ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 255 อมทรายพ่นเงา / ตอนที่ 256 กลับบ้านเมื่อไหร่?

ตอนที่ 255 อมทรายพ่นเงา[1]

 

 

หลังจากที่อวี๋กานกานส่งเจ้าเด็กปีศาจทั้งสามเรียบร้อยแล้ว เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าฟังจือหันจะมีแฟนบอยด้วย นี่มันเหมือนกับเด็กสาวที่ตามกรี้ดดาราไม่มีผิด โชคดีที่เยี่ยซีไม่ใช่ผู้หญิง มิเช่นนั้นเขาต้องพลีกายถวายใจให้ฟังจือเป็นแน่แท้

 

 

เดี๋ยวนะ ทำไมเธอถึงใช้คำว่าโชคดี… อยากพลีกายก็พลีไปเถอะ เกี่ยวกับเธอตรงไหนเล่า อวี๋กานกานจะหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ไม่ออก เธอหันศีรษะกลับมาเห็นซูจิ่วซานยืนอยู่ตรงหน้า สีหน้าดูไม่ได้ประหนึ่งถูกปกคลุมไว้ด้วยเมฆหมอกอึมครึม

 

 

แต่ไหนแต่ไรซูจิ่วซานไม่ชอบขี้หน้าเธออยู่แล้ว การที่ซูจิ่วซานแนะนำเธอให้ผู้จัดการหลี่ว์  ไม่ต้องคิดให้ซับซ้อนมากความ เธอก็สามารถเข้าใจได้

 

 

อวี๋กานกานมองซูจิ่วซาน คลี่ยิ้ม “ฉันก็เพิ่งรู้วันนี้นะคะเนี่ย ว่าเป็นคุณหมอซูที่แนะนำให้ฉันไปตระกูลเยี่ย ต้องขอบคุณคุณหมอซูจริงๆ”

 

 

รอยยิ้มและคำขอบคุณนี้ของอวี๋กานกาน ในสายตาของซูจิ่วซานทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องตลบตะแลง ซูจิ่วซานรับรู้เพียงแค่ว่าเพลิงพิโรธในใจกำลังลุกโชน

 

 

ภายในร่างกายลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิง ทว่าร่างกายภายนอกกลับเหมือนถูกกดอยู่ใต้ธารา รู้สึกหายใจไม่ออกเป็นระยะๆ

 

 

อายุน้อยกว่า สวยกว่า แม้ว่าวิชาแพทย์ที่เธอภูมิใจนักภูมิใจหนาก็ยังสู้อวี๋กานกานไม่ได้…นี่มันเป็นไปไม่ได้!

 

 

ซูจิ่วซานข่มกลั้นความโกรธในใจไว้ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “อวี๋กานกาน นิสัยแกเป็นยังไง พวกเราต่างรู้อยู่แก่ใจดี ต่อหน้าฉันยังจะเสแสร้งแกล้งทำไมอีก ขอบคุณฉันทำไม ที่ควรขอบคุณคือความสามารถทำให้ผู้ชายสยบใต้กระโปรงของเธอต่างหาก”

 

 

อวี๋กานกานหรี่ตา นัยน์ตาฉายประกายรังสีเย็นเยียบ แค่นหัวเราะเสียงเย็น “คุณหมอซู คุณกลับบ้านไปอย่าลืมหากระจกสักบานส่องหน้าคุณตอนนี้ดูนะคะว่าน่ากลัวแค่ไหน!”

 

 

ซูจิ่วซานนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง กว่าจะฟังเข้าใจว่าอวี๋กานกานกำลังด่าตัวเองว่าหน้าตาน่าเกลียด เธอโมโหถึงขีดสุด “แกหมายความว่าอะไร”

 

 

อวี๋กานกานคลี่ยิ้มบางๆ สีหน้านิ่งสงบ กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คำพูดของฉันน่าจะเข้าใจได้ไม่ยากนะคะ สาเหตุที่สีหน้าของคนคนนั้นน่ากลัว ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะใจของคนคนนั้นอัปลักษณ์”

 

 

อมทรายพ่นเงาด่าซูจิ่วซานหน้าตาอัปลักษณ์แต่จิตใจกลับอัปลักษณ์ยิ่งกว่า

 

 

ปกติอวี๋กานกานมีนิสัยง่ายๆ สบายๆ ไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย ไม่ชอบคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องขี้ปะติ๋ว แต่หากโดนกลั่นแกล้งรังแกจนถึงขีดจำกัดแล้ว เธอจะเอาคืนกลับเป็นสองเท่าอย่างแน่นอน

 

 

ซูจิ่วซานโกรธจนหน้าเขียว ดวงตาเบิกโพลง ตวาดลั่น “แกมันจองหองเกินไปแล้ว คิดว่าครอบครัวมีเงินหน่อยก็สามารถวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่เคารพผู้อื่นได้ คนอย่างแกยังมีหน้ามาที่สมาคมของพวกเราอีก ทำชื่อเสียงสมาคมของพวกเราเสื่อมเสียชัดๆ…”

 

 

“จิ่วซาน”

 

 

น้ำเสียงเย็นเยียบของชายหนุ่มแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจพูดแทรกขัดจังหวะซูจิ่วซาน

 

 

ซูจิ่วซานหันไปตามเสียง เห็นซย่าเฉิงโจว นัยน์ตาฉายประกายความน้อยเนื้อต่ำใจ สะกดกลั้นจิตใจที่เต็มไปด้วยความอัดอั้นตันใจ ร้องทักทายพร้อมทั้งดวงตาที่แดงก่ำ “รุ่นพี่ซย่า…”

 

 

ซูจิ่วซานนึกว่าหลังจากที่ซย่าเฉิงโจวได้เห็นอวี๋กานกานที่เย่อหยิ่งจองหองแล้ว เขาต้องมองเห็นเนื้อแท้ของอวี๋กานกานแน่ นึกไม่ถึงว่าซย่าเฉิงโจวกลับบอกกับเธอว่า “ขอโทษคุณหมออวี๋ซะ”

 

 

ประโยคนี้ราวกับสายฟ้าฟาดลงมาที่กลางใจของซูจิ่วซาน แรงสั่นสะเทือนไม่น้อยไปกว่าตอนที่รู้ว่าอวี๋กานกานรักษาแม่เฒ่าเยี่ยได้สำเร็จเลย

 

 

ซูจิ่วซานมองหน้าซย่าเฉิงโจวด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง “ทำไมฉันต้องขอโทษมันด้วย”

 

 

คนอื่นไม่รู้ แต่รุ่นพี่ซย่าน่าจะรู้ดีว่าอวี๋กานกานมันเป็นพวกครอบครัวเศรษฐีใช้วิธีติดสินบนเพื่อเข้ามาชุบตัว

 

 

“เธอไม่ควรทำแบบนี้ หมอทุกคนที่ได้มาเข้าร่วมงานสัมมนาครั้งนี้ล้วนคู่ควรกับการให้ความเคารพ”

 

 

ประโยคสนทนาเมื่อครู่ระหว่างซูจิ่วซานและอวี๋กานกาน ซย่าเฉิงโจวได้ยินทั้งหมด ซย่าเฉิงโจวรู้ว่าซูจิ่วซานเข้าใจอวี๋กานกานผิด อยากจะอธิบายให้ซูจิ่วซานเข้าใจ หวังให้ซูจิ่วซานไม่เป็นเหมือนเขาก่อนหน้านี้ที่ใช้อคติส่วนตัวมาตัดสินผู้อื่น

 

 

ทว่าประโยคที่ซย่าเฉิงโจวกล่าวมาเมื่อเข้าหูซูจิ่วซาน กลับเป็นอวี๋กานกานยั่วยวนรุ่นพี่ซย่าได้สำเร็จรุ่นพี่จึงช่วยมันแก้ตัวอย่างไม่มีเงื่อนไข

 

 

ซูจิ่วซานมองหน้าซย่าเฉิงโจวด้วยความผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เธอกัดฟันกรอด รู้สึกเพียงแค่หัวใจแหลกสลาย!

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] อมทรายพ่นเงา  มีที่มาจากปีศาจในตำนานรูปร่างคล้ายตะพาบ มีสามขา อาศัยอยู่ในน้ำ มันจะอมทรายและคอยแอบพ่นใส่เงาของผู้ที่ผ่านไปมา ซึ่งผู้ที่ถูกพ่นทรายใส่จะเจ็บไข้ล้มป่วย ในปัจจุบัน หมายถึง แอบใส่ความให้ร้ายผู้อื่นลับหลัง   

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 256 กลับบ้านเมื่อไหร่?

 

 

ซูจิ่วซานถลึงตามองอวี๋กานกานด้วยความโมโห นัยน์ตาฉายแววเกลียดชัง “อวี๋กานกาน เธอใช้วิธีน่ารังเกียจไร้ยางอายอะไรมาทำให้รุ่นพี่ซย่าหลงขนาดนั้น”

 

 

ซย่าเฉิงโจวหน้าเสียถึงขีดสุดทันที

 

 

อวี๋กานกานพูดไม่ออก

 

 

ที่ซูจิ่วซานทำให้เธอลำบากมาตลอดเป็นเพราะซย่าเฉิงโจวงั้นเหรอ?

 

 

เธอแค่นหัวเราะ “หมอซู ฉันเข้าใจที่เธอชอบหมอซย่า การที่ผู้ชายที่ตัวเองชอบไม่ชอบตอบกลับมาก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจจริงๆ แต่เธอเสียใจก็คือเสียใจ จะมากัดคนอื่นตามใจชอบแบบนี้ไม่ได้ เธอชอบไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะชอบด้วย”

 

 

เข้าใจว่าที่อธิบายว่าเธอไม่มีทางชอบซย่าเฉิงโจว เพราะไม่อยากให้ซูจิ่วซานมาสร้างปัญหาให้เธออีก

 

 

แต่ที่เข้าหูของซูจิ่วซานมีเพียงการยั่วโมโหเท่านั้น

 

 

การถูกซย่าเฉิงโจวปฏิเสธเป็นข้อห้ามและสิ่งที่สามารถยั่วยุเธอได้ เธอหน้าแดงด้วยความโมโหขึ้นมาทันที “อวี๋กานกาน เธอเลิกมายุแหย่ยั่วโมโหฉันได้แล้ว คนอื่นไม่รู้ แต่ฉันรู้ดีว่าเธอ…”

 

 

“มาบอกว่าฉันยุแหย่ยั่วโมโห เห็นฉันเป็นคนน่ารังเกียจ เป็นคนลวงโลก งั้นเธอเป็นอะไร ต่อต้านอาจารย์ของฉัน คิดว่าตัวเองเป็นแม่พระ หมอซู อย่าคิดว่าตัวเองดีเกินไปนักเลย ไม่ใช่ว่าคนที่ไม่เข้าตาเธอจะเป็นคนไม่ดีไปซะหมด”

 

 

อวี๋กานกานทิ้งท้ายเอาไว้เท่านั้นแล้วก็หันหลังเดินออกไปอย่างไม่อยากจะสนใจเธออีก

 

 

ซูจิ่วซานมองแผ่นหลังของอวี๋กานกานด้วยความโมโห พร้อมกับพึมพำเบาๆ “ยังจะมาแสร้งทำซื่ออยู่นี่อีก”

 

 

ซย่าเฉิงโจวพูดเสียงเย็น “พอได้แล้ว”

 

 

ซูจิ่วซานมองซย่าเฉิงโจวด้วยความผิดหวัง “ฉันรู้ว่าฉันชอบรุ่นพี่ รุ่นพี่อาจจะคิดว่าทุกอย่างที่ฉันทำเป็นเพราะฉันอิจฉาความสัมพันธ์ของรุ่นพี่กับเธอ แต่มันไม่ใช่แบบนั้น ฉันแค่ไม่อยากให้รุ่นพี่ถูกเธอหลอก…”

 

 

“เลิกพูดได้แล้ว!”

 

 

ซย่าเฉิงโจวตัดบทเธออีกครั้ง

 

 

เขาสูดหายใจลึก พยายามปรับให้คำพูดของตัวเองอ่อนที่สุด

 

 

เพื่อให้ซูจิ่วซานสามารถยอมรับได้อย่างสงบ

 

 

“จิ่วซาน เรารู้จักกันมาหลายปี ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยพูดไปแล้วว่าเราสองคนไม่เหมาะสมกัน เธอเป็นคนดี ฉันเชื่อว่าสักวันเธอจะได้เจอกับผู้ชายที่เหมาะกับเธอ อีกอย่าง…หมออวี๋ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด หมออวี๋มาที่สมาคมเพราะอยากจะเรียนรู้จริงๆ ผมกับเธอ……เราสองคนไม่ได้มีอะไรกัน แม้แต่พูดคุยก็คุยแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น”

 

 

ซูจิ่วซานไหล่สั่น ตาก็แดงก่ำ “รุ่นพี่ซย่า…”

 

 

ซย่าเฉิงโจวพูดเสียงเรียบ “ฉันยังมีเรื่องต้องทำอีก ขอตัวก่อน”

 

 

ซูจิ่วซานกัดริมฝีปาก กําหมัดแน่น ยามที่มองตามหลังซย่าเฉิงโจว

 

 

ในใจของเธอเต็มไปด้วยความโมโห ทว่าไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ซย่าเฉิงโจว แต่เป็นอวี๋กานกาน

 

 

เธอไม่คิดว่าซย่าเฉิงโจวมีปัญหาอะไร เธอรู้สึกว่าสาเหตุจริงๆ เป็นเพราะซย่าเฉิงโจวถูกหลอกด้วยคำพูดหวานหูของอวี๋กานกาน

 

 

ในวินาทีนั้น ซูจิ่วซานตัดสินใจแล้วว่าจะต้องเปิดโปง “ความเลวทราม” ของอวี๋กานกานให้ได้

 

 

ถึงแม้มันจะทำให้ซย่าเฉิงโจวเข้าใจผิด แต่เธอก็ไม่ลังเล

 

 

ไว้เมื่อซย่าเฉิงโจวเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของอวี๋กานกานแล้วก็จะรู้เองว่าเขาเข้าใจเธอผิด

 

 

เมื่ออวี๋กานกานกลับมาถึงหอพัก พอเอาโทรศัพท์ออกมาถึงได้เห็นว่าฟางจือหันส่งข้อความมาหา

 

 

[ฟางจือหัน: จะกลับบ้านเมื่อไหร่]

 

 

ข้อความถูกส่งมาตอนที่เธอเพิ่งจะสัมมนาเสร็จ และเธอกำลังวุ่นอยู่กับการทักทายทั้ง 3 คนนั้น เพิ่งจะมาเห็นข้อความเอาก็ตอนนี้

 

 

ผ่านมา 2 ชั่วโมงแล้ว ต้องตอบกลับหรือเปล่า?

 

 

อวี๋กานกานถือโทรศัพท์เอาไว้ พลางคิดในใจว่าไม่ต้องตอบกลับก็แล้วกัน แต่นิ้วก็เริ่มพิมพ์ข้อความไปแล้ว: ฉันไม่กลับบ้าน…

 

 

ทำไมต้องบอกว่าไม่กลับบ้าน ไม่กลับบ้านอะไรกัน นั่นเป็นบ้านของฟางจือหันเขา ไม่ใช่บ้านของเธออวี๋กานกาน

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset