กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 115 ชอบเขาเข้าแล้วจริงๆ (1)

ซูหลีรีบถอยห่างหลายก้าว เด็กหนุ่มผู้นี้โกหกได้โดยที่ตาไม่กะพริบแม้แต่น้อย  สีหน้าท่าทางเหมือนน้อยอกน้อยใจจริงๆ ทว่ากลับปกปิดสายตาประหลาดที่พาดผ่านเพียงเสี้ยววินาทีนั้นไว้ไม่มิด เขาลงทุนแสดงละครขนาดนี้ จะไร้จุดประสงค์แอบแฝงได้อย่างไร? นางเหลือบสายตาไปเห็นเงาร่างอันคุ้นเคยสายหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน เงาร่างนั้นสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ธรรมดา นิ่งสงบดั่งสายน้ำ หวั่นซินนั่นเอง
ซูหลีหันกายไปด้านข้าง บดบังการมองเห็นของเด็กหนุ่มชุดแดง ส่งสายตาให้หวั่นซินอย่างแนบเนียน หวั่นซินตระหนักทันที จึงไม่เคลื่อนไหว เพียงซ่อนตัวจับตาดูการเปลี่ยนแปลงอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนเงียบๆ
ชายหนุ่มอายุน้อยหน้าตาหล่อเหลาเช่นนี้แสดงความรักอย่างจริงใจกลางถนน หากไม่แสดงพฤติกรรมคึกคะนองไร้มารยาทเช่นเมื่อครู่ออกมา ก็ถือเป็นสามีในฝันของสตรีนับพันนับหมื่นคน
ซูหลีมองพิจารณาเด็กหนุ่มชุดแดงอย่างละเอียดหนึ่งรอบ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “ความจริงใจของเจ้าทำให้ผู้คนซาบซึ้งจริงๆ แต่ข้าไม่ใช่ภรรยาของเจ้าจริงๆ เจ้า…คงจำคนผิดแล้ว” มือขาวเนียนดั่งหยกของนางกำแขนเสื้อไว้แน่น ดูคล้ายตื่นตระหนกเล็กน้อย น้ำเสียงฟังดูสั่นเครืออย่างชัดเจน
สายตาของเด็กหนุ่มชุดแดงมีประกายแห่งความยินดีพาดผ่าน รีบถลาตัวเข้ามาหา สะบัดชายอาภรณ์ ก่อนจะคุกเข่าข้างเดียว ยกมือทาบหน้าอกข้างซ้าย สารภาพอย่างกระตือรือร้น “ภรรยาข้า เจ้ายอมพูดกับข้าแล้วหรือ ใช่ยกโทษให้ข้าแล้วหรือไม่? วันนั้นเป็นข้าเองที่ทำผิด เจ้าดูสิ นี่คือสิ่งที่เจ้าชื่นชอบที่สุด ข้าพยายามอย่างมากกว่าจะตามหามาได้ ยังไม่ทันได้มอบให้เจ้า เจ้าก็โกรธข้าจนหนีหายไปก่อนแล้ว” เขาพูดพลางลุกขึ้นหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ แล้วยื่นมาตรงหน้าซูหลี
นิ้วมือทั้งห้าค่อยๆ กางออก ประกายแสงสีเขียวมรกตส่องสว่างออกมาตามซอกนิ้ว
“ว้าว ของสิ่งนี้ต้องมีราคาค่างวดแน่ๆ! แม่นางคนนี้ช่างโชคดียิ่ง!” เสียงร้องตื่นตะลึงดังมาจากรอบข้าง
วัตถุที่เป็นแหล่งกำเนิดแสง คืออัญมณีบริสุทธิ์สีฟ้าอมเขียวก้อนหนึ่ง นอนแน่นิ่งอยู่กลางฝ่ามือของเขา ขับเน้นให้ผิวกลางฝ่ามือเขาเหมือนทะเลสาบสีเขียวมรกต ราวกับมีเวทมนต์ดึงดูดใจผู้คน
ซูหลีสะท้านไปทั้งใจ อัญมณีก้อนนี้ เหตุใดจึงดูคุ้นตายิ่งนัก?
“เจ้าดูดีๆ สิ ใช่สิ่งที่เจ้าโวยวายอยากได้มานานหรือไม่?” เสียงกระซิบเบาๆ ของเด็กหนุ่มชุดแดงพลันดังขึ้นข้างหูนาง
นางหมายจะเลื่อนสายตาออกไป แต่กลับพบว่าถูกประกายสีเขียวมรกตนั้นสะกดจิต ไม่อาจละสายตาออกไปได้แม้แต่น้อย ของสิ่งนี้…มีบางอย่างไม่ปกติ!
นางสะดุ้ง สองมือกำหมัดแน่น เล็บมือยาวจิกลึกเข้าไปในผิวหนังกลางฝ่ามืออันเนียนนุ่ม ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้นางได้สติกลับคืนมามากกว่าครึ่ง
“เป็นอะไรไป? เจ้ามิใช่ชอบมานานแล้วหรือ?” เสียงแผ่วเบาชวนหลงใหลของเด็กหนุ่มชุดแดงยังคงดังสะกดจิตนางต่อไป “อัญมณีงดงามขนาดนี้ ยามนี้อยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว เหตุใด…ยังไม่มองดูให้ถี่ถ้วนอีกเล่า?” เห็นซูหลีไม่ขยับตัว จึงยื่นมือไปรั้งตัวนาง และชูอัญมณีก้อนนั้นขึ้นตรงหน้านาง
มีความเป็นไปได้แปดถึงเก้าส่วนที่เด็กหนุ่มชุดแดงผู้นี้จะเป็นพวกเดียวกับฮูเอ่อร์ตู ครั้งที่แล้วใช้ไม้แข็งไม่สำเร็จ มาครั้งนี้เลยเปลี่ยนวิธีเพื่อพาตัวนางไป? ซูหลีรีบคิดหาหนทาง พลันนั้นสายตานางเลื่อนออกไปเล็กน้อย เอ่ยตอบเสียงเนิบนาบ “งดงามยิ่ง ข้าชอบมาก…”
“หึๆ ภรรยาข้าชอบ ข้าก็ดีใจ…เช่นนั้นพวกเรา กลับไปดูที่บ้านต่อเถิด?”
“ดี…”
รอยยิ้มย่ามใจพาดผ่านกลีบปากเด็กหนุ่มชุดแดง เขาจูงมือซูหลีอย่างระมัดระวัง พานางเดินไปนอกถนนช้าๆ โดยชูอัญมณีก้อนนั้นขึ้นตรงหน้านางเป็นระยะ
ซูหลีเดินตามเขาไปอย่างว่าง่ายตลอดทาง เด็กหนุ่มชุดแดงพึงพอใจต่อการให้ความร่วมมือของนางอย่างยิ่ง เขาเดินช้ามาก คล้ายกลัวว่าจะทำให้นางตกใจ ขณะเดินยังถามคำถามไปด้วย “ภรรยาข้า พวกเราห่างกันนานขนาดนี้ ท่านแม่ยายสบายดีหรือไม่?”
ซูหลียังไม่ทันตอบคำถามนั้น ก็ได้ยินเสียงทุ้มรื่นหูเสียงหนึ่งดังมาจากเบื้องหลังพวกเขา “ที่แท้ องค์ชายสี่หยางเซียวแห่งแคว้นเปี้ยนผู้เข้าร่วมพิธีท่านหญิงคัดเลือกพระสวามี…มีภรรยาแล้วหรือ?”
รอยยิ้มเบิกบานที่เกลื่อนใบหน้าเด็กหนุ่มชุดแดงพลันค้างเติ่ง สายตาพลันฉายประกายคมปลาบ รีบเก็บอัญมณีก้อนนั้นทันที
ซูหลีสะท้านไปทั้งใจ เด็กหนุ่มผู้นี้ก็คือองค์ชายสี่แห่งแคว้นเปี้ยนที่จะมาเข้าร่วมการคัดเลือกอย่างนั้นหรือ?! ส่วนเจ้าของเสียงทุ้มรื่นหูอันเป็นเสียงที่นางคุ้นเคยดีกว่าเสียงใดก็คือ คนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่นางประสบเหตุไม่คาดฝันก็มักบังเอิญพบเขาเสมอ
องค์ชายสี่หยางเซียวค่อยๆ หมุนกายหันไปมองดูผู้มา ก่อนจะขานชื่อด้วยรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้า “เอ๋ เจิ้นหนิงอ๋อง บังเอิญแท้ ท่านเองก็มาแสวงหาความบันเทิงที่หอนางโลมหรือ?”
แค่นเสียง ‘หึ’ อย่างเย็นชา สะท้อนแววดูถูกหลายส่วน
กลางถนนใหญ่ห่างออกไปหลายก้าว ตงฟางเจ๋อนั่งอยู่บนหลังม้าอย่างองอาจผึ่งผาย สายตาคมกล้าจ้องมองพวกเขาไม่กะพริบ กลีบปากฉาบไว้ด้วยรอยยิ้ม ทว่ากลับทำให้ผู้พบเห็นเสียวสันหลังวาบ
“ท่านหญิงหมิงซีกลายเป็นภรรยาขององค์ชายสี่เมื่อใด เหตุใดข้าไม่เคยรู้?” เขาไม่ตอบกลับย้อนถามเสียงเกียจคร้าน มองหยางเซียวจากที่สูง ไม่มีท่าทีจะลงจากม้า
หยางเซียวพลันยิ้มเจ้าเล่ห์ ท่าทีคล้ายเด็กหนุ่มเสเพล คลี่ยิ้มกล่าวว่า “เรื่องนี้น่ะหรือ…ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่ใช่ อีกไม่นานก็ใช่! ตัวข้าหล่อเหลาถึงเพียงนี้ แม้แต่ท่านหญิงก็ยังรักข้าตั้งแต่แรกพบ! ทำไมเล่า? เจิ้นหนิงอ๋องริษยาเช่นนั้นหรือ? ดูจากท่าทางท่าน หรือคิดจะแย่งชิงกับข้า!”
“เหอะ! ท่านหญิงจะเลือกผู้ใดย่อมเป็นสิทธิ์ของนาง แต่หากมีใครขัดประสงค์นางด้วยการใช้วิธีสกปรก…ข้าไม่ยุ่งไม่ได้!” ยังเอ่ยไม่ทันจบประโยค เงาร่างของตงฟางเจ๋อก็โฉบไหว ลอยตัวเหนือหลังม้าพุ่งตรงมายังหยางเซียว
“โอ้ๆๆ ดุดันยิ่งนัก! ทำไม! จะสู้กันหรือ?” หยางเซียวเห็นท่าไม่ดี รีบปล่อยมือซูหลีทันที ก่อนจะลอยตัวขึ้นไปยืนเหนือชายคาบ้านหลังหนึ่งอย่างคล่องแคล่วราวหมอกควันสีแดง เขายืนบนสันหลังคาสูงๆ แล้วหันกลับมาหัวเราะ “ล้อเล่นนิดหน่อยก็ไม่ได้ ช่างน่าเบื่อเสียจริง! เจิ้นหนิงอ๋อง ท่านเข้ามาแทรกแซงความสัมพันธ์ดีๆ ระหว่างข้ากับท่านหญิง ข้าจะคิดบัญชีกับท่านในวันหน้า!” เอ่ยจบ เงาคนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เห็นชัดว่าเป็นยอดฝีมือวิชาตัวเบาคนหนึ่งเช่นกัน
ตงฟางเจ๋อแค่นหัวเราะเย็นชา กลับไม่คิดไล่ตามไป เพียงรั้งมือซูหลีเอาไว้แน่น เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดซูหลีที่มีนิสัยระแวดระวังอยู่ตลอดเวลาจึงสนิทสนมกับหยางเซียวที่เพิ่งเคยพบกันครั้งแรกถึงเพียงนั้น ไม่นานเขาก็ค้นพบว่าท่าทางของซูหลีผิดปรกติ สีหน้านางดูเหม่อลอย คล้ายถูกอะไรบางอย่างสะกดจิต
“ซูซู? ซูซู?” เขาตบหน้านางพร้อมกับเรียกชื่อเบาๆ
ซูหลีร้อง ‘อ๊ะ’ ราวกับเพิ่งได้สติ นางกะพริบตามองหน้าตงฟางเจ๋อแล้วถามอย่างสงสัย “ท่านอ๋อง? ท่าน หม่อมฉันมาอยู่ที่ได้อย่างไรเพคะ?”
“เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง? มีตรงไหนไม่สบายหรือไม่?” ตงฟางเจ๋อถามอย่างเป็นห่วง
ซูหลีนวดคลึงขมับเบาๆ ขมวดคิ้วกล่าวว่า “เมื่อครู่รู้สึกสะลึมสะลือเล็กน้อย ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วเพคะ” เอ่ยจบก็มองหารอบกาย “…เด็กหนุ่มจอมเสเพลผู้นั้นเล่าเพคะ?”
“เขาหรือ? หยางเซียวองค์ชายสี่แห่งแคว้นเปี้ยนที่มาเข้าร่วมการคัดเลือกพระสวามี เหตุใดจึงกลายเป็นเด็กหนุ่มเสเพลไปได้? หลายวันก่อนที่ขบวนเขามาถึง ข้ายังไปต้อนรับด้วยตนเอง องค์ชายสี่แห่งแคว้นเปี้ยนผู้นี้อายุยังน้อย พฤติกรรมและวาจาคึกคะนอง ภายนอกเหลาะแหละ ความคิดกลับยากคาดเดา มิใช่คนธรรมดาแน่นอน กลัวเพียงว่าเรื่องในวันนี้เขาจะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง” ตงฟางเจ๋อครุ่นคิด ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าว “ครั้งที่แล้วเป็นฮูเอ่อร์ตู ครั้งนี้เป็นหยางเซียว ทั้งแผนลับแผนแจ้งแคว้นเปี้ยนล้วนใช้หมดแล้ว กลัวแต่ว่าพิธีเลือกพระสวามีจะเป็นแค่ข้ออ้าง พวกเขาอาจมีเป้าหมายอื่นแอบแฝง ซูซูยามออกจากจวนต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิม”
……………………………………………………….

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น! หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง! พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี! แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้ ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้ แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา ‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น! เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset