กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 367 สังหารเขา (1)

ยามพลบค่ำ หวั่นซินมารายงาน “อวี๋เชียนจี หัวหน้าสำนักจันทร์เสี้ยวเพิ่งไปที่หอซือหยวนเจ้าค่ะ”
สายตาของซูหลีขรึมลง อวี๋เชียนจี อายุยี่สิบปี ซูหลีเคยเห็นหน้านางเพียงครั้งเดียวในวันที่ทำพิธีสืบทอดตำแหน่ง สตรีนางนี้รูปโฉมงดงาม บุคลิกอ่อนหวาน ฉลาดปราดเปรื่อง เกิดมาเพื่อเป็นดาวพิฆาตของเหล่าบุรุษ ได้ยินว่านางค่อนข้างมีพรสวรรค์ด้านปรุงยาพิษ สำนักจันทร์เสี้ยวภายใต้การดูแลของนาง สามารถค้นคว้าและปรุงยาพิษชนิดพิเศษขึ้นมาได้มากมาย ด้วยเหตุนี้นางจึงเป็นที่ไว้ใจของผู้อาวุโสเสวียนจิ้ง
หอซือหยวนเป็นที่พักของเซี่ยฝูอัน อวี๋เชียนจีมาที่แท่นบูชาหลัก ไม่ไปพบผู้อาวุโสเสวียนจิ้ง และไม่ได้มาเข้าพบธิดาเทพ กลับตรงไปหาเซี่ยฝูอันด้วยเรื่องอันใดกัน?
กระโปรงเนื้อบางสีม่วงควันบุหรี่ปกคลุมอยู่บนเรือนร่างอรชรที่มีส่วนเว้าโค้งอันงดงามของสตรี อวี๋เชียนจีนอนอยู่บนเก้าอี้เอนหลังตัวหนึ่ง ดวงตาเรียวยาวดั่งไหม คิ้วงามกระดกขึ้นเล็กน้อย นางกะพริบตาปริบๆ กล่าวว่า “ผู้ดูแลเซี่ย ข้อเสนอของเชียนจีท่านคิดเห็นเช่นไรบ้าง?”
เซี่ยฝูอันนั่งเงียบๆ อยู่ด้านหนึ่ง จนถึงตอนนี้เขายังไม่เงยหน้าสักครั้ง ราวกับไม่มีผู้ใดอยู่ในนี้ สายตาของเขาจดจ้องอยู่ที่ถ้วยชากระเบื้องเคลือบสีขาวในมือ ไม่นานก็ผ่อนลมหายใจเบาๆ แล้วกล่าวเสียงเรียบ “ขอบคุณความเมตตาของหัวหน้าสำนักอวี๋ยิ่งนัก แต่แท่นบูชาหลักมีเรื่องให้จัดการดูแลมากมาย เกรงว่าข้าน้อยคงไม่มีเวลาออกไปเที่ยวเล่นผ่อนคลายกับหัวหน้าสำนักอวี๋ข้างนอก”
“งานจะยุ่งเพียงใด คนเราก็ต้องพักผ่อนกันบ้าง หรือท่านจะทำงานหนักเช่นนี้ไปทั้งชีวิต? เช่นนั้นน่าเบื่อเกินไปหรือไม่” อวี๋เชียนจีแย้มยิ้ม หันหน้าออกด้านนอกเพื่อเปลี่ยนท่านั่ง กระโปรงเนื้อบางไถลกองลงบนพื้นเหมือนสายน้ำ เผยให้เห็นขาเรียวยาวสวยงาม ผิวขาวดั่งไขมันแพะ หากมองจากมุมที่เซี่ยฝูอันนั่งอยู่ จะมองเห็นต้นขาที่โผล่ออกมาอย่างวับๆ แวมๆ ภาพยั่วยวนถึงเพียงนี้ หากชายใดได้เห็น เป็นต้องวิญญาณหลุดออกจากร่างกันทุกราย
เซี่ยฝูอันเพียงแย้มยิ้ม ยกกาน้ำชาแล้วรินชาให้นางหนึ่งถ้วย กล่าวอย่างไม่วอกแวก “นี่เป็นชาใหม่ที่สำนักเมฆาขาวเพิ่งส่งมา รสชาติไม่เลวทีเดียว หัวหน้าสำนักอวี๋ลองชิมดู หากชอบ ข้าน้อยจะให้คนส่งไปที่สำนักจันทร์เสี้ยวด้วย”
จู่ๆ เสน่ห์ที่ใช้ได้ผลมาตลอดกลับล้มเหลว อวี๋เชียนจีขมวดคิ้วเล็กน้อย นางมองหน้าเขาแล้วแสร้งทำเป็นเคืองขุ่น “ข้าไม่ชอบดื่มชา ข้าเพียงต้องการให้ท่านมองหน้าข้า และพูดคุยกับข้า!” พูดไป นางก็ลุกขึ้นนั่ง เอื้อมมือออกไปหมายจะแย่งถ้วยชาที่ครอบครองสายตาของบุรุษตรงหน้า นางไม่เชื่อว่าจะมีชายใดไม่ชมชอบนาง!
ครั้นเห็นนิ้วมือของนางใกล้จะสัมผัสถูกถ้วยชา สายตาของเซี่ยฝูอันไหวระริก พริบตาเดียวถ้วยกระเบื้องเคลือบสีขาวก็เคลื่อนตัวไปอยู่อีกด้านหนึ่ง อวี๋เชียนจีเองก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว นิ้วมือเรียวรีบเปลี่ยนไปคว้าสาบเสื้อเขาแทน เรือนร่างงดงามดั่งนางเงือกถลาเข้าไปในอ้อมแขนของบุรุษ
กลิ่นหอมรัญจวนใจลอยโชยแตะจมูก หากเป็นชายทั่วไป อยู่ต่อหน้าหญิงงามที่นุ่มนวลอ่อนหวาน และมีเสน่ห์ดึงดูดถึงเพียงนี้ คงจะอ้าแขนรับและอุ้มนางไปที่เตียง เพื่อสานต่อสัมพันธ์อันใกล้ชิดแล้ว
ทว่า สายตาของเซี่ยฝูอันกลับมีแววเย็นชาพาดผ่าน เขาซัดฝ่ามือไปที่ขอบโต๊ะข้างกาย เก้าอี้ของเขาพลันเคลื่อนตัวออกไปในแนวขวาง พริบตาเดียวก็ออกห่างจากอวี๋เชียนจีถึงห้าก้าว
อวี๋เชียนจีตกตะลึง นางพุ่งตัวเข้าไปหาเขาในมุมนี้ แทบเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลบพ้น แต่นางกลับไม่ได้สัมผัสแม้แต่ชายเสื้อเขา! นางเสียหลักเอนไปข้างหน้า เรือนร่างอรชรของสตรีล้มนั่งอยู่บนพื้น ยามนี้คอเสื้อของอวี๋เชียนจีเปิดออก ส่วนหนึ่งของเสื้อชั้นในโปร่งบางเผยสู่สายตา แววเย็นชาพาดผ่านดวงตาที่หลุบต่ำของนาง ครั้นเงยหน้าขึ้น ใบหน้ากลับแปรเปลี่ยนเป็นน้อยเนื้อต่ำใจ นางร้องครวญเสียงเบา แล้วกล่าวตัดพ้อ “ท่านช่างใจร้ายยิ่งนัก หัวใจทำจากหินหรืออย่างไร?”
เซี่ยฝูอันลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงเรียบ “ข้าน้อยยังมีงานต้องทำ ขออภัยที่ไม่อาจอยู่ต้อนรับต่อ” เอ่ยจบ เขาก็เดินตรงไปยังโต๊ะทำงาน นั่งลงแล้วเริ่มทำงานต่อ
“เซี่ยฝูอันผู้นี้ช่างเหมือนท่อนไม้ยิ่งนัก ต่อหน้าสิ่งมีชีวิตงดงามเช่นนี้ เขากลับเมินเฉยไม่สนใจ!” นอกหอซือหยวน บนต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยกิ่งก้านสาขาและใบไม้เขียวขจี เสียงพึมพำเบาๆ ของเซี่ยงหลีดังแว่วมา “นึกไม่ถึงว่าใต้หล้านี้นอกจากข้า ยังจะมีผู้ใดสามารถต้านทานการโจมตีเช่นนี้ของนางได้อีก!”
รอยยิ้มของเขาดูเจ้าเล่ห์ หวั่นซินที่อยู่ข้างกายถึงกับพูดไม่ออก อดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่เขา พูดอย่างกับว่าอวี๋เชียนจีเคยยั่วยวนเขาอย่างไรอย่างนั้น!
ซูหลีเงียบงันไม่พูดจา สายตาเย็นชา นางไม่เข้าใจ ถึงแม้เซี่ยฝูอันจะเป็นผู้ดูแลแท่นบูชาหลัก มีความคิดรอบคอบ รับผิดชอบดูแลเรื่องต่างๆ ในแท่นบูชาหลัก แต่หากพูดกันตามจริงเขาก็เป็นเพียงคนทำงานเบ็ดเตล็ด ไม่ได้มีอำนาจใด ทั้งรูปร่างหน้าตาก็ธรรมดาสามัญ ไม่มีอะไรพิเศษโดดเด่น
แต่อวี๋เชียนจีเป็นถึงหัวหน้าสำนัก หากต้องการชายใด เหล่าหัวหน้าจากทั้งแปดสำนักยังมีชายหนุ่มที่ทั้งรูปโฉมและความสามารถอยู่ในระดับสูงหลายคน ไม่ว่าคนใดก็ล้วนโดดเด่นกว่าเซี่ยฝูอันทั้งนั้น เหตุใดนางจึงสนใจเขาถึงเพียงนี้?
นึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่อวี๋เชียนจีพุ่งตัวเข้าไปหาเขา นางลงมือรวดเร็วมาก แต่เขากลับสามารถตอบสนองได้รวดเร็วกว่า เขาหลบนางได้โดยที่ไม่ต้องเปลืองแรงเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งน้ำชาในถ้วยที่เขาถืออยู่ก็ไม่หกแม้แต่หยดเดียว วรยุทธ์ของคนผู้นี้ เกรงว่าจะไม่ได้ธรรมดาดังเช่นที่เห็นภายนอก!
หัวใจของซูหลีสั่นไหว นางก้มหน้ากำชับบางอย่างกับเซี่ยงหลี
เซี่ยงหลีพยักหน้า กระโดดลงจากต้นไม้ ทิ้งตัวบนพื้นอย่างเงียบงัน จากนั้นก็บุกเข้าไปในหอซือหยวน แล้วซัดฝ่ามือไปยังเซี่ยฝูอันที่กำลังนั่งหันหลังจดจ่ออยู่กับการทำงานในมือทันที!
การลอบโจมตีที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ไม่เหลือเวลาคิดมาก เซี่ยฝูอันยังไม่ทันเห็นว่าผู้มาเป็นใคร เขาได้ยินเพียงเสียงฝ่ามือลมปราณที่พุ่งเข้ามา สายตาเย็นเยียบ รีบหมุนกายหันไปเผชิญหน้าทันที
ฝ่ามือทั้งสี่ข้างปะทะกัน เสียง ‘บึ้ม’ ดังขึ้น ใบหน้าของเซี่ยฝูอันซีดเผือด เขาเซถอยไปหลายก้าวก่อนจะล้มนั่งลงกับพื้น เลือดทะลักออกจากมุมปาก เขาเงยหน้ามองชายผู้ลอบโจมตี คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน กล่าวด้วยสีหน้าตึงเครียด  “ทูตมั่งคั่งทำอย่างนี้หมายความว่าเช่นไร?”
“ไม่รู้จักถนอมบุปผางาม สมควรถูกสั่งสอน!” เซี่ยงหลีเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ในใจพลันบังเกิดความสงสัย ฝ่ามือเมื่อครู่ หากอาศัยสัญชาตญาณของคนฝึกวรยุทธ์ จะต้องหันกลับมาต้านรับอย่างแน่นอน การตอบสนองของเซี่ยฝูอันเป็นเช่นนั้น แต่กำลังภายในของเขา…กลับอ่อนแอกว่าที่คาดคิดมาก
เซี่ยฝูอันกล่าวเสียงเย็นชา “นึกไม่ถึงว่าทูตมั่งคั่งจะเป็นคนที่ชมชอบบุปผา”
เซี่ยงหลีหันมองอีกด้าน เหลือบมองอวี๋เชียนจีที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นด้วยท่าทางยั่วยวน แล้วแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาสาวเท้ายาวๆ เดินไปหาอวี๋เชียนจี ย่อกายลง แล้วใช้นิ้วชี้เชิดคางกลมมนของอวี๋เชียนจีขึ้น นางเงยหน้าตามนิ้วมือเขา
ครั้นสบตากัน ดวงตาอันงดงามและเปล่งประกายของเซี่ยงหลี ทั้งเย้ายวนและดึงดูด อวี๋เชียนจีสะท้านไปทั้งใจ ได้ยินเซี่ยงหลีกล่าวเสียงอ่อนโยน “หญิงงามบอบบางเช่นหัวหน้าสำนักอวี๋ ผู้ดูแลเซี่ยใจจืดใจดำกระทำกับนางเช่นนี้ได้อย่างไร? หากเป็นข้า จะไม่มีวันทำให้นางเสียใจเด็ดขาด สตรีเรือนร่างอ่อนแอบอบบางไม่ถูกกับอากาศหนาวเย็นเป็นที่สุด หากป่วยด้วยสาเหตุนี้ ท่านจะรับผิดชอบไหวหรือ?” เขาพูดพลางเอื้อมมือโอบเอวอวี๋เชียนจีเงียบๆ ก่อนจะประคองนางให้ลุกขึ้นยืนอย่างแนบชิด
“ขอบคุณทูตมั่งคั่งมาก” อวี๋เชียนจีถูกเขาฉวยโอกาสรั้งตัวเข้าไปในอ้อมแขน นางหลุบตาต่ำ ดวงหน้างดงามเนียนขาวดั่งหยกพลันแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย ท่าทางเหนียมอายชวนหลงใหล
เซี่ยงหลีโน้มกายกระซิบเบาๆ ข้างหูนาง “หัวหน้าสำนักอวี๋อย่าทำเหมือนเป็นคนอื่นคนไกล ผู้ดูแลเซี่ยมีตาหามีแววไม่ ทำร้ายหัวใจหญิงงาม สมควรตายจริงๆ ข้าเข้าอกเข้าใจความรู้สึกของสตรีเป็นอย่างดี มิสู้เรากลับโถงจินหม่าน…แล้วพูดคุยกันสักหน่อย?”
น้ำเสียงของเขาแผ่วเบานิ่มนวล พาให้หัวใจของอวี๋เชียนจีเต้นโครมคราม นางแย้มยิ้มงดงาม “ความปรารถนาดีของทูตมั่งคั่ง เชียนจีมีหรือจะกล้าปฏิเสธ? เพียงแต่…วันนี้ค่ำมากแล้ว เชียนจียังมีงานต้องไปทำ มิสู้ค่อยพูดคุยกันวันหลัง?”
“วันหลัง? ต้องรอจนถึงวันใดเล่า?” มือที่โอบเอวบอบบางของนางกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย คล้ายต้องการแสดงให้นางเห็นถึงความอาลัยอาวรณ์
“อืม” อวี๋เชียนจีกล่าวเสียงหวาน “วันหลังเชียนจีจะเตรียมสุราหอมและอาหารเลิศรสไว้รอต้อนรับทูตมั่งคั่งแน่นอน”
……………………………………..

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น! หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง! พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี! แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้ ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้ แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา ‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น! เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset