กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ – ตอนที่ 147 แหวนหยกขาวอันลึกลับ (1)

สตรีนางนั้นอ้าปาก ไอจางๆ กลุ่มหนึ่งเป่ากระทบหน้าซูหลีโดยตรง ซูหลีตะลึงงัน เสี้ยววินาทีที่สตรีนางนั้นอ้าปาก ซูหลีได้กลิ่นหอมจางๆ จึงรีบกลั้นลมหายใจ สีหน้านางพลันค้างเติ่ง ดวงตาทั้งสองข้างค่อยๆ ปิดลง ก่อนจะล้มลงไป
ท่ามกลางท้องฟ้าสีครามสดใส พลันมีเสียงร้องแหลมใสของนกดังขึ้น ผ่านไปไม่นาน สหายของมันก็ส่งเสียงตอบรับ ดังสะท้อนอยู่ในอากาศ
“ใต้เท้า!” เสียงร้องตกใจดังก้อง ซูหลีรู้สึกเพียงร่างกายเบาหวิวราวกับถูกคนอุ้ม พริบตาเดียวเสียงต่อสู้กันอย่างดุเดือดก็ถูกทิ้งห่างไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็ว
‘แอ๊ด’ ประตูถูกเปิดออก
ซูหลีถูกคนลากเข้าไปในห้องลับอันมืดมิดและเงียบงัน แล้วประตูก็ถูกปิดลงอีกครั้ง นางรออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อไม่ได้ยินเสียงใด จึงค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ อย่างระมัดระวัง แล้วกวาดตาพิจารณารอบข้าง ห้องลับนี้ตั้งแต่เพดาน กำแพง จนถึงพื้นล้วนถูกทำขึ้นจากเหล็กกล้าทั้งสิ้น มองไม่เห็นช่องว่างแม้แต่น้อย มีเพียงรูระบายอากาศที่อยู่ด้านบนกำแพงข้างประตูเท่านั้น บนโต๊ะทรมานที่อยู่ด้านขวามีเครื่องมือทรมานหลากหลายรูปแบบวางเรียงรายไว้ เห็นชัดว่าที่นี่เป็นห้องทรมานที่มิดชิดแห่งหนึ่ง
เป็นผู้ใดกันแน่ ถึงขั้นกล้าเสี่ยงโทษตายจับตัวท่านหญิงผู้เป็นขุนนางหญิงขั้นหนึ่งเช่นนี้? ม่านตานางหดตัว เมื่อครู่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว นางเองก็ทำได้เพียงตัดสินใจในวินาทีที่ได้กลิ่นหอมจางๆ นั้น ว่าจะปล่อยให้พวกเขาจับตัวมา เพราะอยากดูให้แน่ชัดว่าผู้บงการมีจุดประสงค์ใดกันแน่ ถึงกล้าปลอมตัวเป็นหรงซีจินไปหลอกล่อนางให้ติดกับเช่นนั้น!
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด เสียงฝีเท้าระลอกหนึ่งพลันดังมาจากนอกประตู ซูหลีรีบหลับตาลง ได้ยินเพียงเสียงเปิดประตูดังขึ้น คนผู้หนึ่งชะโงกหน้าเข้ามาดู แล้วกล่าวว่า “นางยังไม่ฟื้นจากฤทธิ์ยาเลย”
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นทันที “หาวิธีทำให้นางฟื้น!”
ผ่านไปไม่นาน เสียง ‘ซ่า’ ก็ดังขึ้น น้ำเย็นถังหนึ่งถูกสาดใส่หน้าซูหลี นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว คนผู้หนึ่งตบหน้านางหลายครั้งพร้อมกับส่งเสียงเรียก “ตื่นเดี๋ยวนี้ ตื่นเร็วเข้า!” คนผู้นั้นออกแรงไม่น้อย นางถูกตบแก้มจนรู้สึกเจ็บ ในที่สุดก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ในห้องลับมีเงาร่างเพิ่มขึ้นมาสองสาย สองคนนั้นต่างก็สวมชุดสีดำ น่าจะเป็นคนที่จับตัวนางมาเมื่อครู่
ซูหลียังไม่ทันเปิดปาก ก็ได้ยินเสียงคนดังมาจากนอกประตู “นายท่าน!”
ประตูเปิดออก บุรุษชุดดำสวมหน้ากากผู้หนึ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว สองคนที่อยู่ในห้องเมื่อเห็นผู้มา ก็ขานเรียกว่านายท่านเช่นกัน พวกเขารีบลุกไปยืนด้านหนึ่ง บุรุษชุดดำสวมหน้ากากก้มหน้ามองซูหลีที่นอนงอตัวอยู่บนพื้นถูกมัดทั้งแขนและขา นอนหลับตาอยู่ท่ามกลางกองน้ำ ร่างกายของนางเปียกชุ่มไปครึ่งท่อน พวงแก้มเนียนขาวยังมีรอยนิ้วมือสีแดงจางๆ หลายเส้นปรากฏให้เห็น
ไอสังหารในดวงตาเขาพลันพาดผ่าน พลิกฝ่ามือตวัดใส่ใบหน้าคนที่ยืนอยู่ด้านข้างเสียงดัง ‘เพียะ’ ฝ่ามือนั้นรุนแรงจนศีรษะของคนผู้นั้นหันไปอีกทาง คนที่อยู่ทั้งในและนอกประตูรีบพากันคุกเข่า ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
ได้ยินเพียงคนที่อยู่ด้านหลังเขารีบตะโกนสั่ง “ยังไม่รีบไสหัวไปรับโทษอีก!”
“ขอรับ!” คนผู้นั้นรีบลุกขึ้น และออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ซูหลีพลันสะท้านใจ คนพวกนี้แม้ทำงานหยาบๆ แต่คล้ายไม่มีเจตนาทำร้ายนาง นางอดไม่ได้ที่จะพิจารณาบุรุษชุดดำสวมหน้ากากอย่างละเอียด เขาค่อนข้างสูง รวบผมไว้ด้านหลัง ใบหน้าถูกซ่อนไว้ภายใต้หน้ากากจนมิด เห็นเพียงดวงตาคู่นั้นที่เย่อหยิ่งทะนงตน แฝงแววคมปลาบเล็กน้อย แต่กลับคาดเดาอารมณ์ไม่ถูก
เขาค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ เสียงฝีเท้าเบามาก ซูหลีตึงเครียดทันที คนผู้นี้วรยุทธ์ไม่ธรรมดา
บุรุษชุดดำสวมหน้ากากยืนจ้องมองลงมา จ้องนางเขม็งไม่ละสายตา ไร้ซึ่งวาจาใด
ซูหลีแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย สบตาเขากลับอย่างไม่เกรงกลัว
ทั้งสองจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครยอมถอยก่อน
ผ่านไปครู่หนึ่ง บุรุษชุดดำสวมหน้ากากแค่นหัวเราะไร้เสียง ก่อนเดินไปยืนด้านหนึ่ง คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขารีบเดินมาตรงหน้าซูหลีอย่างรู้หน้าที่ เขาสวมชุดคลุมสีเทา คิ้วเข้มดวงตากลม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากคมชัด ไว้หนวดสั้นๆ เหนือริมฝีปากด้านบน อายุประมาณสามสิบ บุคลิกแข็งกระด้าง เขากล่าวชม “ท่านหญิงแม้ตกอยู่ในอันตรายก็ยังไม่มีท่าทีหวั่นเกรงแม้แต่น้อย ช่างเป็นสตรีที่หายากจริงๆ มิน่าเล่าฮ่องเต้แห่งแคว้นเฉิงจึงได้โปรดปรานท่านยิ่งนัก”
ซูหลีกระดกคิ้ว ตอบอย่างไม่ลนลาน “ที่แท้ท่านก็รู้ฐานะของข้า เช่นนั้นท่านก็คงรู้ดี ว่ากฎหมายแคว้นเฉิง จับตัวขุนนางของราชสำนักมีโทษตัดหัว?” ถึงแม้นางตอบคำถามของคนชุดเทา แต่สายตากลับจดจ้องไปยังบุรุษชุดดำสวมหน้ากากตลอดเวลา
คนชุดเทาหัวเราะ ไม่ตอบกลับย้อนถาม “ดูท่าแล้ว…ท่านหญิงคงไม่กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของตนเองในยามนี้เลยแม้แต่น้อย?”
ซูหลียิ้มบาง ตอบว่า “ท่านวางแผนรอบคอบ แล้วยังเสี่ยงโทษตายจับตัวข้ามา มีหรือจะสังหารข้าง่ายๆ? หากยังไม่ได้คำตอบที่พวกท่านต้องการ ข้าก็ยังปลอดภัยหายห่วง”
บุรุษชุดดำสวมหน้ากากสายตาไหวระริก สายตาที่มองนางสะท้อนแววสนใจ
คนชุดเทาหัวเราะ แล้วกล่าวว่า “ท่านหญิงหมิงซีเผชิญหน้ากับอันตรายก็ยังไม่หวาดกลัว ไม่แพ้บุรุษเพศ ข้าน้อยชื่นชมยิ่งนัก พวกข้ามีเรื่องอยากขอคำชี้แนะจากท่านหญิงสักเรื่อง จึงจำต้องใช้วิธีเช่นนี้ หวังว่าท่านหญิงจะให้อภัย”
“ไม่ต้องพูดมาก ท่านต้องการอะไรกันแน่?” ซูหลีเหล่มองเขาอย่างเย็นชา กล่าวถามเสียงเข้ม
บุรุษชุดดำสวมหน้ากากนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วโบกมือเบาๆ คนชุดเทาพลันก้าวเท้าเข้ามาหนึ่งก้าว ล้วงภาพวาดแผ่นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ และกางออก “แหวนวงนี้ อยู่ที่ใด?” เสียงของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน
ซูหลีสะท้านไปทั้งใจ ทว่ากลับควบคุมตนเองไม่ให้แสดงสีหน้าใดออกไป ภาพวาดนั้นคือภาพแหวนหยกขาวคู่หนึ่งซึ่ง สลักลวดลายงดงาม ด้านในแหวนสลักลายดอกไม้ลึกลับไว้อย่างละเอียดประณีต เป็นสิ่งของสำคัญที่เสด็จแม่มอบให้นางสวมติดตัวไว้เสมอ ต่อมาถูกตงฟางเจ๋อแย่งแหวนหยกขาววงนั้นไป เพียงแต่เพราะเหตุใด นางมีแหวนเพียงวงเดียว แต่ในภาพนี้กลับมีสองวง?
บุรุษชุดดำสวมหน้ากากยังคงไม่เปล่งเสียงใด สายตากลับจดจ้องสังเกตสีหน้าของนางไม่วางตา
อีกฝ่ายลงทุนทำขนาดนี้ เพื่อถามว่าแหวนวงนี้อยู่ที่ใดอย่างนั้นหรือ? ซูหลีบังเกิดความสงสัย เรื่องความเป็นมาของแหวน หรงซีจินไม่เคยเล่าให้นางฟัง ทุกครั้งที่หลีซูถาม นางมักบ่ายเบี่ยงที่จะตอบเสมอ ราวกับมีความลับมากมายซ่อนอยู่ หลีซูจึงไม่รู้เบาะแสเกี่ยวกับแหวนมากนัก
แหวนวงนี้เป็นของดูต่างหน้าที่มีค่าที่สุดที่เสด็จแม่ทิ้งไว้ให้นาง ถึงแม้นางจะรู้เบาะแสอะไร ก็ไม่มีทางบอกเขาแน่นอน
ซูหลีจ้องมองอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวเสียงเรียบ “เป็นแหวนที่งดงามมาก”
บุรุษชุดดำสวมหน้ากากท่าทีเคร่งขรึม พลันหัวเราะเสียงเย็นชา
คนชุดเทาสีหน้าสะดุด รีบถามต่อทันที “ท่านหญิงเป็นคนฉลาด เหตุใดต้องแกล้งโง่? แหวนวงนี้อยู่ที่ใดกันแน่?”
“ไม่ใช่ของของข้า แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าอยู่ที่ใด?” ซูหลีถลึงตามองเขาอย่างดูแคลน
คนชุดเทาร้อนใจ หมายจะเค้นถามต่อ บุรุษชุดดำสวมหน้ากากพลันยกมือห้ามเขา คนชุดเทาจึงทำได้เพียงถอยหลังไปหนึ่งก้าว สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นลนลาน
บุรุษชุดดำสวมหน้ากากค่อยๆ ก้าวมาข้างหน้า ย่อกายลง แล้วยื่นมือไปบีบคางซูหลี สายตาเย็นเยียบกวาดมองใบหน้านาง ทว่ากลับไม่เอ่ยปาก ภายใต้หน้ากาก กลิ่นอายอ่อนเยาว์ของชายหนุ่มลอยโชยมาสัมผัสใบหน้านาง การกระทำเช่นนี้ดูคลุมเครืออย่างเลี่ยงไม่ได้ ถ้าหากไม่มีสิ่งกีดขวาง เกรงว่าเขาคงจุมพิตลงบนหน้านางแล้ว
นางไม่ชอบความรู้สึกเช่นนี้ที่สุด
ซูหลีสายตาเย็นชา สะบัดหน้าออกจากฝ่ามือเขาอย่างแรง ชั่วขณะหนึ่ง กลับลืมไปว่าข้างหลังเป็นกำแพงที่ทำขึ้นจากเหล็กกล้าเป็นพิเศษ บุรุษชุดดำสวมหน้ากากสายตาชะงักงัน รีบยื่นฝ่ามือออกมาอย่างรวดเร็ว รองต้นคอนางเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี ได้ยินเพียงเสียงกระแทกดังก้อง ศีรษะของซูหลีกระแทกลงกลางฝ่ามือของเขา ไม่รู้สึกเจ็บ เพียงรู้สึกแปลกๆ
…………………………………………………..

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค ดราม่าเผ็ดร้อน กับนางเอกผู้ใช้ความงามแก้แค้นจนสะเทือนเลือนลั่น! หลีซู โฉมสะคราญอันดับหนึ่งในนครหลวงแห่งแคว้นเฉิง กลายเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวทั้งแผ่นดิน เมื่อได้รับพระราชทานอนุญาตให้แต่งงานกับจิ้นอันอ๋อง โอรสฮองเฮา ผู้มีรูปโฉมงดงาม ทว่า วันแต่งงานที่ควรจะชื่นมื่นกลับเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อนางเป็นลมหมดสติในวันแต่งงาน หมอหลวงทั้งแปดคนวินิจฉัยตรงกันว่า ตรวจเจอชีพจรตั้งครรภ์ในกายนาง! พริบตาเดียวนางก็ถูกทอดทิ้ง ซ้ำยังถูกลอบสังหารอย่างลึกลับ ทุกอย่างดูเหมือนแผนการที่ถูกจัดฉากมาอย่างดี! แต่แล้วนางกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและมีชีวิตอีกครั้งในร่างของซูหลี บุตรีภรรยารองแห่งจวนอัครเสนาบดี ทว่า ด้วยปานสีแดงบนแก้มซ้าย ทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นตัวซวย ทั้งยังฐานะในจวนตกต่ำ หากหลีซูต้องการลบล้างมลทินให้ตนเองและแก้แค้นเขาคนนั้น นางจำต้องยืมร่างของซูหลีคนนี้เพื่อหาหนทางสืบคดีการตายของตนเอง แต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ นางจะต้องหาทางยกระดับฐานะของซูหลีในจวนอัครเสนาบดีแห่งนี้ให้ได้ ด้วยดวงหน้างามล่มเมืองที่เหมือนแต่ก่อนทุกประการเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งราชสำนักนี้ แม้นอ๋องจากสามแคว้นจะมอบใจให้นางอย่างลึกซึ้ง นางก็เพียงแค่นยิ้มเย็นชา ‘หากผู้ใดดูหมิ่นข้า ข้าก็จะดูหมิ่นผู้นั้น หากผู้ใดทำลายข้า ข้าก็จะทำลายผู้นั้น! เพราะข้าจะไม่มีวันเชื่อใจบุรุษคนใดในโลกนี้อีก!’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset