กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 93 บรรยากาศคลุมเครือในสระน้ำพุร้อน (2)

ความคิดหนึ่งพลันแล่นผ่านสมองตงฟางเจ๋อ ดวงหน้าที่เขาเคยใช้นิ้วมือลูบไล้เพื่อจดจำค่อยๆ ปรากฏเค้าโครงเด่นชัดในความคิด หรือว่า…นางจะเกี่ยวข้องกับเฉินเหมิน?
โบกมือสั่งให้เซิ่งจินและเซิ่งฉินถอยออกไป สาวรับใช้อาภรณ์สีชมพูที่ยืนรออยู่หน้าประตูรีบเข้ามาปรนนิบัติเติมน้ำชาให้เขาทันที
ตงฟางเจ๋อเอนกายพิงอยู่บนเก้าอี้ที่ทำจากไม้ไผ่ หลับตาเบาๆ ท่าทางคล้ายเหนื่อยล้าเล็กน้อย สาวรับใช้อาภรณ์สีชมพูลอบมองเขาเงียบๆ มองอย่างไรนั่นก็เป็นใบหน้าที่งดงามและสมบูรณ์แบบ เพียงมองแวบเดียว ไม่ว่าสตรีใดก็เกรงว่าจะเคลิบเคลิ้ม ทว่าบุรุษผู้นี้ ยามนี้ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่ คิ้วเข้มขมวดเบาๆ ราวกับมีเรื่องในใจ
“เจ้าชื่ออะไร?” ตงฟางเจ๋อพลันเอ่ยถามขึ้น
สาวรับใช้สะดุ้ง รีบละสายตาออกไป ก่อนตอบอย่างนอบน้อม “ทูลท่านอ๋อง บ่าวชื่อฟางเอ๋อร์เพคะ”
“ฟางเอ๋อร์?!” ตงฟางเจ๋อหัวเราะเสียงเบา “ชื่องาม บ้านพักตากอากาศแห่งนี้ห่างไกลความเจริญ มีสถานที่น่าสนใจใกล้ๆ หรือไม่?”
ฟางเอ๋อร์นัยน์ตาเป็นประกาย รีบกล่าวว่า “บ่าวได้ยินพ่อบ้านบอกว่าหลังเขามีน้ำพุร้อนธรรมชาติแห่งหนึ่ง ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าได้ ท่านอ๋องจะลองไปแช่ดูหรือไม่เพคะ?”
น้ำพุร้อนธรรมชาติ? ตงฟางเจ๋อลืมตา เลื่อนสายตาไปยังใบหน้าของสาวใช้ นางก้มหน้างุดทันที แพขนตากระเพื่อมสั่นเบาๆ ตงฟางเจ๋อเอ่ยเสียงเรียบ “ดี แช่น้ำพุร้อนอุ่นๆ ยามค่ำก็ดีเหมือนกัน เด็กๆ ตบรางวัล”
ฟางเอ๋อร์รีบถวายบังคม “ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ” หลังจากรับเบี้ยรางวัล ก็ถอยออกไปด้วยสีหน้าชื่นมื่น
ตงฟางเจ๋อเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เรียกองครักษ์เข้ามา “เซิ่งฉิน เจ้ารั้งอยู่ในบ้านพักตากอากาศ คอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของทุกคนไว้ให้ดี” นัยน์ตาลึกล้ำมีประกายคมปลาบและเย็นเยียบพาดผ่าน ตงฟางเจ๋อครุ่นคิด ก่อนจะก้มหน้ากำชับกับเซิ่งฉินเสียงเบาอีกหนึ่งประโยค
เซิ่งฉินสีหน้าพลันเคร่งขรึม ก่อนรีบรับคำ “พ่ะย่ะค่ะ” หลังจากมองดูผู้เป็นนายจากไป ก็รีบเร้นกายเข้าไปเงามืดอีกครั้ง
สวนทิศตะวันออกพลันเงียบงัน ดวงจันทร์กลมลอยอยู่กลางนภา ทว่ากลับถูกชั้นเมฆหนาทึบบดบัง ทำให้แสงจันทร์ที่เดิมสว่างสดใสดั่งสายน้ำแปรเปลี่ยนเป็นสลัวเลือนราง
ซูชิ่นเดินวนไปวนมาอยู่นอกประตูสวนทิศตะวันออกพักหนึ่งแล้ว นางลังเลไม่กล้าเข้าไป แต่ก็ตัดใจจากไปไม่ได้เช่นกัน ไม่รู้เจิ้นหนิงอ๋องอารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้วหรือไม่? นางนึกกังวล อยากเข้าไปปลอบใจเขายิ่งนัก ทว่ากลับไม่กล้า
“คุณหนูรอง?” ฟางเอ๋อร์เดินเข้ามาหานาง ก่อนจะค้อมกายทำความเคารพ และเอ่ยถาม “คุณหนูรองมาหาเจิ้นหนิงอ๋องหรือเจ้าคะ? ท่านอ๋องเพิ่งจะออกไปที่หลังภูเขาเมื่อครู่เองเจ้าค่ะ”
“ว่าอย่างไรนะ?” ซูชิ่นร้องขึ้นอย่างตกใจ “พวกเจ้าปรนนิบัติกันอย่างไร? ดึกดื่นถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดจึงปล่อยให้ท่านอ๋องไปหลังภูเขาผู้เดียว?”
ฟางเอ๋อร์ยิ้มแล้วตอบ “ท่านอ๋องอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก จึงอยากอยู่เพียงลำพังเจ้าค่ะ น้ำพุร้อนหลังภูเขาช่วยคลายความเหนื่อยล้าได้ดียิ่ง ท่านอ๋องจึงล่วงหน้าไปก่อนเพียงลำพัง หากคุณหนูรองเป็นห่วงท่านอ๋อง มิสู้ไปดูสักหน่อย?” สายตานางเต็มไปด้วยความถ่อมตน ค้อมกายถอยหลัง รู้จักกาลเทศะอย่างยิ่ง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ประโยคที่กล่าวว่าล่วงหน้าไปก่อนเพียงลำพัง กลับทำให้หัวใจของซูชิ่นเต้นอย่างบ้าคลั่ง
ซูเซียงหรูและตงฟางเจ๋อมีสายสัมพันธ์ที่ดีงามต่อกันเสมอมา ซูฮูหยินหมายมั่นจะยกนางให้ตบแต่งกับเจิ้นหนิงอ๋อง นางเองก็ปรารถนาเช่นนั้นเหมือนกัน หลังจากที่ได้พบหน้าตงฟางเจ๋อ ความปรารถนานี้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น บุรุษอื่นใต้ฟ้านี้ไม่เข้าตานางอีกต่อไป คนที่นางคำนึงหาทุกเมื่อเชื่อวันมีเพียงตงฟางเจ๋อผู้เดียวเท่านั้น ซูชิ่นมาบ้านพักตากอากาศแห่งนี้ เดิมทีเป็นเพราะอารมณ์ไม่ดี จึงอยากมาผ่อนคลายจิตใจกับมารดา นึกไม่ถึงมารดาไม่มา กลับได้พบบุรุษในดวงใจแทน นี่ทำให้นางทั้งยินดีและกังวล ยินดีที่ในที่สุดก็ได้มีโอกาสพบเขาทุกเช้าค่ำ กังวลที่บุรุษในดวงใจนางคล้ายกำลังหมายปองผู้อื่น
ค่ำคืนนี้แสงจันทร์สลัวเป็นสีเงิน ไม่ง่ายเลยกว่าจะสบโอกาสอยู่กับเขาเพียงลำพัง ยามนี้ซูชิ่นจะยังอดทนได้อีกหรือ? ความคิดหนึ่งผุดขึ้น นางมุ่งหน้าไปยังด้านหลังภูเขาทันที
แมกไม้บนภูเขาหนาทึบ เงียบงันผิดปกติ บนเนินเขาสูงชันจุดหนึ่งมีไอหมอกลอยฟุ้งกลางอากาศ น้ำพุร้อนธรรมชาติ ซ่อนตัวอยู่ในป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ออกดอกสีแดงรายล้อมทั้งสามทิศ
เมื่อลมภูเขาพัดผ่าน กลีบดอกบนต้นไม้ก็ร่วงโรย ทิ้งตัวลอยอยู่เหนือผิวน้ำในสระ
ตงฟางเจ๋อปล่อยผมสยายกลางหลัง ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า แช่กายอยู่ในสระน้ำพุร้อนด้วยสีหน้าผ่อนคลาย น้ำพุร้อนอุ่นๆ สูงเหนือแผงอกกำยำของเขา เขากางแขนเรียวยาวพาดบนขอบสระเย็นๆ ไอร้อนในสระพวยพุ่ง ทำให้นัยน์ตาเย็นชาอาบไล้ไปด้วยสีสันเลือนราง ขับเน้นให้ดวงหน้าที่เดิมก็หล่อเหลายิ่งมีเสน่ห์ดึงดูดกว่าเดิม
เมื่อขึ้นเขามา สิ่งที่ซูชิ่นเห็นก็คือภาพนี้ นางอึ้งงัน สายตาที่มองไปยังบุรุษในสระยิ่งเคลิบเคลิ้มเพ้อฝัน โคมไฟในมือตกกระทบพื้นอย่างไม่รู้ตัว ก่อให้เกิดเปลวไฟสายหนึ่ง
ตงฟางเจ๋อพลันเงยหน้า “ใคร?!”
“หา?” ซูชิ่นพลันได้สติ ใบหน้าแดงก่ำ “หม่อมฉัน หม่อมฉัน หม่อมฉัน…”
สายตาของตงฟางเจ๋อเย็นชา เอ่ยเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ “คุณหนูซู! เจ้าขึ้นเขายามดึกดื่นเช่นนี้เพื่อมาดูข้าอาบน้ำ?”
ถูกเขาถามจนหัวใจเต้นระรัว ซูชิ่นรีบค้อมศีรษะถวายบังคม “ท่าน…ท่านอ๋อง ชิ่นเอ๋อร์ได้ยินว่าท่านอ๋องขึ้นเขามาลำพัง กลัวว่าท่านอ๋องไม่คุ้นทางบนเขา แล้วจะเกิดอันตรายอันใดขึ้น ฉะนั้น…จึงตั้งใจมาดู…”
อันตราย? เขาเพิ่งก้าวเท้าข้างหนึ่งขึ้นเขามา นางก็ก้าวเท้าอีกข้างตามขึ้นมาทันที แม้คนเขลาเบาปัญญายังดูออกว่าสตรีนางนี้คิดการใดอยู่! ตงฟางเจ๋อหรี่ตาเล็กน้อย มองพิจารณาสตรีบ้าผู้ชายตรงหน้า อิริยาบถงามสง่า ประทินโฉมอย่างละเอียดอ่อน ถือว่างดงามอยู่หลายส่วน เพียงเสียดาย ปรารถนาจะแต่งเข้าจวนเจิ้นหนิงอ๋องของเขา ทว่ากลับขาดสติปัญญา หากไม่ใช่เห็นแก่หน้าท่านอัครเสนาบดี เขาไม่คิดแม้แต่จะชายตามองนางด้วยซ้ำ
ตงฟางเจ๋อคลี่ยิ้มเย็นชาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงแช่มช้า “อ้อ?! เช่นนั้นข้าก็ต้องขอบคุณคุณหนูซู?!”
หัวใจดวงน้อยของซูชิ่นเต้นเร็วจนแทบคลั่ง สีหน้าเหนียมอาย ไม่สนใจวาจาเสียดสีของเขา เดิมทียังกังวลว่าเขาจะไล่นางออกไปทันที นึกไม่ถึงว่าเขาจะยอมสนทนากับนางหลายประโยค หัวใจพลันลิงโลดอย่างบอกไม่ถูก รีบก้าวไปข้างหน้ากล่าวว่า “มื้อเย็นวันนี้ท่านอ๋องเสวยอาหารป่าไปเพียงไม่กี่คำ ชิ่นเอ๋อร์…รู้ว่าท่านอ๋องอารมณ์ไม่ดี ฉะนั้นจึงเป็นห่วง…” นางรวบรวมความกล้า เดินไปข้างหน้าอย่างใจกล้า โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ฝ่ามือของซูชิ่นมีเหงื่อไหลซึม ส่วนหนึ่งตื่นเต้น ส่วนหนึ่งคาดหวัง
ตงฟางเจ๋อไม่ได้ตอบ นัยน์ตาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นลึกซึ้ง สายตาจ้องมองเงาร่างที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทั่วร่างร้อนรุ่มจนยากจะทานทน
ตงฟางเจ๋อตกตะลึงกับความคิดเช่นนี้ของตนเอง สีหน้าพลันเปลี่ยน นัยน์ตาที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า พลันมีประกายเย็นเยียบพาดผ่าน
ซูชิ่นตกใจจนร่างกายสั่นเทา ยามนี้จึงเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองเดินมาถึงขอบสระตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ เท้าข้างหนึ่งกระทั่งก้าวลงสระไปแล้ว! นางชะงักไปเล็กน้อย ทว่ากลับขบเม้มกลีบปากอย่างไม่สมัครใจ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “ท่านอ๋อง ชิ่นเอ๋อร์ รู้วิธีนวดผ่อนคลายอยู่บ้าง ชิ่นเอ๋อร์…สามารถช่วยท่านอ๋องให้ผ่อนคลายได้”
ตงฟางเจ๋อขมวดคิ้ว ยังไม่ทันเอ่ยตอบ ซูชิ่นก็สูดหายใจลึกๆ เมื่อเห็นเขาไม่ปฏิเสธ ในใจพลันตื่นเต้น รวบรวมความกล้าค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าใกล้เขา น้ำในสระเคลื่อนกระทบหน้าอกเบาๆ ซูชิ่นใบหน้าร้อนผ่าว ลมหายใจพลันกระชั้นชิด นัยน์ตาเปล่งประกาย สะท้อนแววเสน่หาอย่างปิดไม่มิด
……………………………………………………….

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น! หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง! พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี! แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้ ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้ แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา ‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น! เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset