กำเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์ – เล่มที่ 4 บทที่ 11 ถึงเมืองหลวง

กําเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์ เล่มที่ 4 บทที่ 11 ถึงเมืองหลวง

 

เล่มที่ 4 บทที่ 11 ถึงเมืองหลวง

 

“หยาง? เจ้าว่ากระไรเจิ้นเอ๋อร์?”

 

หว่านถูกล่าวออกมาหลังจากได้ยินบุตรชายของเขาคําราม มองจากท่าทางแล้วหว่านเจิ้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น สองมือของเขากําแน่นจนบดขยี้พนักโต๊ะจนแหลกเป็นผง

 

“มันต้องเป็นสารเลวหยางอี้แน่นอน ข้าเคยพบมันที่สํานักวิหารสวรรค์ และดูเหมือนมันจะได้รับความสนใจจากน้องหลิน

 

หว่านเจิ้นกล่าวออกมาด้วยใบหน้ามืดหม่น เมื่อนึกย้อนไปถึงสายตาของคู่หลินรวมกับข่าวใหม่ที่ได้รับมา การมาถึงของครอบครัวหยางจะต้องเกี่ยวพันกันแน่นอน ประกายแสงวาววับในดวงตา เมื่อคิดได้ถึงบางเรื่อง เจตนาฆ่าฟันพลันทะลักออกจากร่างจนปิดไม่มิด ก่อนที่เขาจะคํารามออกมาอย่างโมโห

 

“สารเลวนี่ หรือว่ามันคิดจะแย่งน้องหลินไปจากข้า?”

 

หว่านถูที่เฝ้ามองการกระทําของบุตรชายได้แต่งุนงง เขาไม่รู้ด้วยซ้ําว่าหยางอี้คือใคร แต่ดูจากการแสดงออกของหว่านเจิ้นเป็นไปได้ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องในตอนนี้?

 

“เจิ้นเอ๋อร์ อย่าได้รอช้า รีบอธิบายให้บิดาได้เข้าใจ”

 

หลังจากนั้นไม่นานหว่านถูจึงได้เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาคํารามออกมาเล็กน้อยด้วยความไม่สบอารมณ์ทว่ายังคงไว้ซึ่งความสงบ เขาคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมา

 

“เจิ้นเอ๋อร์ เรื่องนี้จะใจร้อนไม่ได้ ดูเหมือนสารเลวนจะต้องมีความลับบางอย่าง อย่างไรก็ตามรอให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมค่อยพูดคุยกันอีกครั้ง”

 

หว่านถูรีบสั่งการทันทีให้ดําเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ ทั้งตระกูลหยางและตัวของหยางอี้ แม้หว่านเจิ้นจะยังคงมีอารมณ์คุกรุ่นแต่ก็สงบลงไปไม่น้อย ถึงเขาจะไม่ค่อยฉลาดทว่าก็มิใช่คนโง่ นิสัยของบิดาเขาเป็นอย่างไรย่อมรู้ดี ความรุนแรงของอารมณ์กระทิงเหล็กหว่านถูนั้นมากมายกว่าเขาหลายเท่า หากบิดายังคงใจเย็นอยู่ตัวเขาก็มิควรรีบร้อน

 

ภายในพระราชวัง หยางจือสังรู้สึกราวกับอยู่ในความฝัน ขุนนางตัวเล็กๆเช่นเขาเมื่อได้รับการแสดงออกเช่นนี้ย่อมประหม่าไม่น้อย ความภูมิใจในตัวบุตรชายสูงขึ้นจนถึงขีดสุด ครอบครัวตระกูลหยางทุกคนต่างก็ได้รับการปฏิบัติที่ดีเช่นเดียวกัน การที่ได้รับความสนใจจากราชาเช่นนี้ทําให้ขุนนางต่างๆ เริ่มให้ความสนใจกับหยางจื่อส้ง หลายวันที่ผ่านมามีคนไม่น้อยที่พยายามเข้ามาตีสนิทด้วย

ผ่านไปอีกหนึ่งวัน หยุนก็ได้เข้ามาขอพบ หลังจากรู้ว่าเป็นตัวแทนของตระกูลหวัง หยางจื่อส้งก็ยินดีเป็นอย่างมาก ทั้งสองพูดคุยถึงเรื่องราวของหยางอี้ในอดีต หยางจื่อส้งกระตือรือร้นไม่น้อยกับเรื่องนี้ หลังจากหยางอื้ออกเดินทางเขา ก็เป็นกังวลอยู่ตลอด เมื่อได้รับรู้ถึงเส้นทางการเติบโตของบุตรชายจึงทําให้เขาภูมิใจมากยิ่งขึ้น ครอบครัวหวังในเมืองธาราสวรรค์นั้นจากไปหลังจากหยางอื้ออกเดินทางได้ไม่นาน หวังเสี่ยวป้อนําคนเกือบทั้งตระกูลออกเดินทางสู่จักรวรรดินภาสวรรค์ โดยทิ้งไว้เพียงอีก 1-2 ปีจะเดินทางกลับมา

 

สุดท้ายความสุขผ่านไปไม่นานหลังจากการพูดคุย ปุ๋หยุนแสดงออกอย่างจริงจังพร้อมกับยื่นจดหมายให้กับหยางจื่อส้งพร้อมบอกสถานการณ์เพิ่มเติมอีกเล็กน้อย เรื่องนี้ทําให้หยางจื่อส้งแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดในทันที

 

อีกด้านหนึ่งภายในที่พักของป้อมปฐพี หว่านถูนั่งอยู่ภายในห้องโถงโดยมีหว่านเจิ้นนั่งอยู่ด้านข้าง กําลังฟังรายงานจากสายข่าวที่ออกไปสืบหาข้อมูลของตระกูลหยาง การรายงานดําเนินไม่นานสายข่าวจึงออกไป เมื่อเข้าใจเหตุการณ์ หว่านถูคํารามออกมาอย่างดูถูก

 

“ฮีม ! ตู้ยี่หลง สมองเจ้าคงผิดแปลกไปแล้วกะมังถึงได้กระทําการอันโง่เขลาเช่นนี้”

 

“ท่านพ่อ เราจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร ข้าไม่มีวันปล่อยมันไว้แน่นอน”

 

“ฮ่าๆ อย่าได้กังวล เพียงแค่ตระกูลขุนนางอันต้อยต่ํา เช่นนั้นต่อให้หยางอี้เป็นศิษย์ของวิหารสวรรค์ก็เป็นเพียงแค่สิทธิ์สายนอก ยังมีอะไรต้องกังวล”

 

จากข้อมูลนั้นหว่านถูคิดว่าราชาเพียงตามใจธิดาของตนเท่านั้น เป็นไปได้ว่าหยางอี้จะสร้างความประทับใจเมื่อครั้งพระราชวังต้องห้ามเปิดออกให้กับตู่หลิน อย่างไรก็ตามเขายังคงดูถูกไม่น้อยเมื่อคิดถึงตู่ยี่หลง ด้วยเพียงรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นเช่นหยางอี้จะมาเทียบกับบุตรชายของเขาได้อย่างไร เป็นความจริงที่ว่าหว่านถูนั้นรับรู้เรื่องราวของหยางอี้เพียงเล็กน้อยจากหว่านเจิ้น แม้หว่านเจิ้นจะบอกออกไปทั้งหมดทว่าเขาก็ไม่คิดว่าหยางอี้จะได้รับความสนใจจากสมาพันธ์ผู้ปรุงยา ดังนั้นเรื่องการกระทําของหยางอี้ในงานประชันโอสถจึงไม่ได้กล่าวถึง หากเป็นเช่นนั้นหว่านถูจะไม่กล้าดูถูกอย่างแน่นอน สมาพันธ์ผู้ปรุงยาอยู่สูงเกินกว่าที่เขาจะแตะต้องได้ หากรับรู้เรื่องนี้ เขาจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่ราชาต้องการเข้าหาตระกูลหยาง แม้มันจะผิดจากเรื่องจริงไปบ้างแต่ก็ยังนับว่าสมเหตุสมผล

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ในหัวของหว่านถูคิดเพียงว่าตระกูลหยางเป็นเพียงตระกูลเล็กๆเท่านั้น เดิมที่ตู้ยี่หลงก็สนิทกับอ้าวเทียนอยู่แล้ว เป็นไปได้ว่าราชวงศ์ต้องการเป็นพันธมิตรกับวิหารสวรรค์? แต่ในสายตาของเขา ตระกูลหยางก็ไม่ต่างจากมดปลวกที่เขาจะบี้เมื่อไรก็ได้

 

หว่านถูลุกขึ้นยืนเหยียดกายขึ้นก่อนจะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม

 

“ไปกัน ไปดูเสียหน่อยว่าตระกูลหยางจะยิ่งใหญ่แค่ไหนกัน บางที่เราจะมอบของขวัญเล็กๆน้อยๆไว้ต้อนรับเด็กสารเลวนั่น”

 

หลังจากกล่าวออกมาเช่นนั้นหว่านเจิ้นเข้าใจได้ในทันที ทั้งคู่หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งก่อนจะเดินออกจากที่พักไป และมุ่งหน้าไปยังพระราชวังหลวง

 

“ฮ่าๆ ทําให้แน่ใจว่ามันจะต้องสั่นเทาเมื่อมาถึงเมืองหลวง”

 

ฟิ้วววว

 

ห่างไกลจากเมืองหลวง เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วที่เรือลมปราณแล่นออกจากสํานักวิหารสวรรค์ หยางอี้ทอดมองไปยังเบื้องหน้าด้วยสายตาคาดหวัง ตัวเขาเดินทางออกจากบ้านมาได้หนึ่งปีกว่าแล้ว ช่างเป็นเวลานานนักที่จากมา เมื่อคิดว่าอีกเพียงไม่ถึง 2 ชั่วยามจะได้พบหน้ากับบิดาและคนในตระกูล เขาจึงอดมิได้ที่จะบังเกิดรอยยิ้มออกมา

 

“เห็นกําแพงเมืองหลวงแล้ว”

 

“เป็นเช่นนั้น ไปเถอะ อีกไม่นานข้าจะแนะนําให้เจ้ารู้จักกับครอบครัวข้า”

 

หยางอี้กล่าวออกมาก่อนจะหมุนกายเข้าไปภายในเรือลมปราณโดยมีเปยลู่เดินตามหลัง

 

โครม!

 

เสียงดังขึ้นเมื่อชายร่างท้วมถูกส่งปลิวกระเด็นไปยังมุมห้อง ภายในตําหนักแห่งนี้ทั้งลานด้านหน้ากระจัดกระจายไปด้วยสมาชิกตระกูลหยางนอนโอดครวญบาดเจ็บกันหลายสิบคน

 

“ท่านเป็นใคร? ทําไมถึงต้องทําร้ายพวกข้า?”

 

หยางจื่อสังกล่าวออกมาเมื่อมองไปยังชายสองคนเบื้องหน้า เขายังคงคิดไม่ออกจริงๆว่าเคยไปสร้างความบาดหมางกับทั้งสองตอนไหน ชั่วชีวิตที่ผ่านหยางจื่อสั่งไม่เคยพบเจอกับบุคลระดับนี้ด้วยซ้ํา ชายผู้ถูกเรียกว่าบิดายังคงยืนนิ่งเฉยมีเพียงชายวัยเยาว์อายุไม่ถึง 25 ปี ที่เป็นคนลงมือ ตัวเขาเองนั้นเป็นชนชั้นปฐพีขั้นต้นแต่กลับถูกโจมตีจนมิอาจต้านทานได้ การที่รุ่นเยาว์มีความแข็งแกร่งระดับนี้ หยางจื่อสังคาดเดาว่าเบื้องหลังทั้งสองต้องยิ่งใหญ่แน่นอน ยังไม่รวมว่าที่นี่คือพระราชวังหลวงแต่พวกเขายังกล้ากระทําการเช่นนี้

 

“ฮ่าๆ ไอ้หมาแก่ เจ้าไม่ต้องรู้ว่าพวกข้าคือใคร ถ้าจะโทษคงต้องโทษบุตรชายสารเลวของเจ้า ฮึ่ม! หากมันยังกล้ายุ่งกับตู่หลินอีก ครั้งหน้าจะไม่จบแค่การบาดเจ็บเช่นนี้”

 

หว่านเจิ้นเตะเข้าไปที่หน้าท้องของหยางจื่อสั่งอีกครั้งจนเขากระอักเลือดออกมา ก่อนที่ทั้งสองจะเดินจากไป หยางจื่อสังแม้จะบาดเจ็บทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยความกังวล บุตรชายของเขากลับไปสร้างศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร ในหัวใจเขาไม่มีความโกรธเลยแม้แต่น้อยมีเพียงความเป็นห่วงเท่านั้นที่ปรากฏอยู่

 

“นายท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

ผู้อาวุโสสามสี่คนประคองร่างเข้ามาหาหยางจื่อสั่งด้วยความยากลําบาก ทุกคนในตระกูลหยางต่างบาดเจ็บทั้งหมด ครั้งนี้ถือเป็นความอัปยศโดยแท้

 

“ข้าไม่เป็นไร รีบไปดูสมาชิกที่เหลือเร็วเข้า”

 

“ขอรับ”

 

ตบยาใส่ปากคนละหนึ่งเม็ด ทั้งหมดต่างรีบออกไปดูสมาชิกด้านนอกทันที ผ่านไปไม่นานตู่ยี่หยงก็มาถึง สีหน้าของเขากลายเป็นบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ แม้เมื่อได้รับรายงานแล้วเขาจะรีบมุ่งหน้ามาก็ตามที ทว่าก็ยังคงสายเกินไป ตามหลังมาเพียงเล็กน้อย ข่งยี่จางทยานลงจากท้องฟ้า ความโกรธเกรี้ยวที่มีมากยิ่งกว่าราชาหลายเท่า นี่คือครอบครัวของนายน้อยเขา โดยเฉพาะหยางจื่อส้ง แม้จะมิได้บาดเจ็บร้ายแรง ทว่าเขาจะมีหน้าไปพบนายน้อยได้อย่างไร

 

หลังจากสอบถามจนรู้ความอาวุโสจางคํารามออกมาด้วยความโกรธในทันทีเช่นเดียวกับองค์ราชา

 

“ป้อมปฐพี! ดี ดี เช่นนั้นเมื่อมันกล้ากระทําเช่นนี้วิหารสวรรค์จะไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน!”

 

ขณะที่กําลังจะลุกเดินออกไปพลันมีองครักษ์หลวงวิ่งเข้ามาก่อน

 

.

“ทูลผ่าบาท สํานักวิหารสวรรค์ ปราการอัคคีและนิกายร้อยตะวันได้มาถึงแล้วพะยะค่ะ”

กำเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์

กำเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์

Status: Ongoing
อ่านนิยาย กำเนิดเทพเจ้าเหนือยุทธ์หยางอี้เด็กหนุ่มอัจฉริยะที่พลิกผันจมลงสู่จุดต่ำสุดของชีวิตเพราะบังเอิญไปเจอกับหินลึกลับอันหนึ่ง แต่ในเวลาต่อมาด้วยความเพียรพยายามไม่ย่อท้อก็ทำให้เขาได้พบกับความลับของหินลึกลับก้อนนั้นและความลับนี้เองที่จะทำให้เขาก้าวขึ้นไปยืนอยู่เหนือยุทธภพ! ขันพลังต่างๆ *ระดับผู้ฝึกยุทธ์ -ก่อกำเนิด (1-10) แบ่งเป็น 4 -ขั้น 1-3 ขั้นต้น ,4-6 ขั้นกลาง ,7-9 ขั้นปลาย ,10 ขั้นสูงสุด-ครึ่งก้าวเบิกนภา -เบิกนภา (1-10) แบ่งเป็น 4 -ขั้น 1-3 ขั้นต้น ,4-6 ขั้นกลาง ,7-9 ขั้นปลาย ,10 ขั้นสูงสุด-ครึ่งก้าวปฐพี -ปฐพีต้นกำเนิด (1-7) ??? -นภาศักดิ์สิทธิ์ (1-5) ??? -เนมิต (1-3) แบ่งเป็น 3 ขั้น -ขั้น 1 ราชา ,ขั้น 2 ราชัน ,ขั้น 3 จักรพรรดิ ดับสูร (ไร้ระดับ) ??? *มรรคาแบ่งเป็น 7 ระดับ -ความลี้ลับระดับต่ำ (1-10) -ความลี้ลับระดับกลาง (1-10) -ความลี้ลับระดับสูง (1-10) -มรรคาเล็ก (ตื้นเขิน พื้นฐาน บางส่วน ส่วนใหญ่ สมบูรณ์) -มรรคากลาง (ตื้นเขิน พื้นฐาน บางส่วน ส่วนใหญ่ สมบูรณ์) -มรรคาใหญ่ (ตื้นเขิน พื้นฐาน บางส่วน ส่วนใหญ่ สมบูรณ์) -บรรลุสรรพสิ่ง *วิชาต่างๆ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท -วิชาปราณ –นิล ทอง ปฐพี นภา ราชา ราชัน จักรพรรดิ (แต่ละขั้นมีสามระดับ ต่ำ กลาง สูง) -วิชายุทธ์ –นิล ทอง ปฐพี นภา ราชา ราชัน จักรพรรดิ (แต่ละขั้นมีสามระดับ ต่ำ กลาง สูง) -วิชาจิต –นิล ทอง ปฐพี นภา ราชา ราชัน จักรพรรดิ (แต่ละขั้นมีสามระดับ ต่ำ กลาง สูง) *ระดับวัตถุ/ทรัพยากร/อาวุท –นิล ทอง ปฐพี นภา ราชา ราชัน จักรพรรดิ (แต่ละขั้นมีสามระดับ ต่ำ กลาง สูง) *ระดับ สำนัก/ตระกูล/ประเทศ/ -แบ่งเป็นระดับ 1-10 (ระดับหนึ่งแข็งแกร่งที่สุด จำแนกระดับตามผู้ปกครอง) หากมีเพิ่มเติมจะมาอัพเดทให้ภายหลังตามเนื้อเรื่อง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset