ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 261 หาเรื่องบาดใจ ดูชายโฉดหญิงชั่วพลอดรัก / ตอนที่ 262 คิดเข้าข้างตัวเอง

ตอนที่ 261 หาเรื่องบาดใจ ดูชายโฉดหญิงชั่วพลอดรัก

 

 

การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่อวี๋กานกานไม่สามารถตัดสินใจแทนหลินจยาอวี่ได้ หลินจยาอวี่เองก็ยังลังเลตัดสินใจเด็ดขาดไม่ได้

 

 

สำหรับหลินจยาอวี่ข้อเสนอของลู่เสวี่ยเฉินเป็นทางเลือกที่ดีมากทางหนึ่ง ถึงเธอจะผิดหวังกับความรัก แต่ในใจก็ยังมีความหวังอยู่เล็กน้อย เพียงแค่ซื่อสัตย์จริงใจก็จะไม่สิ้นหวังทั้งหมดอย่างแน่นอน เมื่อคนสองคนมีความรักให้แก่กันคนสองคนก็จะมีแรงขับเคลื่อนความรักนั้น

 

 

หลังจากที่นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง จู่ๆ หลินจยาอวี่ก็ลุกขึ้นยืน “กานกาน เธอไปที่ที่หนึ่งกับฉันหน่อยได้ไหม”

 

 

“ได้สิ เธอจะไปไหนล่ะ” อวี๋กานกานรู้สึกเบาใจเป็นอย่างยิ่ง หัวเราะขำขันพร้อมกับเล่นมุกตลก “ต่อให้เธออยากที่สุดขอบฟ้าสิ้นมหาสมุทรฉันก็ยินดีจะไปด้วย จะขายฉันก็ได้นะ แต่อยากหลอกให้ฉันนับเงินล่ะ”

 

 

ณ ภัตตาคารอาหารอิตาลีแสนโรแมนติกแห่งหนึ่ง มีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่ในมุมลับตาผู้คน ทั้งสองนั่งพิงอิงแอบ คุยไปหัวเราะไป บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มและความสุขที่ไม่มีถ้อยคำใดสามารถบรรยายออกมาได้

 

 

อวี๋กานกานมองหลินจยาอวี่ที่นั่งอยู่ตรงข้าม แม้ว่าสีหน้าของเธอจะนิ่งเรียบ แต่นัยน์ตากลับซับซ้อนยากอธิบาย แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดบางเบา

 

 

อวี๋กานกานพลันนึกถึงหลีหนานเซิงแฟนเก่าของหลินจยาอวี่หลีและอดีตเพื่อนรักจางอวี้จือ อวี๋กานกานย้ายที่นั่งมานั่งข้างหลินจยาอวี่ ยื่นมือมากุมมือของหลินจยาอวี่ “จยาอวี่…” เสียงเรียกแผ่วเบาทำให้หลินจยาอวี่ดึงสายตากลับ สบเข้ากับแววตาของอวี๋กานกาน “เธอวางใจ ฉันไม่เป็นอะไร”

 

 

คำตอบของหลินจยาอวี่ทำให้อวี๋กานกานมั่นใจในการคาดคะเนของตนเอง เธอไม่เข้าใจหลินจยาอวี่ว่าทำไมต้องเดินทางมาถึงภัตตาคารแห่งนี้เพื่อดูชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นพลอดรักกัน นี่มันหาเรื่องบาดใจตัวเองโดยแท้

 

 

“หลังจากนี้ก็ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาอีกแล้ว คิดซะว่าเป็นแค่คนแปลกหน้าที่เดินสวนกันไปมาบนท้องถนน ชีวิตคนเราอย่าเปิดรับคนที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปให้มากนักเลย มัวแต่เจ้าคิดเจ้าแค้นจะใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุขนะ”

 

 

“ฉันรู้” ก็รู้อยู่หรอก แต่ในใจกลับไม่สามารถปล่อยวางได้ ถูกเพื่อนสนิทที่สุดตีท้ายครัว ต่อให้ในอนาคตเธอจะหมดรักหลีหนานเซิงแล้ว แต่ในใจกลับยังโกรธและยอมรับไม่ได้

 

 

 

 

มือทั้งสองข้างของจางอวี้จือคล้องอยู่บนแขนของหลีหนานเซิง ศีรษะซบลงบนหน้าอกราวกับนกน้อยคลอเคลียนายรอป้อนอาหาร เธอเหลือบสายตาขึ้นเห็นหลินจยาอวี่ที่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง สีหน้าแสดงอาการตกตะลึงเพียงแวบเดียว พลันใช้แววตาอ่อนแอน่าสงสารมองหลีหนานเซิง กล่าว “หนานเซิง นั่นมันจยาอวี่…”

 

 

การเคลื่อนไหวของหลีหนานเซิงชะงักไปครู่หนึ่ง มองไปทางหลินจยาอวี่ตามสายตาของจางอวี้จือ แววตาของหลีหนานเซิงสลับซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง

 

 

จางอวี้จือมองออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยของหลีหนานเซิง แววตาลอบฉายแววความขุ่นเคืองอย่างไร้ร่องรอย หลินจยาอวี่ต้องการจะทำอะไรกันแน่ อย่าคิดว่าเธอไม่รู้ หลินจยาอวี่รู้ดีว่าเธอชอบมาภัตตาคารแห่งนี้ ดังนั้นจึงมักจะแอบนั่งอยู่ในมุมมืดคอยแอบดูเธอกับหนานเซิง วันนี้กลับเลือกนั่งโต๊ะห่างจากพวกเขาไปไม่ไกล หลินจยาอวี่คงไม่ได้คิดว่าถ้าปรากฏกายรอบๆ ตัวของเธอกับหนานเซิงบ่อยๆ หนานเซิงจะเปลี่ยนใจยอมกลับไป?

 

 

เธอจะทำให้หลินจยาอวี่หมดเยื้อใยให้จงได้!

 

 

จางอวี้จือลุกขึ้นยืน

 

 

หลีหลานเซิงคว้าแขนของเธอไว้ “คุณจะไปไหน”

 

 

จางอวี้จือขมวดคิ้ว กล่าวยอกย้อน “หนานเซิง อย่างไรเสียจยาอวี่ก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันนะคะ ฉันไม่อยากจะบาดหมางกับเธอไปชั่วชีวิต เรื่องมันก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว ความแค้นเคืองระหว่างพวกเราอาจจะมลายหายไปตามกาลเวลาเหมือนกับธารน้ำแข็งก็เป็นไปได้นะคะ”

 

 

มือของหลีหนานเซิงเริ่มผ่อนแรง ทั้งยังค่อยๆ คลายออก เขาหลุบสายตาลงต่ำ จึงมองไม่เห็นแววตาโกรธแค้นและริษยาอันคลุ้มคลั่งของจางอวี้จือ

 

 

จางอวี้จือหมุนตัว ก้าวยาวๆ มาหยุดอยู่ตรงโต๊ะของหลินจยาอวี่และอวี๋กานกาน กล่าวออกมาหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนประหนึ่งผิวน้ำ “จยาอวี่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” พร้อมกับนั่งลงและชวนพูดคุยประหนึ่งเพื่อนเก่าเพื่อนแก่

 

 

ร่างกายของหลินจยาอวี่ แข็งเกร็งทันที…

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 262 คิดเข้าข้างตัวเอง

 

 

“จยาอวี่? ช่วงนี้เธอเป็นไงบ้าง ตั้งแต่กลับจากขั้วโลกใต้ฉันก็รู้สึกละอายแก่ใจมาโดยตลอด มักจะนึกถึงเธออยู่ตลอด ฉันอยากไปหาเธอมากนะ แต่ฉันก็กลัวว่าเธอจะเมินฉัน” จางอวี้จือพูดพลางยื่นมือออกไปหมายจะจับมือของหลินจยาอวี่

 

 

ความรู้สึกนั่นเหมือนอสรพิษเกี่ยวรัดอยู่บนมือไม่มีผิด มืดมิดและเย็นสะท้าน หลินจยาอวี่หดมืออย่างรวดเร็ว เธอไม่ได้ออกแรงแม้แต่น้อย เพียงแค่ดึงมือของตัวเองกลับ ทว่าจางอวี้จือกลับเซหงายหลังทันที ประหนึ่งถูกหลินจยาอวี่ผลักอย่างแรง

 

 

หลีหนานเซิงที่จับตามองอยู่ตลอดรีบเดินเข้ามาด้วยความรวดเร็ว พยุงจางอวี้จือด้วยความร้อนรน “อวี้จือ คุณเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

 

 

จางอวี้จือน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะให้หลีหนานเซิง จากนั้นหันไปมองหลินจยาอวี่อีกครั้ง กล่าว “จยาอวี่ พวกเราเคยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกันและกัน ฉันไม่อยากเสียเพื่อนรักอย่างเธอไปจริงๆ นะ ถ้าการที่เธอด่าฉันตีฉันแล้วมันทำให้เธอหายโกรธ ฉันก็ยินดียอมรับมัน ขอแค่เธอให้อภัยฉัน”

 

 

เมื่อเห็นจางอวี้จือยอมถอยเพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้น หลีหนานเซิงเจ็บปวดหัวใจถึงขีดสุด พูดพุ่งเป้าไปที่หลินจยาอวี่ “หลินจยาอวี่ คุณคิดจะทำอะไรกันแน่ อวี้จือก็ขอโทษคุณแล้วแท้ๆ ทำไมคุณถึงยังอาละวาดและทำตัวโหดเ**้ยมแบบนี้”

 

 

“หนานเซิง อย่าพูดแบบนี้นะ” หัวคิ้วของจางอวี้จือมุ่นเข้าหากัน สะบัดมือของหลีหนานเซิงออกอย่างไม่พอใจ พร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ เธอหันไปมองหลินจยาอวี่อีกครั้ง สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด กล่าว “จยาอวี่ เธออย่าโกรธเลยนะ ความจริงหนานเซิงยังรักเธออยู่ ถ้าเธอยอมยกโทษให้ฉัน ฉันยินดีที่จะถอยออกมาให้เธอกับเขาได้กลับมาคบกันใหม่”

 

 

หลีหนานเซิงโกรธเกรี้ยว “คุณพูดเหลวไหลอะไรน่ะ คนที่ผมรักคือคุณนะ”

 

 

“หนานเซิง” จางอวี้จือน้ำตาคลอเบ้า มองหลีหนานเซิงด้วยแววตาโศกเศร้าอาดูร ท่าทางเศร้าสลดของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มบังเกิดความรู้สึกอยากปกป้องให้ถึงที่สุด

 

 

หลีหนานเซิงเจ็บปวดหัวใจถึงขีดสุด สวมกอดเธอ มองหน้าหลินจยาอวี่พร้อมกับพูดอย่างไม่พอใจ “พอได้แล้ว หลินจยาอวี่! คุณคิดว่าเอาแต่ตามติดผมแล้วผมจะกลับไปคบกับคุณเหรอ จะบอกอะไรให้นะคนที่ผมรักคืออวี้จือ ที่ผมเลิกกับคุณไม่ได้เกี่ยวอะไรกับอวี้จือเลย มันเป็นเพราะพวกเราเข้ากันไม่ได้ ผมไม่ชอบนิสัยของคุณ ต่อให้ไม่มีอวี้จือผมก็จะไม่คบคุณต่อ ไม่ช้าหรือเร็วยังไงพวกเราก็ต้องเลิกกัน”

 

 

หลินจยาอวี่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ สีหน้าไร้คลื่นอารมณ์ เย็นชาราวกับเป็นคนนอก

 

 

ทว่าอวี๋กานกานกลับมั่นใจว่าในใจของหลินจยาอวี่ตอนนี้ต้องทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่งแน่

 

 

ผู้หญิงที่ชื่อจางอวี้จือตลบตะแลง เสแสร้งแกล้งทำ เล่นบทหญิงสาวใสซื่อบริสุทธิ์ต่อหน้าผู้ชาย หลินจยาอวี่เป็นคนหน้านิ่ง ทั้งยังมีนิสัยตรงไปตรงมา จะไปเป็นคู่ปรับของจางอวี้จือได้อย่างไร

 

 

ไม่แปลกเลยที่จะถูกจางอวี้จือแย่งแฟนหนุ่มไป แต่ว่าผู้ชายเฮงซวยที่ถูกน้ำมันหมูบังตา[1]อย่างหลีหนานเซิง โชคดีที่หมอนี่ถูกจางอวี้จือยั่วยวนสำเร็จ ไม่เช่นนั้นต้องเป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะให้กับหลินจยาอวี่ไปตลอดชั่วชีวิตแน่

 

 

อวี๋กานกานเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ นิ้วมือลูบแก้วน้ำ น้ำเสียงเย็นเยียบ ถากถางทุกถ้อยประโยค “ฉันเคยเห็นคนหน้าหนาแต่ไม่เคยเห็นใครที่หน้าหนาขนาดนี้มาก่อน จู่ๆ ก็เดินมาถวายแฟนหนุ่มใส่พานพร้อมกับขอโทษขอโพยถึงที่ กลัวว่าคนอื่นไม่รู้เรื่องต่ำๆ พวกนั้นที่ตัวเองเคยทำไว้”

 

 

จางอวี้จือมองอวี๋กานกานด้วยความตกตะลึงเหลือเชื่อ “เธอหมายถึงใครไม่ทราบ”

 

 

อวี๋กานกานแค่นหัวเราะมองหน้าจางอวี้จือ แสดงสีหน้าดูถูกถึงขีดสุด ย้อนถาม “ฉันหมายถึงชายโฉดหญิงชั่ว คุณใช่ไหมล่ะคะ”

 

 

จางอวี้จือตะเบ่งเสียงดังไม่ยอมรับ “ฉันไม่ใช่อยู่แล้ว”

 

 

อวี๋กานกานแบมือทั้งสองออกไปด้านข้าง ย้อนถามอย่างใสซื่อ “ในเมื่อคุณไม่ใช่ แล้วคุณมาตอบฉันเพื่อ”

 

 

จางอวี้จือเถียงอะไรไม่ออก ทั้งร้อนรนและโมโหหันไปออดอ้อนหลีหนานเซิง

 

 

 

 

——

 

 

[1] น้ำมันหมูบังตา  อุปมาถึง คนที่ถูกความรักบังตา ทำให้หลักเหตุและผลถดถอย หน้ามืดตามัว

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset