ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 271 ใครกันแน่ที่หน้าหนาไร้ยางอาย / ตอนที่ 272 คุณชายฟังกลับมาแล้ว

ตอนที่ 271 ใครกันแน่ที่หน้าหนาไร้ยางอาย

 

 

ห้องโถงบริษัทยาไป๋ฟัง

 

 

อวี๋กานกานกำลังจะเดินไปสอบถามพนักงานต้อนรับส่วนหน้า ทว่าประตูลิฟต์เปิดออกมีคนคนหนึ่งเดินออกมาต้อนรับทักทายฟังจือหันและเธอ พร้อมกับแนะนำตัวเองว่าเป็นผู้ช่วยของฟังจือหันชื่อหลินเซิน “สวัสดีครับคุณอวี๋ เรียกผมว่าอู่มู่[1]ก็ได้ครับ”

 

 

“สวัสดีค่ะ” อวี๋กานกานคลี่ยิ้มบาง ห้าไม้จริงอย่างว่า

 

 

ทันทีที่เห็นหลินเซินฝีเท้าของยามหยุดกึก

 

 

ฟังจือหันปรายตามองยามแวบหนึ่ง แววตาเย็นเยียบ บรรยากาศกดดัน ดูผิวเผินเหมือนสงบเงียบไร้คลื่น ทว่ากลับให้ความรู้สึกเหมือนมีลมกระหน่ำฝนสาดซัด

 

 

หัวใจของยามเกร็งกระตุก ทำอะไรไม่ถูก

 

 

หลินเซินมองตามสายตาของฟังจือหันไปหยุดอยู่ตรงยาม

 

 

ยามกุลีกุจอส่งยิ้มให้หลินเซิน ทั้งยังพยักหน้าน้อยๆ ด้วยความเคารพ “สวัสดีครับผู้ช่วยหลิน”

 

 

หลินเซินยิ้มบางๆ เป็นการทักทายกลับ จากนั้นหันไปทางฟังจือหันและอวี๋กานกาน ผายมือเชื้อเชิญ “รองประธานฟัง คุณอวี๋ เชิญครับ ผมจะพาพวกคุณไปที่ห้องวิจัย”

 

 

เมื่อเห็นทั้งสามเดินเข้าลิฟต์ ยามสูดลมหายใจเข้าด้วยความหวาดหวั่น ในบริษัทมีรองประธานสองคน คนหนึ่งเป็นลูกชายของประธานใหญ่ ส่วนรองประธานอีกคนแซ่ฟัง เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน

 

 

ตัวตนของรองประธานฟังลึกลับมาก ยังไม่เคยเข้ามาที่บริษัทเลยสักครั้ง

 

 

หลินเซินเป็นผู้ช่วยของรองประธานฟัง เมื่อครู่เขาเรียกผู้ชายคนนั้นว่ารองฟัง หรือเขาจะเป็นรองประธานที่ยังไม่เคยเผยโฉมให้ใครเห็นคนนั้น?

 

 

จงไห่ถังเดินมาถึงห้องโถง เห็นเพียงแค่ยาม ตวาดเสียงดังลั่น “คนล่ะ?”

 

 

“ห้องวิจัยชั้นบนสุดครับ”

 

 

“ไม่ใช่ให้แกไล่พวกมันออกมาหรอกเหรอ”

 

 

“เขาคือรองประธานฟัง?”

 

 

รองประธานฟัง? รองประธานที่เพิ่งเข้ามาใหม่ จงไห่ถังตกตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะแค่นหัวเราะเสียงเย็น พูดอวดเบ่ง แล้วมันยังไง ก็แค่พนักงานกินเงินเดือนคนหนึ่ง”

 

 

“แต่ว่า…”

 

 

“แต่ว่าอะไร ไอตัวไม่มีประโยชน์เอ๊ย!” จงไห่ถังผลักยามออก กดลิฟต์ตามขึ้นไปชั้นบนสุดทันที

 

 

ชั้นบนสุด อวี๋กานกานกำลังกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนอยู่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ ส่วนฟังจือหันยืนอยู่ตรงหน้ากระจกบานใหญ่ห่างจากเธอไปไม่ไกล หลินเซินกำลังสรุปรายงานให้ฟังจือหัน

 

 

จงไห่ถังออกจากลิฟต์เห็นอวี๋กานกานกำลังยืนค้ำเคาน์เตอร์กรอกแบบฟอร์ม เขามองทรวดทรงองเอวได้รูปของหญิงสาวจากด้านหลัง นัยน์ตาปรากฏความละโมบโลภมาก จงไห่ถังที่อัดอั้นไปด้วยเพลิงโกรธ หัวเราะในลำคออย่างชั่วร้าย “เธอคือผู้เชี่ยวชาญที่ห้องวิจัยเพิ่งรับเข้ามาเหรอ”

 

 

อวี๋กานกานเพิ่งยื่นแบบฟอร์มที่กรอกเสร็จให้พนักงานสองคนหน้าเคาน์เตอร์ เธอตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินเสียงนี้ หันกลับไปเห็นคุณชายจงที่แย่งที่จอดรถกันเมื่อครู่ เธอค่อนข้างเนือยหน่าย ก็แค่ที่จอดรถที่เดียว ทำไมเขาถึงได้ระรานไม่เลิก

 

 

สายตาของจงไห่ถังจดจ้องใบหน้าของอวี๋กานกานอย่างอุกอาจ ผู้หญิงคนนี้หน้าตาไม่เลว ถึงแม้ไม่ให้ความรู้สึกสวยหยาดเยิ้ม แต่มีใบหน้ารูปไข่จิ้มลิ้ม ผิวขาวเนียน รวมทั้งหน้าม้าและผมหยักศก ทำให้เธอดูน่ารักน่าทะนุถนอมเป็นพิเศษ

 

 

เขาผ่านผู้หญิงมาเยอะ แต่สไตล์นี้ยังไม่เคยได้ลิ้มลอง เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาก็กระหยิ่มยิ้มย่องยิ่งกว่าเดิม “ผู้หญิงมาเป็นผู้เชี่ยวชาญอะไร อยู่บ้านคอยปรนนิบัติรับใช้ผู้ชายดีกว่า” พูดพลางเลียริมฝีปาก ท่าทางเหมือนจะกินคน

 

 

อวี๋กานกานขมวดคิ้ว พูดตอกหน้าสองพยางค์ “ประสาท!”

 

 

“นังนี่ ให้เกียรติไม่รับ ฉันสนใจเธอก็นับว่าเป็นบุญโขแล้ว” เมื่อเห็นว่าอวี๋กานกานไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เพลิงโกรธที่อยู่ในใจของจงไห่ถังพุ่งตรงขึ้นสมอง เขายื่นมือออกมาหมายจะจับใบหน้าอวี๋กานกาน ทว่ามือของเขายังไม่ทันได้สัมผัสโดนใบหน้าเธอ กลับถูกใครคนหนึ่งคว้าไว้ก่อน

 

 

ฟังจือหันออกแรงเหวี่ยง คุณชายจงลอยละล่องกระแทกกับพื้นร้องโอดครวญ  

 

 

  

 

 

 

 

——

 

 

[1] อู่มู่  (五木) แปลว่าห้าไม้ มาจากชื่อ หลินเซิน (林森) ที่ประกอบด้วยตัว มู่(木) ห้าตัว

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 272 คุณชายฟังกลับมาแล้ว

 

 

พนักงานโดยรอบต่างพากันตกตะลึง

 

 

จงไห่ถึงคนนี้เป็นถึงน้องชายภรรยาของประธานบริษัท อยู่บริษัททำตัวเผด็จการใช้อำนาจบาตรใหญ่ พูดจาแทะโลมพนักงานสาวสวยมาโดยตลอด ไม่มีใครกล้าหืออือกับเขาด้วยซ้ำ

 

 

แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน เขาทำกับจงไห่ถังแบบนี้ไม่เพียงแต่ไม่ไว้หน้าจงไห่ถัง ยังไม่ไว้หน้าประธานบริษัทอีกด้วย นี่ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกเหรอ!

 

 

จงไห่ถังคลานขึ้นมาจากพื้น ชี้หน้าฟังจือหันด้วยความโมโหและหวาดกลัว ขบฟันกรอด กล่าว “แกกล้าทำกับฉันแบบนี้ แกรู้ไหมฉันเป็นใคร เชื่อไหมว่าฉัน…”

 

 

ฟังจือหันก้าวเท้าไปด้านหน้า สายตาจ้องมองจงไห่ถัง เดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ ออร่าเย็นเยียบแข็งกร้าวของฟังจือหัน ทำให้จงไห่ถังรู้สึกหวาดผวาขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ เขาขยับถอยหลังตามสัญชาตญาณหลายก้าว “แก…แกจะทำอะไรอีก”

 

 

ฟังจือหันเสียบมือไว้ในกระเป๋ากางเกง กล่าวอย่างไม่ใยดี “แกคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน”

 

 

จงไห่ถังตัวสั่นระริก มือชี้ไปที่จมูกของฟังจือหัน ขบฟันกรามดังกรอด “แก…แกกล้าดียังไงมาด่าฉัน แกนึกว่าตัวเองเป็นรองประธานมาใหม่ก็ยิ่งใหญ่นักหรือไง แกไม่ลองถามดูล่ะว่าบริษัทยาไป๋เป็นฟังของใคร แค่ฉันเอ่ยปากพูดคำเดียว ก็สามารถทำให้แกระเห็จออกจากที่นี่ได้ทันที รู้ไหมหา!”

 

 

 ฟังจือหันนิ่งเงียบ จ้องมองจงไห่ถังด้วยสายตาเย็นชา แววตาคู่นั้นทั้งเย็นเยียบและแหลมคม จงไห่ถังรู้สึกเพียงแค่ว่าตัวเองเหมือนกับถูกขังไว้ในอุโมงค์เก็บน้ำแข็ง หัวใจสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้

 

 

ทันใดนั้นเองประตูลิฟต์เปิดออก มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมาอย่างคล่องแคล่วว่องไว ทันทีที่เห็นชายคนนั้น จงไห่ถังพลันกลับมาอวดเบ่งอีกครั้ง กล่าวเสียงดัง “ที่ปรึกษาเฉิน คุณมาได้จังหวะพอดีเลย รีบบอกเขาไป ว่าผมเป็นใคร”

 

 

จงไห่ถังพูดพลางเชิ่ดคางขึ้น ปลายจมูกชี้ท้องฟ้า ท่าทางกำแหงถึงขีดสุด ใช้หางตามองฟังจือหัน

 

 

ที่ปรึกษาเฉินเป็นที่ปรึกษาพิเศษของประธานกรรมการ

 

 

จงไห่ถังมั่นใจมากว่าฟังจือหันต้องรู้จักที่ปรึกษาเฉินแน่ และที่ปรึกษาเฉินต้องบอกฟังจือหันว่าเขาเป็นใครอย่างแน่นอน

 

 

เขาตั้งตารอฟังจือหันคุกเข่า ขอให้ยกโทษ

 

 

ที่ปรึกษาเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่สนใจคุณชายจง แต่กลับเดินไปหยุดตรงหน้าฟังจือหัน ร่างกายสูงตรงตระหง่านพลันโค้งคำนับทำมุมเก้าสิบองศา พูดอย่างเคารพนอบน้อม “คุณชายหัน ยินดีต้อนรับครับ”

 

 

เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องอยู่ในหัวของจงไห่ถัง เขาเบิกตาโพลงมองภาพตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ “…”

 

 

ฟังจือหันมองที่ปรึกษาเฉินด้วยสายตาเรียบนิ่ง “อย่าให้ผมเห็นเขาที่บริษัทยาไป๋ฟังอีก” ก่อนจะให้สัญญาณทางสายตาไปทางจงไห่ถัง

 

 

ที่ปรึกษาเฉินพยักหน้ารับทันที “ครับ”

 

 

สีหน้าของคุณชายจงย่ำแย่ขนาดไหนไม่ต้องพูดถึง “พวกแกกล้าเหรอ”

 

 

ที่ปรึกษาเฉินเมินเขา พร้อมกวักมืออย่างไม่แยแส ยามสองคนวิ่งเข้ามาจับจงไห่ถังลากออกไปทันที

 

 

ในตอนที่ประตูลิฟต์กำลังปิดลง ยังได้ยินเสียงต่อต้านด้วยความเกรี้ยวโกรธและไม่พอใจของจงไห่ถัง “ประธานบริษัทเป็นพี่เขยฉัน พวกแกกล้าทำกับฉันแบบนี้ ล้างคอรอไว้เลย ฉันจะทำให้พวกแกได้เห็นดี”

 

 

สถานการณ์กลับตาลปัตรไปหมด ผู้คนโดยรอบเริ่มส่งเสียงซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์

 

 

“คุณชายหัน? ผู้สืบทอดที่แท้จริงของตระกูลเจียงกลับมาแล้ว! ”

 

 

“ใครนะ? ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเลยว่าตระกูลเจียงมีคนชื่อคุณชายหันด้วย”

 

 

“ประธานกรรมการคนเก่ามีลูกชายสองคน ลูกชายคนโตชื่อเจียงปั๋วซื่อ ก่อนหน้านี้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ลูกคนเล็กเป็นประธานบริษัทยาไป๋ฟัง ชื่อเจียงซื่อเซิ่ง ทุกคนต่างนึกว่าประธานกรรมการคนเก่าจะยกตำแหน่งให้ลูกชายคนเล็กเจียงซื่อเซิ่ง ทว่ากลับไม่ใช่! ประธานกรรมการคนเก่าเลือกหลานชายของเขาเป็นผู้สืบทอด หรือก็คือลูกชายของเจียงปั๋วซื่อ เจียงหัน”

 

 

“แต่ว่าเจียงปั๋วซื่อมีลูกสาวแค่คนเดียวไม่ใช่เหรอ”

 

 

“เจียงปั๋วซื่อแต่งงานสองครั้ง ภรรยาคนก่อนให้กำเนิดลูกชายหนึ่งคน ตอนอายุสิบสามปีกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย บ้างก็บอกเรียนอยู่ต่างประเทศ บ้างก็บอกตายไปแล้ว ตอนนี้เขากลับมาแล้ว!”

 

 

“รู้สึกเหมือนจะถึงคราวเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่แล้ว!”

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset