กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 462 ต้องได้พบกันอีก (ตอนจบแคว้นเปี้ยน) (8)

“ไม่!” สายตาของเขาขรึมลง จ้องหน้าหยางเซียวแล้วกล่าวว่า “ที่นางจากไป เพราะนางไม่ได้อยากแต่งงานกับท่านแต่แรกแล้ว! หัวใจของนาง มีเพียงข้าคนเดียวตั้งแต่แรกแล้ว! แล้วข้าจะปล่อยมือได้เช่นไร?”
ใบหน้าหยางเซียวเย็นชา เขาลุกขึ้นยืนแล้วหัวเราะเย้ยหยัน “ในใจนางมีใครไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือ นางจากไปแล้ว เพราะนางไม่อยากเจอท่าน”
วินาทีที่เขาหมุนกายเดินจากมา นางเรียกเขา หัวใจของเขาปั่นป่วน แต่เขาไม่กล้าหันกลับไป ถ้าหากคนที่อยู่ในใจนางไม่ใช่เขา ถึงแม้รั้งนางไว้ข้างกาย ก็มีแต่จะทุกข์ทนไปอีกครึ่งชีวิตที่เหลือ แล้วจะทำไปเพื่ออะไรกันเล่า? ตามคาด นางบอกให้เขารักษาตัว ภายหน้าแม้นางไม่อยู่ เขาก็ต้องรับปากนางว่าจะมีจิตใจที่เบิกบานอยู่เสมอ ถึงแม้เขาจะเจ็บปวดเพียงใด แต่กลับทำได้เพียงรับปากพร้อมรอยยิ้ม นับตั้งแต่วินาทีที่เขาก้าวเท้าออกจากห้องหนังสือ เขาก็รู้แล้วว่านางจะไม่มีวันเป็นของเขาอีก…
นางจากไปแล้ว จากไปแล้ว…วาจาของหยางเซียวเหมือนกระบี่คม ปักลงตรงกลางหัวใจของตงฟางเจ๋อ เจ็บปวดจนเหมือนจะแหลกสลาย เจ้าสาวที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งตกใจจนแทบยืนไม่อยู่ นางหมอบตัวสั่นอยู่บนพื้น ตงฟางเจ๋อเงยหน้า จ้องหน้าหยางเซียวเขม็ง นอกจากพระราชวังแล้ว เขารู้เส้นทางในเมืองหลวงแคว้นเปี้ยนทุกเส้นทาง หลังจากที่นางกลับมาที่วังก็ไม่ได้ออกจากวังอีกเลย หยางเซียวหาเจ้าสาวตัวปลอม เพราะต้องการถ่วงเวลาอย่างแน่นอน ถ้าหากนางจะไป…ก็มีเพียงที่เดียวเท่านั้น!
ครั้นคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็รีบทะยานร่างมุ่งหน้าไปยังตำหนักจิ้งซิน
หยางเซียวหน้าเปลี่ยนสี รีบตะโกนออกคำสั่ง “จับเขาไว้!”
องครักษ์อวี่หลินเว่ยกรูกันออกไป ตงฟางเจ๋อซัดฝ่ามือใส่คนที่อยู่ข้างหน้า องครักษ์อวี่หลินเว่ยรุมล้อมเข้ามา กำแพงมนุษย์หนาแน่น คล้ายไม่มีที่สิ้นสุด พวกเซิ่งเซียวพุ่งตัวเข้ามา แต่กลับยากที่จะเข้าใกล้ ตงฟางเจ๋อทั้งร้อนใจทั้งปวดใจ พลันนั้นเขาคำรามลั่น เห็นเพียงประกายกระบี่พุ่งวาบ กระบี่ประกายแสงที่อยู่ข้างเอวพุ่งออกจากฝักมาอยู่ในมือ องครักษ์อวี่หลินเว่ยด้านหน้าล้มเป็นแถบเหมือนดั่งไม้แห้งกลางสายลม เขาไม่รั้งรอแม้แต่วินาทีเดียว รวบรวมชี่แท้แล้วพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าทันที
หยางเซียวตกตะลึงจนพูดไม่ออก ด้วยฐานะของเขา จะชักกระบี่ล้ำค่าที่พกติดตัวออกมาจากฝักง่ายๆ ได้เช่นไร? นึกไม่ถึงว่าเพื่อนางแล้ว ตงฟางเจ๋อจะแผ่รังสีสังหารโดยไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น เทพขวางสังหารเทพ พระขวางสังหารพระ
ตงฟางเจ๋อถือดาบพุ่งทะยานไปเบื้องหน้า เพียงไม่นานก็มาถึงตำหนักจิ้งซิน องครักษ์นอกห้องหนังสือยังไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกฝ่ามือซัดจนสลบ ตงฟางเจ๋อยกเท้าถีบประตูห้อง สายตาร้อนรุ่มดั่งเปลวเพลิง กวาดมองทั่วห้อง ค้นพบร่องรอยใหม่ใต้ชั้นวางหนังสือ เขาสะดุดใจ เอื้อมมือค้นหนังสือทีละเล่ม ปรากฏว่าค้นพบปุ่มกลไกลับดังคาด เขาเปิดกลไกตามลำดับ ได้ยินเสียง ‘ครืดคราด’ ดังขึ้น ชั้นวางหนังสือเคลื่อนตัวออกด้านข้าง
เส้นทางลับอันมืดมิดปรากฏเบื้องหน้า ทางเข้าราวกับเพิ่งถูกทุบเมื่อไม่นานมานี้ เศษดินทรายกระจายอยู่เต็มพื้น เห็นได้ชัดว่านางเพิ่งจากไปได้ไม่นาน! ตงฟางเจ๋อไม่รีรอ รีบกระโดดเข้าไปในเส้นทางลับทันที!
“ฝ่าบาท!” พวกเซิ่งฉินฝ่าวงล้อมเหล่าองครักษ์ออกมาได้ในที่สุด พวกเขาตามมาทันที ตงฟางเจ๋อขมวดคิ้วกล่าวว่า “พวกเจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่!”
“ฝ่าบาท! รีบไปเร็วเข้าพ่ะย่ะค่ะ!” หลินเทียนเจิ้งกับอวี๋เชียนจีวิ่งเข้ามา และรีบปิดประตูห้องทันที ร้องบอกด้วยใบหน้าซีดขาว “หยางเซียวนำองครักษ์อวี่หลินเว่ยมาแล้ว รีบไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
ยามนี้ ห้องหนังสือถูกองครักษ์อวี่หลินเว่ยล้อมไว้อย่างแน่นหนาแล้ว หยางเซียวยืนอยู่หน้าห้อง ใบหน้าขึ้งเครียด
“ฝ่าบาท กระหม่อมจะพาคนบุกเข้าไป แม้พวกเขาจะมีปีกก็ยากจะบินหนี!” ปาต๋าถือดาบด้วยท่าทางพร้อมโจมตีทุกเมื่อ
หยางเซียวยกแขนเล็กน้อย ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ต้องรีบ รออีกหน่อย”
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!” ปาต๋าร้อนใจ
หยางเซียวกลับจ้องประตูห้อง แล้วกล่าวกลั้วหัวเราะอย่างเกียจคร้านว่า “เจ้าต้านทานกระบี่ประกายแสงของเขาได้หรือ?”
ปาต๋าตะลึงงัน ส่ายหน้าทันที หยางเซียวยิ้มแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นจะทำอะไรได้เล่า? ข้ากลับอยากรู้นักว่าเขาจะบินได้จริงหรือไม่ อวี่หลินเว่ยจงฟัง ล้อมห้องหนังสือให้แน่นหนา หากไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามเคลื่อนไหวโดยพลการเด็ดขาด!”
“ทำเช่นไรดี?” อวี๋เชียนจีอยู่ใกล้ประตูที่สุด นางได้ยินก็ขวัญผวา อดหันไปมองตงฟางเจ๋อไม่ได้
ตงฟางเจ๋อเหลือบมองประตูแวบหนึ่ง อารมณ์และความคิดนับร้อยนับพันประดังประเดเข้ามา แต่กลับเข้าใจทุกอย่างแล้ว เขาหันกลับไปมองเส้นทางลับอันมืดมิด ก่อนจะกัดฟันกล่าวว่า “พวกเจ้าไปกับข้า!”
เส้นทางลับมืดสลัวคดเคี้ยวมาก ตงฟางเจ๋อวิ่งนำหน้า กลุ่มคนด้านหลังต่างรวบรวมสมาธิ กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันใดขึ้น เส้นทางลับสายนี้สามารถทะลุจากลัทธิธิดาเทพมายังห้องหนังสือของฮ่องเต้ได้โดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้วันข้างหน้าลัทธิธิดาเทพคิดก่อกบฏและเป็นอันตรายต่อพระราชวัง ตอนสร้างเส้นทางลับ จึงได้วางกลไกซับซ้อน หากไม่ระวัง ก็จะต้องตายอยู่ในนี้!
รู้ทั้งรู้จะเป็นเช่นนี้ ตงฟางเจ๋อก็ยังคงควบคุมตนเองไม่ได้ เขาตั้งหน้าตั้งตาวิ่งตามไป ด้วยกลัวว่าหากช้าไปเพียงก้าวเดียว ร่องรอยของนางจะหายไป!
“ฝ่าบาทระวังพ่ะย่ะค่ะ!” ขณะวิ่งไปถึงทางเลี้ยว ทันใดนั้น เข็มเงินสีฟ้าสองเล่มก็พุ่งเข้ามาที่ดวงตาเขา พวกหลินเทียนเจิ้งตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี ตะโกนออกมาด้วยความหวาดผวา ตงฟางเจ๋อหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เขาหยุดวิ่งทันที ยามนี้เข็มเงินสองเล่มนั้นพุ่งมาถึงตรงหน้าเขาแล้ว เขาดีดนิ้ว เข็มเงินอาบยาพิษสองเล่มนั้นพลันส่งเสียง ‘กริ๊ง’ และตกลงบนพื้น
หลินเทียนเจิ้งกล่าวเสียงร้อนใจ “ฝ่าบาท ที่นี่กลไกแน่นหนา ระวังไว้ก่อนดีกว่านะพ่ะย่ะค่ะ! ถึงแม้พระองค์จะร้อนใจ ก็จำต้องรักษาชีวิตไว้ก่อน จึงจะสามารถไล่ตามฮองเฮาได้ทัน!”
ตงฟางเจ๋อสะท้านไปทั้งใจ สูดหายใจลึกๆ “ข้ารู้แล้ว”
ภายในเส้นทางลับเงียบสงัด ราวกับไม่เคยมีผู้ใดเข้ามา ในแต่ละย่างก้าว ตงฟางเจ๋ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้น ฝีเท้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ สายตาก็ร้อนรุ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ความมืดเบื้องหน้าราวกับไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด พาให้หัวใจของเขาราวกับจมดิ่งสู่ก้นเหวอันหนาวเหน็บ
พลันนั้น เส้นทางข้างหน้าที่มองไม่เห็น มีเสียงเล็กๆ ดังมา คล้ายมีคนกำลังเคาะประตูหิน
หัวใจของตงฟางเจ๋อสั่นสะท้าน ซูซู! เป็นนาง! ต้องเป็นนางแน่! หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความดีใจ ราวกับจะกระเด็นออกมาจากทรวงอก ในที่สุดก็อดตะโกนเรียกไม่ได้ “ซูซู!” เขารีบวิ่งผ่านทางเลี้ยวสองจุดในเส้นทางลับ เสียงกลไกถูกเปิดดังมาจากที่ไกลๆ ทำให้หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น
เขาใช้วิชาตัวเบาพุ่งตัวไปข้างหน้าโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น เข็มเงินจำนวนมากที่ถูกซ่อนไว้พุ่งเข้ามา เขารวบรวมชี่แท้ไว้กลางฝ่ามือ แขนเสื้อโบกสะบัด จุดที่ฝ่ามือลมปราณพัดไปถึง เข็มเงินถูกดีดออกไปราวกับสายฝนแน่นหนา และระเบิดกลางอากาศราวกับดอกไม้ไฟ
ระยะทางช่วงนี้ ราวกับยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุด กลิ่นอายของนาง ราวกับเงาลวงตาในเส้นทางลับสายนี้ที่โผล่มาและหายไปอย่างรวดเร็ว ความเดือดดาลและความสิ้นหวังปกคลุมหัวใจเขา เขาเร่งฝีเท้า และซัดฝ่ามือออกไปด้วยความเร็วที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ชี่แท้ที่ถูกขับเคลื่อนทำให้เสื้อผ้าของเขาปลิวว่อนบังเกิดเสียงดังพึ่บพั่บ เขาเหมือนดาวตกดวงหนึ่งที่แหวกฝ่าอยู่กลางดงดอกไม้ไฟ เบื้องหน้ามีประตูหินปรากฏขึ้นมาอีกบาน แต่กลับถูกปิดไว้สนิท ราวกับหญิงงามเพิ่งจะหายเข้าไปด้านหลังไม่นาน ตงฟางเจ๋อรวบรวมกำลังภายใน และซัดฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปอย่างไม่ลังเล!
เสียง ‘บึ้ม’ ดังสนั่นหวั่นไหว ประตูหินถล่มลงทันที!
เศษฝุ่นดินโปรยปรายลงมาดั่งสายฝน ด้านนอกประตูหิน ก็คือตำหนักเซิ่งซิน ตำหนักที่ในอดีตเคยมีคนเข้าออกไม่ขาดสาย ยามนี้กลับเงียบงันไม่เห็นแม้แต่เงาคน ท่ามกลางหมอกหนา เห็นเพียงนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของเขา ที่มืดมนยิ่งกว่าผืนฟ้ายามราตรี หนาวเหน็บยิ่งกว่าน้ำแข็งพันปี
“ฝ่าบาท!” พวกเซิ่งเซียววิ่งตามมา หอบหายใจร้องเรียกเสียงดัง
“เหตุใดจึงไม่มีคน? ไปกันหมดเลยหรือ?” หลินเทียนเจิ้งตกตะลึง
……………………
Related

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น! หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง! พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี! แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้ ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้ แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา ‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น! เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset