กำเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์ – เล่มที่ 4 บทที่ 9

เล่มที่ 4 บทที่ 9 คําขาด

 

ตึก ตึก ตึก

 

เสียงย่ำเท้าอย่างฉุนเฉียวดังสะท้อนไปทั่วทางเดิน ก่อนจะปรากฏเป็นร่างเด็กสาวผู้งดงามในอาภรณ์สีฟ้าเดินมาด้วยใบหน้าบูดเบี้ยว

 

ปัง

 

ประตูถูกเปิดออกอย่างแรงราวกับเป็นเครื่องรับอารมณ์ของนาง หลังจากเข้าไปนั่งสงบสติอารมณ์บนเตียงหยกหรูได้ไม่นานสตรีวัย 40 ปีคนหนึ่งก็เดินเข้ามา

 

“องค์หญิง ทําไมถึงแสดงกิริยาเช่นนี้กัน เฮ้อ…อย่างไรเสีย ท่านก็ควรเห็นแก่หน้าพระบิดาบ้าง”

 

มองไปยังหญิงวัยกลางคนที่กล่าวออกมานางจึงได้แต่ถอนหายใจ

 

“ป้าเหลียง ยังไงข้าก็ไม่ยอมเด็ดขาด ถ้าหากท่านพ่อไม่จัดการเรื่องนี้ข้าจะหนีออกไปแน่นอน”

 

เมื่อได้ยินดังนั้นป้าเหลียงได้แต่ส่ายหัวก่อนจะเดินออกจากห้องไป ป้าเหลียงเป็นแม่นมคอยดูแลตูหลินมาตั้งแต่ยังเด็กนางจึงรู้ดีว่านิสัยของคู่หลินเป็นอย่างไร ตู่หลินเปรียบเสมือนลูกที่นางฟูมฟักมาตั้งแต่ยังน้อยแต่ด้วยอํานาจของนางนั้นไม่เพียงพอจะช่วยเรื่องนี้ได้

 

เมื่อสงบสติอารมณ์ลงได้ในใจนางพลันปรากฏหน้าของบุคคลหนึ่งขึ้นมา แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ก็ทําให้นางเผลอมีรอยยิ้มเล็กๆขึ้นมา ความหงุดหงิดก่อนหน้ามลายหายไปสิ้นหลงเหลือเพียงการรอคอยเท่านั้น

 

“เมื่อไหร่ท่านจะมาถึงกันนะ”

 

ด้านในท้องพระโรงที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม โต๊ะอาหารทอดยาวถึง 5 เมตร ปรากฎบุคคลสิบกว่าคนนั่งรับประทานอาหารกันอย่างมีความสุข พูดคุยถึงเรื่องต่างๆกันอย่า งสนุกสนานจะมีก็เพียงแต่บุคคลเดียวที่มีสีหน้ากล้ำกลืนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ในใจเขาล้วนคิดคํานวณถึงผลได้ผลเสีย ตู่ยี่หลงองค์จักรพรรดิของเมฆาหวน

 

ด้วยการถูกกดดันอย่างหนักจากป้อมปฐพี ครั้นเมื่อเห็นเรือลมปราณที่โบกสะบัดธงป้อมปฐพี่มาถึงตู้ยี่หลงก็คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เพราะบุคคลที่ยืนอยู่หัวเรือทําให้เขารู้ได้ว่าปฐพีไม่คิดจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ อีกทั้งดําเนินการรุกหน้าอย่างกดดัน ด้วยการมาของป้อมปฐพี่ครั้งนี้กระทั่งหว่านป้อนําทัพมาด้วยตนเอง

 

หว่านป้อผู้นําตระกูลหว่าน อีกทั้งยังควบตําแหน่งประมุขป้อมปฐพี อีกทั้งหว่านถูหนึ่งในสหายร่วมรุ่นฉายา 5 ตํานานก็ยังออกมา ทั้งสองเป็นปูและพ่อของหว่านเจิ้น คนโง่แค่ไหนก็เดาออกว่าต้องมิใช่เรื่องงานประลองแน่นอนที่ทําให้พวกเขาปรากฏตัว

 

“ฮ่าๆ ยี่หลง อย่าได้ใส่ใจเรื่องของเด็กๆ หลินเอ๋อร์นั้นมีวาจาคมกล้าดังใบดาบนับเป็นเรื่องยินดียิ่งนัก”

 

“ใช่แล้วท่านลุง น้องสาวหลินนั้นช่างงดงามและเพียบพร้อม”

 

สองพ่อลูกยังคงพูดออกมาอย่างสนุกปาก แม้ถ้อยคําเหล่านั้นจะเป็นคําชมแต่ตู่ยี่หลงมิได้ยินดีเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่เขาทําสีหน้าปั้นยากอยู่นั้นเสียงแหบพร่าพร้อมกับกลิ่นอายสูงส่งก็ถูกปล่อยออกมาจากชายชราที่นั่งอยู่ข้างหว่านดู

 

“องค์จักรพรรดิ หว่านป้อมาในวันนี้เพื่อพูดคุยเรื่องบางอย่าง หวังว่าท่านจะเห็นใจและรับฟังชายแก่ผู้นี้สักเล็กน้อย” 

 

หว่านป้อกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม ตู่ยี่หลงนั้นแม้จะอยู่ในระดับเดียวกับ 5 ตํานานแต่ก็ยังด้อยกว่าเจ้าสํานัก 5 ตํานานนั้นเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะเหยียบย่างเข้าสู่ระดับจักรพรรดิเช่นกันและจึงเข้ารับการสืบทอดตําแหน่งผู้นําของแต่ละอํานาจต่างกันไป เพียงแต่บรรพชนหรือจักรพรรดิองค์ก่อน เบื่อหน่ายและต้องการปลีกวิเวกเข้าสู่ความสงบ จึงสละบัลลังก์ก่อนเวลาอันควร ทําให้อํานาจของราชวงศ์เบื้องหน้ามีผู้นําที่อ่อนแอกว่า 4 สํานักใหญ่

 

“ท่านประมุขป้อเกรงใจเกินไปแล้ว หากมีอันใดเชิญท่านกล่าวมาเถิด”

 

“ฮ่าๆ เช่นนั้นก็ดี เจิ้นเอ๋อร์ของข้านั้นนับเป็นอัจฉริยะมาก ความสามารถอีกทั้งยังถือเป็นนายน้อยที่จะขึ้นปกครองป้อมปฐพีของเราในอนาคต หลานหลินเองก็นับเป็นสตรีเลอโฉมพรสวรรค์สูงส่ง หากได้ครองคู่กันจะเป็นดังหงส์สยายปีกมังกรทะยาน เรื่องนี้ท่านเห็นว่าอย่างไร?”

 

เมื่อหว่านป้อกล่าวจบตู่ยี่หลงกลายเป็นกล้ํากลืนในทันที คําพูดของหว่านป้อนั้นตรงประเด็นไม่อ้อมค้อมการจะกล่าวอะไร ต้องคิดให้ดีเสียก่อน ขณะเดียวกันใบหน้าของหว่านเจิ้นฉีกยิ้มราวกับล่องลอยอยู่บนสรวงสวรรค์ เมื่อปู่ของเขาออกหน้าด้วยตัวเองเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว

 

“ฮี่ๆ หลินเอ๋อร์ คราวนี้เจ้าจะไม่รอดมือข้าแน่นอน”

 

ระหว่างที่หว่านเจิ้นเคลิบเคลิ้มอยู่นั้นคําพูดของตู่ยี่หลงก็ราวกับปลุกเขาจากฝัน

 

“เรื่องนี้ข้าเห็นด้วยกับท่าน… แต่อย่างไรก็ตามทุกสิ่งขึ้นอยู่ กับการตัดสินใจของหลินเอ๋อร์ หากนางยินยอมข้าก็พร้อมจะส่งเสริม

 

ด้วยความแน่วแน่ตู้ยี่หลงตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีผลได้ผลเสียมาเกี่ยวข้องก็ตามแต่พวกนั้นเป็นเพียงเรื่องรองเท่านั้น ตู่หลินคือบุตรที่เขารักมากที่สุด ด้วยสํานึกของพ่อแล้ว เขาจะไม่ยอมเห็นนางต้องเจ็บปวดเป็นอันขาด ขณะเดียวกัน หว่านป้อและหว่านูเริ่มมีสีหน้าบันยาก เขาขมวดคิวก่อนจะกล่าวออกมา

 

“ยี่หลงเจ้าควรคิดให้ดีเสียก่อน เรื่องนี้มิใช่เรื่องเล็ก ด้วยอํานาจของป้อมปฐพีในอนาคตเมื่อเจิ้นเอ๋อร์ขึ้นเป็นประมุข ราชวงศ์เมื่อเกี่ยวดองกับเราจะเป็นดั่งพยัคฆ์ติดปีก แม้อีกสามสํานักใหญ่ที่เหลือยังต้องเกรงกลัว เจ้าจะให้เป็นการตัดสินใจของเด็กได้อย่างไร”

 

คําพูดนี้ไม่เกินจริงแม้แต่น้อย ด้วยอํานาจที่คานกันมาหลายร้อยปี หากมีสองขั้วอํานาจเกี่ยวดองกันสมดุลจะถูกทําลายทันที แต่ด้วยฝายหว่านผู้รู้อยู่แล้วว่าตู่หลินคิดอย่างไรกับหว่านเฉิน นางแทบจะเกลียดขี้หน้าบุตรของเขาเลยเสียด้วยซ้ำ ทว่าด้วยตําแหน่งฐานะของนางก็ไม่มีใครที่จะเหมาะสมกับหว่านเจิ้นนอกจากนางแล้ว แต่การตอบกลับมาของตู่ยี่หลงก็ไม่ต่างจากการปฏิเสธทางอ้อม

 

“ หว่านถูอย่าได้กล่าวเช่นนั้น ข้าเป็นเพียงบิดามิได้เป็นเจ้าชีวิตนาง การตัดสินใจสุดท้ายยังคงขึ้นอยู่กับนาง หากหว่านเจิ้นสามารถเอาชนะใจนางได้ข้าก็ไม่มีอะไรจะคัดค้าน”

 

“เพ่ย ตู่ยี่หลง หญิงชายอยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง วันนี้เห็นแก่หน้าเจ้าข้าจะไม่ถือสา แต่ป้อมปฐพี่จะต้องได้รับคําตอบเมื่อจบการคัดเลือก หวังว่าเจ้าจะคิดให้ดี การหักหน้าป้อมปฐพีย่อมมีผลตามมาที่ไม่ดีนักกลับ!”

 

เมื่อหว่านป้อกล่าวจบก็ลุกออกไปทันทีโดยมีคนของตระกูลหว่านและศิษย์ป้อมปฐพีตามกลับไปด้วยการมา ตกลงเรื่องของหว่านเจิ้นทําให้พวกเขาออกเดินทางมาถึงก่อน กําหนดยังคงอีกหลายวันกว่าสํานักใหญ่อื่นๆจะมาถึง

 

เมื่อคนของป้อมปฐพี่จากไปตู่ยี่หลงจึงได้ถอนหายใจออกมา เขาเองก็มิรู้ว่าตัดสินใจถูกหรือไม่ แต่เมื่อดูจากการพูดจาของหว่านป้อแล้ว เรื่องนี้จบไม่สวยเป็นแน่ หากท้ายที่สุดยังคงปฏิเสธป้อมปฐพี อาจลามมาถึงความขัดแย้งที่รุนแรง อีกทั้งตัวเขารู้นิสัยใจคอหว่านถูเป็นอย่างดี ด้วยความคิดอันน้อยนิดรวมกับนิสัยโหดเหี้ยม พวกนั้นอาจทําเรื่องไร้ยางอายก็เป็นได้ ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่เขากังวลคือความปลอดภัยของตู่หลิน

 

“เฮ้อ หวังว่าข้าจะไม่ตัดสินใจผิดพลาด อีกไม่กี่วันสํานักวิหารสวรรค์จะมาถึง ข้าต้องรีบดําเนินการอย่างระมัดระวัง หลินเอ๋อร์ถือว่าพ่อช่วยเจ้าอีกแรง อย่าได้ตําหนิพ่อ”

 

รอยยิ้มเล็กๆปรากฏบนใบหน้าของตู่ยี่หลงด้วยความหวัง สุดท้ายรวมถึงอนาคตของราชวงศ์เขาจะไม่ยอมให้เรื่องนี้ผิดพลาดเป็นอันขาด หากแผนการนี้ดําเนินไปได้ด้วยดีต่อให้ยกมา ทั้งป้อมปฐพี่เขาก็ไม่เกรงกลัว ด้วยเขาเองเคยสัมผัสมาแล้วว่าตัวตนเบื้องหลังผู้นั้นสูงส่งเพียงใด

 

เมื่อเรื่องวุ่นวายผ่านไปตู่ยี่หลงก็เริ่มดําเนินการตามแผนทันที ด้วยความระมัดระวังมีเพียงองครักษ์ที่ไว้วางใจเท่านั้นที่จัดการเรื่องนี้ ทางด้านตระกูลหว่านแม้จะขัดข้องใจ ไม่น้อยหว่านถูและหว่านเจิ้นยังคงมีความคิดที่จะกดดัน อีกฝ่ายอย่างต่อเนื่องกระทั่งว่าหว่านเจิ้นอยากจะใช้กําลังเข้าแย่งชิงตัวคู่หลินมาเสียด้วยซ้ำ ทว่าหว่านป้อเป็นใคร? เขาคือหนึ่งในตัวตนระดับจักรพรรดิที่ยืนอยู่สูงสุดของจักรวรรดิแห่งนี้ ด้วยความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่เขาจะลดตัวไปทําตามที่ลูกและหลานชายเสนอมาได้อย่างไร เช่นนั้นแล้วสองพ่อลูกจึงได้แต่เงียบไปและวางแผนการต่างๆเอาไว้เบื้องหลัง ทุกอย่างจะถู กตัดสินเมื่อจบการคัดเลือก

 

หลังจากนั้นสองวันด้วยการเป็นเจ้าภาพ ทางราชวงศ์จึงมีงานไม่น้อยที่ต้องเตรียมการ คู่หลินเมื่อไม่ต้องการพบหน้าหว่านเจิ้นจึงเก็บตัวเองอยู่แต่ในห้อง นางทราบดีถึงการเจรจา เมื่อบิดานางเข้ามาพูดคุยในคืนนั้น ขณะที่ตู่ยี่หลงกําลังทรงงานอยู่ในท้องพระโรงด้านนอกเรือลมปราณโบกธงวิหารสวรรค์ก็มาถึง ก่อนจะมีทหารวิ่งเข้ามาเพื่อรายงาน

 

“เรียนองค์จักรพรรดิ ตอนนี้ผู้อาวุโสข่งยี่จางและผู้นําตระกูลหยางมาถึงแล้ว”

กำเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์

กำเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์

Status: Ongoing
อ่านนิยาย กำเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์หยางอี้เด็กหนุ่มอัจฉริยะที่พลิกผันจมลงสู่จุดต่ำสุดของชีวิตเพราะบังเอิญไปเจอกับหินลึกลับอันหนึ่ง แต่ในเวลาต่อมาด้วยความเพียรพยายามไม่ย่อท้อก็ทำให้เขาได้พบกับความลับของหินลึกลับก้อนนั้นและความลับนี้เองที่จะทำให้เขาก้าวขึ้นไปยืนอยู่เหนือยุทธภพ! ขันพลังต่างๆ *ระดับผู้ฝึกยุทธ์ -ก่อกำเนิด (1-10) แบ่งเป็น 4 -ขั้น 1-3 ขั้นต้น ,4-6 ขั้นกลาง ,7-9 ขั้นปลาย ,10 ขั้นสูงสุด-ครึ่งก้าวเบิกนภา -เบิกนภา (1-10) แบ่งเป็น 4 -ขั้น 1-3 ขั้นต้น ,4-6 ขั้นกลาง ,7-9 ขั้นปลาย ,10 ขั้นสูงสุด-ครึ่งก้าวปฐพี -ปฐพีต้นกำเนิด (1-7) ??? -นภาศักดิ์สิทธิ์ (1-5) ??? -เนมิต (1-3) แบ่งเป็น 3 ขั้น -ขั้น 1 ราชา ,ขั้น 2 ราชัน ,ขั้น 3 จักรพรรดิ ดับสูร (ไร้ระดับ) ??? *มรรคาแบ่งเป็น 7 ระดับ -ความลี้ลับระดับต่ำ (1-10) -ความลี้ลับระดับกลาง (1-10) -ความลี้ลับระดับสูง (1-10) -มรรคาเล็ก (ตื้นเขิน พื้นฐาน บางส่วน ส่วนใหญ่ สมบูรณ์) -มรรคากลาง (ตื้นเขิน พื้นฐาน บางส่วน ส่วนใหญ่ สมบูรณ์) -มรรคาใหญ่ (ตื้นเขิน พื้นฐาน บางส่วน ส่วนใหญ่ สมบูรณ์) -บรรลุสรรพสิ่ง *วิชาต่างๆ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท -วิชาปราณ –นิล ทอง ปฐพี นภา ราชา ราชัน จักรพรรดิ (แต่ละขั้นมีสามระดับ ต่ำ กลาง สูง) -วิชายุทธ์ –นิล ทอง ปฐพี นภา ราชา ราชัน จักรพรรดิ (แต่ละขั้นมีสามระดับ ต่ำ กลาง สูง) -วิชาจิต –นิล ทอง ปฐพี นภา ราชา ราชัน จักรพรรดิ (แต่ละขั้นมีสามระดับ ต่ำ กลาง สูง) *ระดับวัตถุ/ทรัพยากร/อาวุท –นิล ทอง ปฐพี นภา ราชา ราชัน จักรพรรดิ (แต่ละขั้นมีสามระดับ ต่ำ กลาง สูง) *ระดับ สำนัก/ตระกูล/ประเทศ/ -แบ่งเป็นระดับ 1-10 (ระดับหนึ่งแข็งแกร่งที่สุด จำแนกระดับตามผู้ปกครอง) หากมีเพิ่มเติมจะมาอัพเดทให้ภายหลังตามเนื้อเรื่อง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset