กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 181 ยังกล้าบอกว่าไม่ใช่เจ้าอีกหรือ? (2)

“หนึ่งปีก่อนข้าเคยถูกนักฆ่าของเฉินเหมินไล่ล่า จึงหนีเข้ามาในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ บังเอิญพบสตรีนางหนึ่งแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำนี้…” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแช่มช้า ค่อยๆ เลื่อนสายตาออกจากใบหน้าซูหลีไปยังอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของห้อง
หัวใจของซูหลีพลันเต้นรัว
“นางช่วยข้าไว้ ยามนั้นมืดมาก ข้าจึงมองไม่เห็นใบหน้านาง เพียงเอาแหวนไปเพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันตัวตนในภายหลัง” ตงฟางเจ๋อเลื่อนสายตาลึกล้ำและเคร่งขรึมกลับมาที่นาง “แต่ต่อมาข้ากลับตามหานางไม่พบอีกเลย…”
ดวงตาของซูหลีเปรี้ยวฝาดขึ้นมา นางกล่าวเสียงเบา “ย่อมหาไม่เจออยู่แล้วเพคะ ในเมื่อนาง…ตายไปแล้ว”
สายตาตงฟางเจ๋อพลันเคร่งขรึม ถึงแม้ยามนั้นเขามองไม่เห็นหน้านาง แต่ความรู้สึกไม่เคยโกหกใคร! ในใจมีเสียงหนึ่งคอยร้องบอกตลอดว่าสตรีนางนั้นก็คือนาง ก็คือซูหลี! แต่นางกลับเอาแต่บอกว่าเป็นท่านหญิงหมิงอวี้! เพราะเหตุใดกัน? คราก่อนในโรงเตี๊ยมเทียนเหมิน เขาปลอมตัวเป็นคนของลัทธิธิดาเทพ ในขณะที่ชิงแหวนไปจากมือนางอีกครั้ง ปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณของนางเหมือนกับในคืนนั้นทุกอย่าง! สตรีทั่วไปมักสวมแหวนไว้ที่นิ้วกลางหรือไม่ก็นิ้วนาง นางกลับสวมแหวนที่นิ้วชี้! ซึ่งเหมือนกับสตรีนางนั้นไม่มีผิด! ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ความรู้สึก นิสัย นางก็ราวกับเป็นคนคนเดียวกับสตรีในคืนนั้น!
“ซูซูเคยมาที่นี่หรือ?” เขาพลันเปลี่ยนหัวข้อสนทนา นัยน์ตากระตุกเล็กน้อย
สายตาซูหลีไหวระริกเล็กน้อย ใจรู้ดีว่าต้องเป็นเพราะเมื่อครู่นางหยุดก้าวเดินอย่างกะทันหันข้างขอบอ่าง จึงทำให้เขาสงสัย รีบข่มกลั้นอารมณ์ในใจ แย้มยิ้มเล็กน้อย เอ่ยว่า “ท่านอ๋องล้อเล่นแล้ว ซูหลีไม่เคยก้าวออกจากประตูจวนตลอดสิบหกปี จะเคยมาโรงเตี๊ยมแห่งนี้ได้อย่างไรเพคะ? ก็แค่เคยเห็นในฝันเท่านั้น!”
ความฝันอีกแล้วหรือ? ตงฟางเจ๋อขมวดคิ้ว ปากกลับหัวเราะ กล่าวว่า “ซูซูยังเคยเห็นสิ่งใดในฝันอีกบ้าง?” ขาเรียวยาว ก้าวเดินมาหานาง เขาพลันเอื้อมมือรั้งแขนนาง แล้วกระชากนางเข้ามาในอ้อมอก
เผด็จการ ทว่ากลับไม่ขาดความอ่อนโยน
เรือนร่างบอบบางนิ่มนวลเหมือนในความทรงจำ เขาก้มหน้ามองนาง การกระทำของเขากะทันหันมากจนไม่อาจตั้งตัว ซูหลีเงยหน้าอย่างตกตะลึง ริมฝีปากของทั้งสองคนอยู่ใกล้ชิดกันมาก แทบจะประกบกับริมฝีปากของอีกฝ่าย นางหัวใจเต้นรัว แหงนหน้ามองประกายเร่าร้อนในดวงตาเขา วันเวลาราวกับย้อนกลับไปในอดีต พวกเขาคล้ายกับย้อนกลับไปในค่ำคืนที่พบกันครั้งแรก ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด แต่กลับเป็นค่ำคืนวสันต์ที่งดงาม พาให้ผู้คนมิอาจลืมเลือน
ยามนั้น นางถูกเขาดึงออกมาจากอ่างอาบน้ำ และกดตรึงร่างไว้บนพื้น เสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่ม นางไร้อาภรณ์หุ้มกาย
จู่ๆ ก็จำได้ ในโรงเตี๊ยมเทียนเหมิน แผนการที่พวกเขาตกลงกันไว้ก่อน คือให้เขาปลอมตัวเป็นคนของลัทธิธิดาเทพไปชิงแหวนจากนาง แต่เขาเลือกเวลาไหนไม่เลือก กลับเลือกเวลาที่นางกำลังอาบน้ำ คิดดูแล้วคงเป็นแผนของเขาแน่ๆ! วาจาที่เขาเอ่ยกับนาง นางไม่เคยเชื่อทั้งใจ ยิ่งนึกถึงเรื่องที่ถูกเขาเอาเปรียบตอนเปลือยกายหลายต่อหลายหน ซูหลีขมวดคิ้วเบาๆ อดถลึงตาใส่เขาไม่ได้
แววตานั้นเดิมแฝงแววขุ่นเคือง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่ออยู่ภายใต้แสงเทียนเลือนรางและคลุมเครือ กลับดูคล้ายนางกำลังแง่งอนเขา ท่าทีนิ่มนวลของสตรีที่พบเห็นได้ยาก ราวกับปลายนิ้วเรียวบางที่มองไม่เห็นไล้ผ่านหัวใจของชายหนุ่ม กระตุ้นให้หัวใจสั่นไหวยากทานทน
ตงฟางเจ๋อเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ นัยน์ตาพลันสั่นไหว สะบัดแขนเสื้อดับแสงเทียน ห้องอาบน้ำเข้าสู่ความมืดมิดทันที
ซูหลีอึ้งงันเล็กน้อย ในตอนนั้นเอง ฝ่ามือใหญ่ของเขาพลันสอดเข้ามาที่เอว กระตุกสายคาดเอวเส้นเล็กเบาๆ
อาภรณ์ของหญิงสาวพลันหลุดออก ไม่รอให้นางได้สติ เขากอดนางแล้วกลิ้งตัวไปที่เตียง รวดเร็วจนนางตั้งตัวไม่ติด
ผ้าห่มที่ทำจากผ้าต่วนเนื้อลื่นห่อหุ้มร่างกายของทั้งสองคนด้วยความเร็วที่น่าตกใจ ซูหลีจึงเพิ่งได้สติกลับคืนมา ว่าร่างกายครึ่งท่อนของนางที่กำลังเปลือยเปล่าถูกเขากอดแน่นไว้ในอ้อมอก นางสูดหายใจด้วยความตกตะลึงสุดขีด ไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่? หัวใจพลันแตกตื่นลนลานอย่างไม่อาจควบคุม
ทั้งหมดราวกับย้อนกลับไปในค่ำคืนนั้นจริงๆ…
ในห้องมืดสนิท นางเห็นสีหน้าของเขาไม่ชัดเจน รู้สึกเพียงฝ่ามือใหญ่ที่อยู่ตรงเอวร้อนรุ่มดั่งเปลวเพลิง กอดรัดนางไว้แน่นอย่างไม่เกรงใจ ร่างกายกว่าครึ่งส่วนถูกเขากดทับไว้ใต้ร่างหนา จนไม่อาจขยับตัวได้แม้แต่น้อย
“ตงฟางเจ๋อ…” นางไม่พอใจ ยกมือผลักเขา นึกไม่ถึงเมื่อครู่ขณะกลิ้งตัวมาที่เตียง คอเสื้อของเขาถูกเปิดออกอย่างไม่ได้ตั้งใจ ยามนี้เมื่อนางผลักเขา ฝ่ามือบางจึงแนบชิดกับแผงอกกำยำที่เปลือยเปล่าของเขา
ครั้นนิ้วมืออันนิ่มนวลราวกับไร้กระดูกของนางสัมผัสถูกแผงอกกำยำของชายหนุ่ม ทั้งสองพลันเกร็งไปทั้งตัว คล้ายมีบางสิ่งในร่างกายถูกปลุกให้ตื่น ร่างกายราวกับถูกเปลวไฟห้อมล้อม ร้อนรุ่มจนแผดเผาสติสัมปชัญญะที่เมื่อครู่ยังแจ่มชัด
นางเหมือนถูกไฟลวก รีบหดมือกลับอย่างเร็ว แต่ยังคงรู้สึกได้ว่าร่างกายสูงใหญ่ของบุรุษที่อยู่ข้างบนเกร็งไปชั่วขณะ กลิ่นอายรอบกายแปรปรวนสับสน ลมหายใจที่พ่นอยู่ข้างใบหูนางแปรเปลี่ยนเป็นร้อนจนลวก ซูหลีใจเต้นรัว พลันกลั้นหายใจอย่างไม่รู้ตัว
บรรยากาศคลุมเครือพลันก่อตัวในอากาศ ความปรารถนาบังเกิดอย่างไร้ซุ่มเสียง กลิ่นหอมของบุปผาไม่รู้ลอยโชยมาจากที่ใด พาให้หัวใจมัวเมาลุ่มหลง
ฝ่ามือใหญ่ของตงฟางเจ๋อขยับดึงนางเข้าไปใกล้อีกหลายส่วน จมูกชนจมูก ริมฝีปากประชิดกัน จ้องหน้ากันในระยะใกล้ ทำให้สมองนางขาวโพลนไปหมด ผิวกายเนียนนุ่มที่อยู่ใต้ฝ่ามือเขานุ่มลื่นดั่งผ้าซาติน เอวของหญิงสาวบอบบางนิ่มนวล เรือนร่างของนางมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยโชย เติมเต็มประสาทสัมผัสของเขา กระตุ้นความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในใจเขาอย่างง่ายดาย
“ซูซู…” เขาขานเรียกชื่อนางเสียงเบา น้ำเสียงทุ้มต่ำระคนแหบพร่าด้วยแรงเสน่หา
ลมหายใจพลันถี่กระชั้นขึ้นมา
ซูหลีลมหายใจสะดุด อ้าปากหมายจะขานรับ ทว่ากลับไม่รู้ควรพูดอะไร ตงฟางเจ๋อลูบกลีบปากสีแดงที่อ้าออกเล็กน้อยของนาง สายตาพลันเข้มขรึม ก้มหน้าประกบปากกับริมฝีปากนิ่มนวลของนางทันที
จุมพิตอันเผด็จการดูดดื่มความหอมหวานจากหญิงสาวเข้าไปในปาก
ความรู้สึกราวกับถูกไฟดูดกระจายไปทั่วร่างกายนาง ทำให้นางสั่นสะท้านไปทั้งตัว ในร่างกายราวกับมีบางอย่างขาดผึงไปแล้ว
จูบของเขามักจะเผด็จการจนนางไร้เรี่ยวแรงขัดขืนอย่างนี้เสมอ
สติสัมปชัญญะค่อยๆ หลุดออกจากการควบคุมของตนเอง
แรงปรารถนาทำให้ปลายจมูกของทั้งสองมีเม็ดเหงื่อผุดพรายบางๆ
สติค่อยๆ เลือนราง เพียงแค่จุมพิตเดียว นางก็ตัวอ่อนเป็นน้ำในฤดูใบไม้ผลิแล้ว เลือดในกายสูบฉีดรุนแรง ให้ความรู้สึกประหลาดราวกับไม่ใช่ตนเอง
นางรู้สึกหงุดหงิด จึงปฏิเสธแรงปรารถนาอันร้อนแรงของเขาโดยสัญชาตญาณ
“หยุด…หยุดเดี๋ยวนี้…” นางหอบหายใจเบาๆ อยากจะใช้สติที่เหลืออยู่น้อยนิดปฏิเสธความใกล้ชิดอีกขั้นจากเขา แต่เสียงปฏิเสธที่ออกจากปากกลับฟังคล้ายเสียงครางออดอ้อน
เขาอ้าปากงับติ่งหูน้อยๆ ของนาง ก่อนจะขบเม้มเบาๆ คล้ายเป็นการลงโทษ แรงกระตุ้นอย่างรุนแรงพลันแผ่ซ่านไปทั่วกาย นางหลุดร้องเบาๆ อย่างห้ามไม่อยู่
คล้ายพึงพอใจในการตอบสนองของนาง เขาเงยหน้ามองแวบหนึ่ง แตกต่างจากสายตาเย็นชาในยามปกติ กลิ่นอายคลุมเครือที่เกิดจากความเสน่หา ขับเน้นให้นางที่อยู่ในความมืดยิ่งงดงามจนไม่อาจบรรยาย…
………………………………………………..

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น! หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง! พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี! แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้ ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้ แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา ‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น! เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset