กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 286 กลยุทธ์โหดเหี้ยม

ในโลกนี้ไม่มีใครที่สามารถซ่อนทหารม้าห้าหมื่นตัวได้อย่างไร้ร่องรอย สำหรับผู้อารักขาลับที่รู้ข้อมูลและเชี่ยวชาญด้านการสะกดรอยแล้ว การตามหาคนไม่ใช่เรื่องยากนัก เพียงแต่การเดินป่าท่ามกลางแสงแดดแผดจ้านี้เป็นภารกิจเหนื่อยยากอย่างแท้จริง

หลังจากใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยามก็พบตำแหน่งของกองทัพ เมื่อช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของช่วงบ่ายได้ผ่านพ้นไปแล้ว กองทัพก็เริ่มออกเดินทาง

สงครามของเหอตงไม่อาจยืดเยื้อต่อไปได้ ทหารม้าห้าหมื่นนายมีเหตุผลใดที่จะรอคนเพียงหนึ่งคนเล่า? ซ่งชูอีคิดดูอีกทีแล้วบาดแผลของตนกำลังจะหายดี หากรีบตามไปนางก็ต้องทุกข์ทรมาน ไม่ก็ดึงให้กองทัพล่าช้า จึงให้กู่หานส่งสารไปว่าให้กองทัพออกเดินทางก่อน

ซ่งชูอีตามอยู่ด้านหลัง รอการมาถึงของขบวนรถคุ้มกันเสบียงและพัสดุทางทหาร

การทำสงครามโดยทั่วไป เสบียงจะออกเดินทางก่อนกองทัพ ทว่าครั้งนี้สถานการณ์เร่งด่วน ป้อมปราการหลีสือมีกองทัพรักษาการณ์ยาวนาน อุดมไปด้วยเสบียง ด้วยเหตุนี้เสบียงที่เดินทางไปก่อนก็พอเพียงสำหรับทหารที่เดินทัพ อย่างไรก็ดีเสบียงอาหารในเหอซีมีทหารม้าอีกห้าหมื่นกันมาแบ่งปันกะทันหัน ระยะเวลาสั้นๆ ยังไม่เท่าไร หากสงครามครั้งใหญ่ปะทุขึ้น สงครามครั้งหนึ่งอาจกินเวลาสามถึงห้าเดือนหรือแม้กระทั่งหนึ่งปีครึ่ง เช่นนี้ก็จะยิ่งลำบากแล้ว ฉะนั้นเสบียงและพัสดุทางทหารเหล่านี้จึงจัดหาไว้เพื่อให้กองทัพเหอซีใช้ในยามฉุกเฉิน

การเร่งเดินทัพนั้นลำบากกว่าการเดินทางยาวนานทั่วไปมาก มีเวลาพักผ่อนเพียงหนึ่งชั่วยามในช่วงที่ร้อนที่สุดของตอนเที่ยงเท่านั้น ช่วงเวลาที่เหลือก็ต้องเร่งเดินทาง การนั่งอยู่ในรถม้าช่วงแรกแน่นอนว่าประหยัดพลังงานกว่าการเดินเท้า ทว่าครั้นนั่งติดต่อกันสิบกว่าวันที่จริงก็ไม่ต่างจากการเดินเท้าเท่าไร โชคดีที่ในที่สุดบาดแผลของซ่งชูอีไม่มีอาการอีกต่อไปแล้ว

หลายวันนี้ซ่งชูอีไม่มีเวลาแม้แต่จะพักผ่อนด้วยซ้ำ ผู้อารักขาลับก็ถูกนางชี้นิ้วจนไม่มีเวลาว่าง…ทั้งสืบข่าวแม่ทัพเจ้า สืบข่าวซวีเฉิงที่อี้ฉวียึดครองและอื่นๆ

หลังจากสืบข่าวแล้วจึงพบว่า ที่แท้ผู้นำกองทัพเจ้าคราวนี้คือคนคุ้นเคย ก็คือกงซุนกู่ที่นางเจอตอนที่กลับมาเกิดช่วงแรกๆ

ซ่งชูอีรู้สึกหวั่นไหว จากนั้นก็เริ่มวางแผนกลยุทธ์รับมือสงคราม

นางมิได้หยุดพักตลอดทาง

จนกระทั่งมาถึงเหอซี แสงยามเช้าทอแสงรำไร เสียงน้ำไหลจ้อกๆ ดังขึ้นข้างหู

ซ่งชูอีลากร่างกายที่บาดเจ็บลงมาจากรถม้า เมื่อมองไกลออกไปก็เห็นภูเขากว้างใหญ่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีส้มทอง วิจิตรงดงามราวกับผ้าไหมอวิ๋นจิ่นที่ทอดยาวไปทางทิศเหนือใต้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด และมาบรรจบกับท้องฟ้าในที่สุด แม่น้ำใหญ่ดูเหมือนไหลลงมาจากท้องฟ้าพร้อมเสียงของน้ำอันทรงพลังที่ตกระทบสองฝั่งที่สูงชัน จากนั้นก็ไหลลงไปยังทิศใต้ในโลกอันกว้างใหญ่นี้อย่างน่าเกรงขาม

กลุ่มแสงสีทองโผล่ขึ้นมาทางตะวันออกกะทันหันและส่องแสงสว่างทันใด ซ่งชูอีหรี่ตามองไปก็เห็นกลุ่มแสงอาทิตย์สีแดงนั้นราวกับผุดขึ้นมาจากกลางแม่น้ำใหญ่ ทันใดนั้นแสงอันอ่อนโยนก็กลายเป็นแสงสว่างจ้า ทะลุชั้นเมฆพร้อมระเบิดลำแสงสีทองนับพันออกมา ส่องสว่างที่ราบเหอซีอันเขียวชอุ่ม ทอประกายสะท้อนบนผิวน้ำอย่างงดงาม

กลิ่นหญ้าจางๆ เจือปนอยู่ในลมแม่น้ำเย็นสบาย พัดเอาความหดหู่ภายในใจของซ่งชูอีหลายวันนี้ออกไป นางรู้สึกสบายตัวขึ้นมากภายในพริบตา

“แม่ทัพกองทัพรักษาการณ์จื่อถิงคำนับกั๋วเว่ย!” เสียงหนึ่งดังก้องชัดเจน มันมีพลังดึงดูดราวกับสายน้ำขนาดยักษ์ที่กำลังบดขยี้

ซ่งชูอีหันกลับมาก็เห็นนายทหารรูปร่างกำยำคนหนึ่งในชุดเกราะสีดำ แสงยามเช้าที่เจิดจ้ากะทันหันส่องอยู่บนตัวของเขา ทำให้หน้าตาที่แข็งแกร่งนั้นอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย และทำให้เขาดูตื่นตายิ่งในพริบตา

จื่อถิงอายุประมาณสามสิบห้าปี เป็นชาวหล่งซีตามมาตรฐาน ร่างกายกำยำแข็งแรงนั้นสมส่วน ผิวสีดำแดงหยาบกร้านเล็กน้อย หนวดเคราตัดสั้นและเห็นได้อย่างชัดเจน ใบหน้ามีมิติล้ำลึก ลายเส้นบนใบหน้าแข็งแกร่ง โดยเฉพาะดวงตาที่ชัดเจนคู่นั้น แววตาที่คมกริบเจือปนแรงอาฆาตที่ซ่อนไว้ไม่มิด

“ไม่ต้องมากพิธี” ซ่งชูอีเอ่ย

“ได้ยินมานานว่ากั๋วเว่ยอายุน้อยมากความสามารถ วันนี้ได้พบช่างสมคำร่ำลือจริงๆ!” ใบหน้าแข็งทื่อของจื่อถิงอ่อนโยนขึ้นเพราะรอยยิ้มที่สดใส

จื่อถิงมีลำดับเทียบเท่าเจ้าอี่โหลว เป็นแม่ทัพของกองทัพที่รักษาการณ์อยู่ในเหอตงหลีสือและเหอซี เดิมทีซ่งชูอีกังวลว่าเขาจะไม่พอใจเพราะการเปลี่ยนตัวแม่ทัพกะทันหันก่อนสงคราม แต่เมื่อได้เห็นวาจาและท่าทางที่เปิดเผยของเขาเช่นนี้ก็อดที่จะวางใจไม่ได้ ยิ้มเอ่ยว่า “ท่านแม่ทัพไม่ต้องมากพิธี ครั้งนี้ข้ามาตามคำสั่ง เป็นการยุ่งมากเรื่อง ท่านแม่ทัพอย่าได้ถือสาเป็นพอ”

ข่าวที่ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ชนิดร่วมเป็นร่วมตายแพร่สะพัดอยู่ในกองทัพ ซ่งชูอีเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้าอี่โหลวย่อมเป็นเรื่องปกติ  แม้ว่าจื่อถิงจะอยู่ที่ชายแดนทว่าข่าวสาวก็มิได้ถูกปิดกั้น จึงเอ่ยว่า “กั๋วเว่ยพูดอะไรกัน จื่อถิงเป็นเพียงนายทหารธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น แต่ก็รู้ว่าคำสั่งทางทหารนั้นสูงส่ง ไม่ว่าจะอย่างไรตราบใดที่ต้าฉินของข้าไม่ประสบกับความพ่ายแพ้ จื่อถิงไม่มีวันคัดค้านเป็นอันขาด”

คำพูดนี้ ไม่พูดเรื่องส่วนตัว คุยเพียงเรื่องงาน คล้ายอ่อนโยนทว่าแข็งกระด้าง

“ท่านแม่ทัพจื่อถิงเข้าใจสถานการณ์โดยรวมอย่างแท้จริง” ซ่งชูอีพยักหน้า นางไม่ใคร่เข้าใจจื่อถิงนัก ทว่าก็สามารถดูออกว่าคนเช่นเขานี้มีความมุ่งมั่นเป็นที่สุด หากตัดสินใจเรื่องใดแล้วจะไม่เอนเอียงเพียงเพราะคำพูดสองสามคำ เป็นไปไม่ได้ที่จะส่งคนที่ต่อสู้เป็นเพียงอย่างเดียวแต่ไม่มีสมองมารักษาการณ์ป้อมปราการหลีสือ ในเมื่อจื่อถิงสามารถเป็นถึงแม่ทัพรักษาการณ์แห่งเหอซี ก็จะต้องเป็นคนที่มีสมองอย่างแน่นอน ไม่ได้เป็นเพียงนายทหารธรรมดาคนหนึ่งอย่างที่เขาพูด

“กั๋วเว่ยเชิญเข้าไปที่ค่ายเถิด” จื่อถิงกล่าว

นายทหารในชุดเกราะสีดำที่เฝ้าอยู่ไม่ไกลหลีกทางให้ซ่งชูอีและจื่อถิงผ่านทันที

ทั้งสองคนพลางเดินพลางคุยเรื่องสงคราม

“ทหารอี้ฉวีได้ให้คนส่งสารมาขอใช้เส้นทางเพื่อถอยทัพออกไปทางเหอตงเป็นครั้งที่หกแล้ว ตามข่าวที่สายลับส่งมา กองทัพอี้ฉวีเหลือกำลังไม่ถึงหกหมื่นนาย ทหารต่างเสียขวัญกำลังใจและคาดว่าต้องการที่จะทิ้งนคร” จื่อถิงรู้สึกแปลกใจมาก เหตุใดชาวอี้ฉวีถึงได้พัวพันกับทหารเจ้าเพียงนั้น? หากเขาเป็นท่านแม่ทัพอี้ฉวีแล้วล่ะก็ ภายใต้สถานการณ์ที่ไร้โอกาสชนะเช่นนี้ เขาจะไม่ดึงดันทำสงครามจนกระทั่งถูกบีบถึงค่ายหลีสือแล้วค่อยขอใช้เส้นทาง ทหารเจ้ายึดพื้นที่ได้แล้ว จะไม่รีบสังหารอี้ฉวีอย่างแน่นอน ทว่าจะนั่งชมทหารอี้ฉวีกับทหารฉินมาถึงทางตัน ทหารฉินจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากทหารฉินไม่ขอใช้เส้นทาง อี้ฉวีก็จะผนึกกำลังทั้งในและนอกฉวยโอกาสยึดป้อมปราการหลีสือ หากทหารฉินไม่เห็นด้วยที่จะใช้เส้นทาง ก็สวามิภักดิ์ต่อรัฐเจ้าแล้วร่วมมือกันทำลายนคร…

“ส่งสารไปให้กองทัพอี้ฉวีว่าแม่ทัพฉินมาถึงแล้ว กำลังส่งกองกำลังจากสือหลีเข้าไปช่วย” ซ่งชูอีเอ่ย

จื่อถิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ความสงสัยในใจทั้งหมดมีคำตอบในทันใด…ที่แท้กั๋วเว่ยวางแผนถ่วงเวลามาโดยตลอด!

“ขอรับ!” จื่อถิงตอบรับ จากนั้นก็เอ่ยว่า “บัดนี้แม่ทัพเจ้ามาถึงหลีสือแล้ว จะต้องออกจากนครจริงหรือ? อี้ฉวีมีสายลับ หากพบว่าแม่ทัพเจ้ายังคงไม่เคลื่อนไหว แผนการทหารของเราก็จะถูกเปิดโปงได้ง่ายมาก”

“สิ่งที่ต้องการก็คือการถูกเปิดโปง บอกแม่ทัพเจ้าว่าให้ตั้งการซุ่มโจมตี พร้อมที่จะต่อสู้ทุกเมื่อ ทันทีที่อี้ฉวีโจมตีเมืองก็โต้กลับได้ทันที” สีหน้าของซ่งชูอีสงบนิ่งดุจสายน้ำ พ่นสองคำออกมาเบาๆ “ฆ่าให้เรียบ”

คิ้วของจื่อถิงกระตุกขึ้น ครั้นเห็นใบหน้าที่ยังคงสงบนิ่งของนางอีกครั้งก็รู้สึกหนาวเหน็บเช่นนี้จริงๆ

“ขอรับ!” ในใจของเขารู้สึกว่าสงครามครั้งนี้คงต้องต่อสู้กันจริงๆ เสียแล้ว ชาวอี้ฉวีมีความกระหายเลือดเช่นเดียวกับชาวฉิน หากรู้ว่าถูกหลอกล่ะก็ ต่อให้เป็นการปาหินด้วยไข่ ถึงตายก็จะต้องแก้แค้นให้ได้

สองคำสั่งถูกถ่ายทอดลงไป ทั้งกองทัพตั้งรับการป้องกัน

กองทัพรักษาการณ์เหอซีอยู่ด้านหลัง หากเทียบกันแล้วบรรยากาศผ่อนคลายกว่าเล็กน้อย เมื่อยืนอยู่บนจุดเฝ้าระวัง ก็สามารถมองเห็นแสงไฟที่คดเคี้ยวราวกับมังกรที่ฝั่งแม่น้ำตรงข้ามหลีสือ และสัมผัสถึงกลิ่นไอความอาฆาตจากที่นั่นได้เลือนราง

ซ่งชูอีพิงอยู่บนตั่งพร้อมหลับตางีบ

กู่หานเข้ามา กล่าวเสียงกระซิบ “กั๋วเว่ย”

“สำเร็จแล้วรึ?” ซ่งชูอีลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย

“ตอนนี้ทำเสร็จแล้ว จะสำเร็จหรือไม่นั้นยังต้องรอพรุ่งนี้จึงจะเห็นผล” กู่หานเอ่ย

ซ่งชูอีตอบรับว่าอืมเสียงหนึ่ง หลับตาลง กู่หานเห็นว่านางไม่มีท่าทีจะพูดอะไรอีก ก็ถอยออกไปจากกระโจมเงียบๆ

กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ

กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ

กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ
Status: Ongoing
นิยายแปลรักย้อนยุคสุดเข้มข้นแนวกลยุทธ์สงคราม! อีกหนึ่งผลงานจากผู้เขียน ‘นิติเวชหญิงแห่งต้าถัง’ ‘ซ่งชูอี’ อาจมิใช่สาวงาม หากเป็นกุนซือหญิงผู้กุมชะตาชีวิตคนทั้งเมือง นางเสาะหาสันติสุขท่ามกลางการแก่งแย่งชิงดีของเจ็ดมหานครรัฐ ด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาด นางสามารถเอาตัวรอดได้ทุกครั้ง ทว่าก็ยังพลั้งพลาดมอบความไว้เนื้อเชื่อใจให้คนที่มิคู่ควร และสิ้นลมอย่างน่าอนาถในวันที่นครถูกโจมตี! แต่เหมือนสวรรค์มีตาให้โอกาสนางได้ย้อนเวลากลับมามีชีวิตอีกครั้งในวัยสิบห้า ลิขิตให้นางได้พบกับเจ้าอี่โหลว องค์ชายหนุ่มตกอับกลางป่า ก่อนจะพลัดพรากให้จากกัน ท่ามกลางไฟสงครามที่แสนสับสนวุ่นวายและการต่อสู้พลิกชะตาที่เคยล้มเหลว ทั้งนางและเขา…ก็กลับได้มาพบกันอีกครั้ง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset