายามแสร้งทําเป็นไม่รู้ว่าคําพูดของเขาหมายถึงอะไร

 

“หลังจากที่ท่านซื้อข้ามา ทําไมท่านถึงบอกให้ข้าเผากระท่อมกับกระโจมนั่น” เขากล่าว

 

คาเอล จําคําพูดที่หลินเสี่ยวเฟยบอกกับเขาหลังจากซื้อเขาว่า “ถ้าเจ้าต้องการมีชีวิตอยู่ก็จงพิสูจน์ว่าเจ้ามีประโยชน์ต่อข้า ไปจัดการเผาสถานที่แห่งนี้ ให้เป็นผุยผง

 

ตอนนั้นเขาไม่มีสติและทําตามที่เธอบอกโดยไม่ลังเล เขาคงคิดว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะได้รับอิสรภาพ และเธออาจจะกําลังทดสอบเขา ดังนั้นเขาจึงทําในสิ่งที่เธอบอกให้ทํา

 

ทันทีที่เขาถูกปล่อยออกจากกรง เขาก็คว้าคบไฟที่ผนังและเริ่มเผาทั้งกระท่อม และรีบออกจากกระท่อมไปทางกระโจมที่อยู่ด้านหน้า ราวกับว่าเขารู้ว่าลมอยู่เคียงข้าง และไฟที่เริ่มก่อตัว เสมือนว่ามันกําลังโกรธและได้กลืนกินทุกอย่าง

 

หลังจากทิ้งคบเพลิงแล้ว เขายังจําได้ดีว่าหญิงสาวที่ซื้อเขามายืนอยู่ที่นั่นราวกับกําลังดูการแสดงที่ยอดเยี่ยม ซึ่งคุ้มค่าเงินจํานวนมหาศาล ในขณะที่ไฟอยู่รอบๆพวกเขา และหากมิใช่เพราะเขาเห็นไฟเริ่มลามเข้าหาเธอและดึงเธอออกไป ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา

 

ผู้คนในกระท่อมไม่มีเวลาตั้งตัว ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกะทันหันจนพวกเขาไม่สามารถมองหาทิศทางได้ สิ่งเดียวที่พวกเขาทําได้คือพากันวิ่งหนีออกไป

 

แต่ใครจะรู้ว่ามีคานไม้ขนาดใหญ่ตกลงบนตัวพวกเขา และหยุดชีวิตของพวกเขาในทันที

 

ส่วนทาสที่ถูกทิ้งไว้ในกรงนั้น คาเอลไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา พวกเขาอาจถูกไฟไหม้พร้อมกับกระท่อมหรือหลบหนีออกไปได้ ในขณะที่ความวุ่นวายทําให้ผู้คนหนี้ต่างพากันหนีออกจากโรงประมูลจาก

 

หลินเสี่ยวเฟยยิ้ม “เพราะข้าแค่ต้องการ..” พอกล่าวจบ เธอก็เห็นสีหน้าหนักใจของเด็กชาย

 

เธอวางคางไว้ที่หลังมือแล้วกล่าวเสริมว่า “เจ้าอย่ามองเหมือนว่าข้ากําลังฆ่าคนเก้าชั่วอายุคน

 

ในตระกูลของเจ้า เจ้ากําลังทําให้ข้าต้องการทําซ้ําในสิ่งเดียวกัน และเผาสิ่งที่ใหญ่กว่านี้”

 

คาเอลเห็นแววตาของเธอ และรู้ว่าเธอจริงจังกับสิ่งที่เธอพูด แต่เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อได้ เนื่องจากมันเป็นการกระทําของเขาเอง ที่ทําให้กระท่อมถูกไฟไหม้และผู้คนอีกจํานวนมากต้องเสียชีวิต

 

เขายืนขึ้นและเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมสีขาวบนโต๊ะ แต่หลินเสี่ยวเฟยหยุดเขา

“อะไร?” คาเอลมองเธออย่างสับสน

 

“ถอดเสื้อผ้าออกก่อน”

 

บนหลังคา มีชายในชุดคลุมสีดํานอนอยู่บนหลังคากระเบื้อง ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปถึงที่นั่นเมื่อไหร่และเข้ามาได้อย่างไรโดยไม่มียาม ทหารในคฤหาสน์ตระกูลหลินพบเห็น

 

เนื่องจากเมฆปกคลุมท้องฟ้า ชายผู้นี้จึงไม่มีปัญหาใดๆในการพยายามต่อสู้กับความร้อนแต่กลับรู้สึกผ่อนคลาย

 

อย่างไรก็ตาม เขาอยากให้มีดาวอยู่ข้างบนนี้ เพื่อที่เขาจะได้ดูมันในขณะที่แอบฟังเธอและเด็กชายที่อยู่ในห้อง

 

ด้วยมือของเขาที่ด้านหลังออกจากศีรษะ ชายคนนั้นเลิกคิ้วและยิ้มด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา

 

หูของเขาเงยขึ้น เมื่อได้ยินเสียงด้านล่างชัดเจนราวกับคริสตัล

 

เขาพูดไม่ออก หลังจากที่ได้ยินคําพูดของหญิงสาว เขายังคงสงสัยในความสามารถที่จะได้ยินสิ่งต่างๆ แต่หลังจากที่ได้ยิน เธอบอกให้เด็กชายถอดเสื้อผ้าอีกครั้ง เขารู้ว่าเขาไม่ได้ได้ยินผิด

 

“หญิงผู้นี้ เธอคิดจะทําอะไรกับเด็กชายในครั้งนี้?” ฉู่เซียวซูกล่าวด้วยความสนใจอย่างมาก ด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้ายบนใบหน้าของเขา

 

The Birth of a Villainess

The Birth of a Villainess

กำเนิดนางร้าย The Birth of a Villainess “เจ้าไม่ได้ตัวคนเดียว เราเป็นหุ้นส่วนในอาชญากรรม หากเจ้าเป็นแม่มด ข้าก็จะเป็นพ่อมดของเจ้า” … หลังจากการตายอย่างโหดร้ายของเธอ เสี่ยวเฟยพบว่าตัวเองกลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของคุณหนูที่งดงามจากตระกูลหลินผู้สูงศักดิ์ที่มีชื่อเดียวกันกับเธอ เธอเกิดมาพร้อมกับใบหน้าอันงดงามที่ไม่มีใครเทียบได้ เอาชนะใจชายทุกคนและแม้แต่ผู้หญิงก็ต่างอิจฉาในชีวิตที่แล้วของเธอ แต่เธอกลับตกหลุมรักองค์ชายอย่างโง่เขลา และถูกลิขิตให้ตายอย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของคนที่เธอรัก ในชีวิตและร่างกายใหม่นี้ กลอุบายอันชั่วร้ายและเรื่องอื้อฉาวก็ยังวนเวียนอยู่รอบตัวเธอ แม้จะเกิดใหม่แล้วก็ตาม เธอก็เริ่มทำแบบเดียวกันกับคนเหล่านั้นและจะโหดเหี้ยมต่อผู้ที่คิดต่อต้านเธอ ชายหนุ่มและและหญิงสาวต้องโค้งคำนับ บัลลังก์ทองคำต้องถูกส่งต่อ อาณาจักรจะต้องถูกพิชิตและเผาทำลาย หัวใจต้องถูกแย่งชิง ด้วยยุคอันโหดร้ายเช่นนี้ ผู้คนทำได้เพียงพยายามบังคับและป้องกันตนเองจากอันตราย อย่างไรก็ตาม ใครจะคิดว่าชายที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและเย่อหยิ่งจะเข้ามาในชีวิตของเสี่ยวเฟยอย่างกะทันหัน? และเขายังกระซิบข้างหูของเธออย่างไร้ยางอายว่า “ศัตรูของภรรยาข้าก็คือศัตรูของข้า และความปรารถนาของภรรยาข้าก็คือความปรารถนาของข้าเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ข้ายังมีความปรารถนาอีกอย่างหนึ่งที่มีแต่ภรรยาข้าเท่านั้นที่จะมอบให้แก่ข้าได้” “นั่นคือภรรยาข้าต้องกลายเป็นอาหารเช้า กลางวัน เย็น ให้แก่ข้า” เสี่ยวเฟย: “……”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset