กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 167 นี่หรือคือความจริง?! (2)

ตงฟางเจ๋อสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ แววเย็นชาพาดผ่านในดวงตาลึกล้ำ คล้ายเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าฮองเฮาต้องตั้งข้อสงสัยอย่างนี้แน่นอน
สายตาของทุกคนทอดมองไปยังซูหลีพร้อมกัน รอดูว่านางจะตอบคำถามที่รับมือยากเช่นนี้ว่าอย่างไร
ซูหลีพลันตึงเครียด ฮองเฮานิ่งเงียบมาตลอด ทว่าหลังจากเอ่ยปากเพียงไม่กี่ประโยค กลับหันหัวหอกมาที่ตนเองและตงฟางเจ๋อ! นางต้องการเอ่ยเป็นนัยว่าพวกเขาสองคนสมคบคิดกันให้การเท็จ? หรือกำลังจะสื่อว่าตงฟางเจ๋อก็คือผู้ร้ายตัวจริงที่พยายามโยนความผิดให้ผู้อื่น? ซูหลีลอบหัวเราะเย็นชาในใจ ก่อนจะตอบกลับอย่างใจเย็น “ฮองเฮายังไม่ทรงทราบ ผ้าไหมขาวผืนนี้ ยังมีเรื่องราวที่ไม่มีใครรู้ซ่อนอยู่อีก!”
“อ้อ? มีเรื่องราวใดงั้นหรือ?” สายตาฮองเฮาขรึมลงเล็กน้อย
ซูหลีกล่าวว่า “เรื่องที่เจิ้นหนิงอ๋องปราบสำนักเฉินเหมินจนราบคาบเมื่อหลายเดือนก่อนนั้น ทุกคนล้วนทราบกันดี เพียงแต่ก่อนหน้านั้น ท่านอ๋องเคยถูกมือสังหารในสำนักเฉินเหมินลอบสังหารหลายต่อหลายครั้ง!”
เหล่าขุนนางในตำหนักต่างพากันสูดหายใจด้วยความตื่นตะลึง สำนักเฉินเหมินช่างใจกล้ายิ่งนัก กล้าลงมือแม้กระทั่งท่านอ๋องและท่านหญิง?!
ฮ่องเต้ตวาดเสียงดังทันใด “จริงหรือ?! เจ๋อเอ๋อร์!? นี่มันเรื่องใดกันแน่?”
ตงฟางเจ๋อก้าวออกจากแถว ตอบเสียงขรึม “ทูลเสด็จพ่อ ทุกอย่างที่ท่านหญิงหมิงซีกล่าวเป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ หลายเดือนก่อน เสด็จแม่สวรรคต ลูกจึงออกไปสงบจิตสงบใจนอกวัง ทำให้ต้องเผชิญหน้ากับการซุ่มสังหารจากเฉินเหมินเป็นครั้งแรก โชคดีที่ดวงวิญญาณของเสด็จแม่บนสวรรค์คอยคุ้มครอง ลูกจึงรอดพ้นจากความตายมาได้ หลังจากนั้นเฉินเหมินก็ส่งนักฆ่ามาลอบสังหารลูกอีกหลายครั้ง แต่ลูกก็อ่านแผนออกและรอดตายมาได้ทุกครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่ง พี่รองเองก็ทรงอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เขาเป็นพยานให้ลูกได้พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อฮ่องเต้และฮองเฮาได้ยินก็ตกตะลึง หันไปมองตงฟางจั๋วพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
เหตุการณ์น่าพรั่นพรึงที่ประสบขณะล่องเรือชมทะเลสาบวั่งเยวี่ย เขาจะลืมได้อย่างไร? ตงฟางจั๋วพยักหน้า “มีเรื่องเช่นนั้นจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ครั้งนั้นนักฆ่าสามคนวรยุทธ์แข็งแกร่ง พวกเราสองพี่น้องร่วมมือกันถึงสามารถโจมตีพวกเขาจนล่าถอย สุดท้ายพวกนั้นก็โชคดีหนีไปได้พ่ะย่ะค่ะ!”
ตงฟางเจ๋อกล่าวต่ออีกว่า “ต่อมาลูกรู้สึกว่าในหมู่องครักษ์ประจำตัวของลูกมีไส้ศึกแฝงตัวเข้ามา เฉินเหมินถึงได้รู้ทุกการเคลื่อนไหวของลูก! ลูกวางแผนกระชากหน้ากากเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของคนผู้นั้น และเขาก็คือเว่ยซู่ นักฆ่าที่สังหารท่านหญิงหมิงอวี้ในคดีนี้พ่ะย่ะค่ะ!”
เรื่องนี้ช่างบังเอิญยิ่งนัก กลุ่มคนฮือฮา ฮองเฮาสีหน้าตื่นตกใจ ฮ่องเต้จ้องหน้าตงฟางเจ๋อเขม็ง ถามต่อว่า “แล้วอย่างไรต่อ?”
“หลังจากนั้นลูกได้หลอกใช้เว่ยซู่จนหาที่ตั้งของสำนักงานใหญ่เฉินเหมินเจอ และสังหารพวกเขาจนราบคาบ! ผ้าไหมขาวนี้ค้นเจอในห้องของเว่ยซู่ เว่ยซู่ก็คือหนึ่งในสี่นักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่ สิ่งที่ยืนยันได้ดีที่สุดก็คือเขาถนัดใช้กระบี่ด้วยมือซ้าย ท่านหญิงหมิงอวี้มาเข้าฝันท่านหญิงหมิงซี ก็เคยกล่าวถึงเรื่องสำคัญนี้เช่นกัน ลูกและท่านหญิงหมิงซีเคยวิเคราะห์รายละเอียดอย่างถี่ถ้วนแล้ว เบาะแสหลายอย่างบ่งชี้ว่าเว่ยซู่ก็คือผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารท่านหญิงหมิงอวี้พ่ะย่ะค่ะ!” ตงฟางเจ๋อเอ่ยอย่างรวบรัดและกระชับได้ใจความ อธิบายเหตุผลทุกอย่างรวดเดียว สุดท้ายยังดึงประเด็นกลับมาที่ตัวนักฆ่าอีกครั้ง
“บนผ้าไหมขาว มีชื่อผู้ร้ายที่สั่งฆ่าเจ้าอยู่หรือไม่?” ฮ่องเต้สายตาเย็นชา ในน้ำเสียงเข้มขรึมแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายพายุฝนที่กำลังตั้งเค้า
ตงฟางเจ๋อเงยหน้าขึ้นช้าๆ “ทูลเสด็จพ่อ…” เขาเลื่อนสายตามองผ่านคนผู้นั้นที่เกร็งไปทั้งตัว แต่ยังคงพยายามวางท่าใจเย็น ก่อนจะแสยะยิ้มเย็นชา “ลูกสืบหาไม่พบพ่ะย่ะค่ะ วันนั้นที่เฉินเหมินล่มสลาย เจ้าสำนักเคยกล่าวไว้ว่า ถึงแม้จะหาหลักฐานเจอ ลูกก็ไม่มีวันได้คำตอบ คิดว่าคงเป็นเพราะรหัสลับเหล่านี้ไม่ใช่ภาษาที่ชาวแคว้นเฉิงของเราจะไขได้ ฉะนั้นผู้อยู่เบื้องหลังถึงได้กำเริบเสิบสาน ไม่กลัวฟ้าดินเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ซูหลีสายตาสั่นระริก รีบกล่าวว่า “เจิ้นหนิงอ๋องกล่าวถูกต้องแล้วเพคะ ครานี้ที่องค์ชายสี่หยางเซียวสามารถไขความลับในคดีนี้ได้ ก็เป็นเพราะความบังเอิญ หากไม่ใช่เพราะเขาบังเอิญเห็นผ้าไหมขาวผืนนี้ แล้วพบว่าอักษรเหล่านี้เป็นอักษรที่หายากมาก จึงเกิดความสงสัย และถามถึงที่มาที่ไปของผ้าไหมกับหมิงซีแล้วละก็ หมิงซีก็คงไม่ได้คำตอบเร็วถึงเพียงนี้ เพียงแต่ ผลลัพธ์ที่ได้เหนือความคาดหมายมากจริงๆ เพคะ”
อวี้หลิงหลงได้ยินดังนั้น ร่างกายก็พลันสั่นสะท้าน วาจาของฮองเฮา แม้พยายามทำให้นางหลุดพ้นข้อสงสัยอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายปัญหาก็ยังคงวนกลับมาหานางอยู่ดี
ฮองเฮารู้สึกได้ว่ามือของนางที่กำลังกำชายกระโปรงตนเองแน่นสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม เห็นชัดว่าภายในใจกำลังหวาดกลัวสุดขีด จึงอดไม่ได้ที่จะหงุดหงิด นางสงสัยมาโดยตลอดว่าตงฟางเจ๋อคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด นึกไม่ถึงเขากลับฉวยโอกาสนี้พูดเรื่องที่ตนเองถูกลอบสังหารขึ้นมาด้วย
แต่หากไม่ถาม แม้แต่โอกาสในการพลิกสถานการณ์ก็จะไม่มีอีก ฮองเฮาพลันรวบรวมความกล้า ถามเสียงเข้มอีกครั้ง “เช่นนั้นสมุดลับเล่มนั้นเล่า? หลักฐานชิ้นสำคัญในการไขความลับสุดท้ายเล่มนั้น หยางเซียวได้มาจากที่ใด?”
ซูหลีตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เฉินเหมินมีความเกี่ยวข้องกับลัทธิธิดาเทพแห่งแคว้นเปี้ยนอย่างลึกซึ้ง รายละเอียดลึกๆ องค์ชายสี่เองก็ไม่ทราบมากนัก จากที่ได้ยินมาเจ้าสำนักเฉินเหมินเป็นผู้ทรยศที่หลบหนีจากลัทธิธิดาเทพ ศิษย์ในลัทธิสืบหาตัวเขามาโดยตลอด ครั้นสืบมาถึงเฉินเหมิน ประจวบเหมาะกับเป็นช่วงที่เจิ้นหนิงอ๋องบุกทำลายเฉินเหมินพอดี ภูติในลัทธิธิดาเทพได้สมุดลับเล่มนี้ไป ภูติผู้นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะหนีกลับไปยังแคว้นเปี้ยนบังเอิญพบองค์ชายสี่ สมุดลับจึงตกไปอยู่ในมือขององค์ชายสี่หยางเซียว
องค์ชายสี่เห็นว่าสมุดลับเล่มนี้บันทึกข้อความโดยใช้อักษรลับของราชวงศ์เปี้ยน เรื่องราวที่บันทึกไว้ก็สุดแสนจะประหลาด มีเพียงอักษรและชื่อแซ่เท่านั้น ฉะนั้นจึงเก็บความฉงนฉงายไว้ในใจ วันนั้นที่เทียนเหมิน องค์ชายสี่เห็นผ้าไหมขาวที่อยู่กับหมิงซี จึงได้ประจักษ์ในที่สุด ว่าที่แท้อักษรบนผ้าไหมขาวของนักฆ่าเมื่อรวมกับข้อความในสมุดลับแล้ว ก็คือคำตอบสุดท้ายนั่นเอง!”
ที่มาที่ไปของหลักฐานทั้งสองชิ้นล้วนแต่อธิบายชัดเจนแล้ว คล้ายไม่มีข้อสงสัยใดหลงเหลืออีก ทุกคนต่างเข้าใจอย่างชัดเจน หยางเซียวเป็นถึงองค์ชาย หากมิใช่ว่าหลักฐานบ่งชี้ชัดเจน ย่อมไม่มีทางเขียนหนังสือยืนยัน ซ้ำยังประทับตราประจำกายเพื่อเป็นการรับรองอีกด้วย
เรื่องนี้ หากต้องการแก้ต่างให้อวี้หลิงหลง เกรงว่าคงเป็นเรื่องยากเสียแล้ว
สถานการณ์พลันจมดิ่งสู่ความเงียบงัน เห็นชัดว่าฮองเฮาก็ไม่รู้ว่าตนเองควรถามอะไรอีก
ครั้นเห็นเสด็จแม่เอาแต่ถามซักไซ้ไล่เลียงอยู่ครึ่งค่อนวัน ตงฟางจั๋วไม่อาจข่มกลั้นอารมณ์อันพลุ่งพล่าน กล่าวเสียงเคียดแค้น “เรื่องจริงเห็นกันอยู่ต่อหน้าแล้ว! ยังมีเรื่องใดให้ถามอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ? ยามนี้แม้เอาตัวนางแพศยาผู้นี้ออกไปหั่นเป็นชิ้นๆ ก็ยังไม่สาสมแก่ความแค้นในใจลูก!” เขาถลึงดวงตาแดงก่ำ สาวเท้าหมายจะเข้าไปกระชากตัวอวี้หลิงหลง!
ฮองเฮาตกใจ ตวาดเสียงดังลั่น “จั๋วเอ๋อร์! เจ้าใจเย็นก่อน! เรื่องนี้ยังมีจุดน่าสงสัยอีกมาก เจ้าจะฟังความข้างเดียวแล้วตัดสินโทษน้าหญิงของเจ้าได้อย่างไร?!”
“เสด็จแม่!” ตงฟางจั๋วคำรามลั่น ประกายน้ำตาพาดผ่าน กล่าวอย่างเจ็บปวด “หากมิใช่นางแพศยาผู้นี้ลอบวางแผนร้าย หลีซูจะตายอย่างน่าอนาถได้อย่างไร? ลูกจะสูญเสียหญิงอันเป็นที่รักไปได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นเสด็จแม่ก็เคยกล่าวว่าจะไม่ปล่อยผู้ที่ทำลายชื่อเสียงราชวงศ์ไปเด็ดขาด! ยามนี้ผู้บงการอยู่ตรงหน้าแล้ว เสด็จแม่กลับไม่ยอมให้ลูกนำตัวนางไปรับโทษด้วยมือตนเอง นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”
ฮองเฮายังไม่ทันพูดอะไร อวี้หลิงหลงกลับกรีดร้องเสียงแหลมขึ้นมาก่อน นางหยัดร่างกายอันสั่นเทิ้มลุกขึ้น ดวงตาถลึงกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “ท่านอ๋องเอาแต่กล่าวหาว่าหม่อมฉันเป็นผู้บงการ หม่อมฉันขอถามท่านอ๋องสักคำ หม่อมฉันกับท่านหญิงหมิงอวี้มิเคยมีเรื่องบาดหมาง เหตุใดหม่อมฉันต้องทำร้ายนางด้วยเพคะ!”
ซูหลีพลันสะท้านใจ เสียงของอวี้หลิงหลงเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ในม่านตากระจ่างชัดของนางนอกจากความตกตะลึงและโกรธแค้น กลับไม่มีแววเสแสร้งแกล้งทำแม้แต่น้อย นางคล้ายไม่ได้โกหก แต่ว่าหลักฐานที่ซูหลีสืบจนเจอ ก็เป็นเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นกัน!
เสียงร้องเล็กแหลมเปรียบเสมือนกระบี่คมกริบ เสียดแทงหัวใจผู้คน พาให้ใจสั่นสะท้าน
……………………………………………….

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น! หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง! พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี! แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้ ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้ แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา ‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น! เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset