ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 293 การแนะนำที่หวังดี / ตอนที่ 294 ด่าแบบไม่มีคำหยาบ

ตอนที่ 293 การแนะนำที่หวังดี

 

 

ป้าหูยิ้มและตอบว่า “สวิทช์แอร์ของห้องนอนที่สองเสียต้องส่งอะไหล่มาจากต่างประเทศ วันนี้ทางนั้นโทรมาบอกว่าของส่งมาถึงแล้วฉันก็เลยกลับมา ไม่คิดว่าพวกเธอจะอยู่กันครบ”

 

 

อวี๋กานกาน “……”

 

 

ที่ฟางจือหันย้ายห้อง ไม่ใช่เพราะต้องการหลอกเธอหรือมีแผนอะไร เพียงแค่สวิทช์แอร์เสียเท่านั้น

 

 

เธอเป็นคนที่ใจแคบไปหรือเปล่านะ?

 

 

น่าละอายจริงๆ

 

 

เมือนึกถึงฟางจือหันที่ไม่ได้นอนทั้งคืน อวี๋กานกานก็ให้ป้าหููทำอาหารและบอกให้กลับไปก่อน วันนี้ยังไม่ต้องซ่อมเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนฟางจือหัน

 

 

ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญอย่างป้าหูก็ทำกับข้าวเสร็จถึงสามอย่างและยังมีซุปอีกหนึ่อย่างด้วย

 

 

อวี๋กานกานแบ่งกับข้าวออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งอุ่นไว้ในกระทะ รอให้ฟางจือหันตื่นแล้วค่อยกิน

 

 

เมื่อกินอิ่มแล้วอวี๋กานกานก็กลับไปที่องค์กรเนื่องจากมีการสัมมนาในช่วงบ่าย เมื่อจบการสัมมนาแล้วเธอยังต้องไปที่บริษัทยาไป๋ฟังด้วย

 

 

ก่อนที่จะออกไปเธอเขียนโน้ตติดไว้ที่ตู้เย็นและเติมหน้ายิ้มกว้างไปด้วย

 

 

ในห้องปฏิบัติการชั้นบนสุดของบริษัทยาไป๋ฟัง เครื่องมือทดลองต่างถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ

 

 

ซย่าเฉิงโจวสวมหน้ากากอนามัยปิดปากของเขาเอาไว้ ค่อยๆ จัดและจำแนกยาตามใบสั่งแพทย์อย่างชำนาญด้วยท่าทีใจเย็นแสนหล่อเหลา 

 

 

เขาทำการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีและยังวิเคราะห์ข้อมูลสเปกตรัม

 

 

อวี๋กานกานยื่นอยู่ด้านข้าง ตระหนักถึงบางอย่าง ซย่าเฉิงโจวมีความเชี่ยวชาญทั้งทางด้านการแพทย์และทางด้านชีวเคมี ไม่แปลกใจเลยที่แล็บทดลองที่เมืองไป่หยางจะมีเขาเป็นผูู้ดูแล

 

 

ซย่าเฉิงโจวพูดอย่างถ่อมตัว ”พ่อของฉันเคยเป็นผู้อำนวยการโรงงานผลิตยา ดังนั้นตั้งแต่เด็กฉันเลยรู้จักชีวเคมีดีกว่าคนทั่วไป”

 

 

ประธานสวียิ้มและพูดว่า “แม้ว่าตอนนี้ประธานซย่าจะเกษียนแล้ว แต่ว่าตอนที่เขาเป็นผู้ดูแลเหย้าซือถัง ชื่อเขาเป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศเลยนะ”

 

 

เหย้าซือถังอวี๋กานกานเคยได้ยินชื่อยาชนิดนี้มาก่อน เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการแพทย์แผนจีนอย่างมากและได้รับความนิยมอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมยาจีนเมื่อสิบกว่าปีก่อน

 

 

ต่อมาก็ถูกธุรกิจครอบครัว ธุรกิจเอกชนเข้ามาแย่งบทบาทไปเช่นเดียวกับรัฐวิสาหกิจอื่นๆ 

 

 

“ยานี้ต้องได้รับการพัฒนา เครื่องมือในห้องทดลองของไป๋หยางเราค่อนข้างเรียบง่าย ไม่มีเครื่องมือที่จะสกัดให้บริสุทธิ์ได้ ช่วงที่อยู่ปักกิ่งนี้เราได้สกัดส่วนผสมหลักจากใบสั่งยา ทำการฉีดและทดลองผล … “

 

 

ซย่าเฉิงโจวอธิบายผลการวิเคราะห์ให้อวี๋กานกานฟัง “เธอดูใบสั่งยาที มีอันไหนที่ต้องเปลี่ยนวัสดุยาใหม่หรือเปล่า”

 

 

อวี๋กานกานพยักหน้าและรับใบสั่งยามาตรวจสอบอย่างละเอียด

 

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนท้องฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว

 

 

เมื่อออกจากบริษัทยาไป๋ฟัง ซย่าเฉิงโจวจะไปส่งอวี๋กานกาน ทว่าเธอกลับปฏิเสธ เธอจะเรียกรถกลับบ้านเอง

 

 

เมื่อเดินมาถึงริมถนน รถบีเอ็มสีขาวก็มาจอดเทียบที่ข้าวตัวเธอ

 

 

กระจกค่อยๆ เคลื่อนตัวลง ปรากฏให้เห็นใบหน้าหนุ่มที่หล่อเหลา เขามองที่อวี๋กานกานและยิ้มพร้อมเรียก “คุณอวี๋?”

 

 

เจียงไป่อัน?

 

 

อวี๋กานกานพยักหน้าตอบรับด้วยท่าทีเจื่อนๆ

 

 

เจียงไป่อันยิ้ม “คุณจะไปไหน ผมไปส่งให้”

 

 

แน่นอนว่าอวี๋กานกานปฏิเสธ “ขอบคุณ ไม่ต้องหรอก ฉันเรียกรถไว้แล้ว”

 

 

เจียงไป่อันจ้องมองอวี๋กานกานด้วยความสนใจ “ยังไม่ได้ส่งเลย ขอบคุณอะไรกัน”

 

 

เขาขับรถออกไปได้แค่ไม่กี่เมตรจากนั้นก็ถอยกลับมา ราวกับนึกอะไรบางอย่างออกและต้องการเตือนด้วยความหวังดี

 

 

“คุณอวี๋ เพื่อให้คุณรักษาอาการของปู่ให้ดี ผมขอเตือนด้วยความหวังดีว่า อยู่ให้ห่างๆ ฟางจือหัน ลูกพี่ลูกน้องของผมไว้หน่อยจะดีกว่า เจ้านั่นเป็นคนเลือดเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้าแม้แต่เส้นผมก็ยังไม่มีความรู้สึกสักนิด”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 294 ด่าแบบไม่มีคำหยาบ

 

 

อวี๋กานกานยิ้มมุมปากและตอบเขาอย่างเรียบเฉย “หรือว่าผมของคุณมีความรู้สึกหรือไง”

 

 

เจียงไป่อันชะงักครู่หนึ่ง “คุณว่าอะไรนะ”

 

 

“ถ้าพูดว่าเป็นคนเลือดเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้าแม้แต่เส้นผมก็ยังไม่มีความรู้สึกสักนิด งั้นคุณเองก็ตั้งแต่หัวจรดเท้าแม้แต่เส้นผมก็ยังส่งกลิ่นเหม็น”

 

 

อวี๋กานกานพูดจบแล้วก็เดินไป

 

 

เมื่อเดินไปได้สองก้าวก็ทำแบบเดียวกันกับเจียงไป่อัน เธอเดินกลับมา

 

 

เธอแค่นยิ้ม “เห็นแก่ความใจดีของคุณที่เตือนฉัน งั้นฉันเองก็อยากเตือนคุณด้วยความหวังดีเหมือนกัน ในตอนที่คุณเป็นมนุษย์อยู่ก็ควรล้างเนื้อล้างตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าให้สะอาด ยิ่งกว่านั้นไม่ต้องเปิดปากพูดอะไรเลยจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นพอคุณพูดแล้วจะทำให้คนรู้ว่าคุณเป็นแค่ก้อนสิ่งปฏิกูลเท่านั้น”

 

 

อวี๋กานกานด่าคนโดยไม่ต้องใช้คำหยาบคาย แม้จะไม่ได้เชี่ยวชาญแต่ก็อยู่ในเกณฑ์พื้นฐาน

 

 

เมื่ออวี๋กานกานขึ้นรถออกไปแล้ว เจียงไป่อันถึงได้เข้าใจว่าอวี๋กานกานกำลังด่าเขาว่าเป็นแค่อึกองหนึ่งเท่านั้น

 

 

ดวงตาของเขาแทบจะถลนออก

 

 

หน้าดำคร่ำเคร่งและทุบไปที่พวงมาลัยรถอย่างแรง

 

 

เขาเป็นถึงคุณชายของตระกูลเจียง ในปักกิ่งมีผู้หญิงตั้งมากมายนับไม่ถ้วนที่อยากจะขึ้นไปนอนบนที่นอนของเขา อยากแต่งงานกับเขา ที่เขายอมลดตัวมาคุยกับเธอ ยอมไปส่งเธอ แทนที่เธอจะแอบดีใจแต่กลับมาด่าว่าเขาแบบนี้

 

 

ยัยผู้หญิงเลว สักวันจะทำให้เธอเสียใจกับสิ่งที่พูดออกมาในวันนี้

 

 

เมื่อถึงเวลามื้อค่ำ อวี๋กานกานมองดูฟางจือหันที่อยู่ตรงข้าม หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะถาม เจียงไป่อันเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณเหรอ“

 

 

“อืม” ฟางจือหันตอบเบาๆ และกินข้าวต่อ

 

 

“ความสัมพันธ์ของพวกคุณไม่ดีเอาเสียเลย”

 

 

ฟางจือหันไม่ได้รีบร้อนตอบ เมื่อเคี้ยวอาหารในปากและกลืนลงท้องดีแล้วถึงได้ถามต่อว่า “วันนี้เธอเจอเขางั้นเหรอ หรือเขามาหาเรื่องเธอหรือเปล่า”

 

 

“ไม่รู้ว่าบังเอิญเจอกันหรือเขาตั้งใจมาหาเรื่องฉันกันแน่ พูดไปยิ้มไปว่าจะมาส่งฉันที่บ้าน อย่างกับลืมว่าเมื่อวานเขาว่าอะไรฉันไปหมดเลยแล้วอย่างไงอย่างงั้น แล้วก็…” อวี๋กานกานบ่น “วันนี้เขายังว่าคุณให้ฉันฟังด้วย”

 

 

ฟางจือก้มหน้าและถามเบาๆ “ว่าอะไรฉันงั้นเหรอ”

 

 

อวี๋กานกานถอยหายใจ “พูดว่าคุณเป็นคนเลือดเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้าแม้แต่เส้นผมก็ยังไม่มีความรู้สึกสักนิด”

 

 

“เธอคิดว่าไงล่ะ” ฟางจือหันขมวดคิ้วถามเธอ

 

 

“ฉันก็ว่าเขาพูดจาไร้สาระ ถ้าเส้นผมเขามีความรู้สึกนั่นก็น่ากลัวแล้ว” อวี๋กานกานพูดพลางลูบเหวินเซียงที่อยู่ด้านข้าง เธอยิ้มตาหยีให้กับมัน “แกว่าจริงไหม เซียงเซียงน้อย”

 

 

เหวินเซียงจ้องมองเธอด้วยดวงตากลมโตแสนน่ารักและร้องเมี้ยวออกมา~

 

 

ฟางจือหันยิ้มมุมปาก คีบอาหารใส่ชามให้เธอ “ของรางวัลสำหรับเธอ”

 

 

เมื่อเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะดังติ๊งขึ้น อวี๋กานกานก็หยิบขึ้นมา เธอหันหน้ามาหาฟางจือหันแล้วพูดว่า “เหมือนฉันจะลืมเรื่องที่เยี่ยซีขอให้ฉันช่วยไปเลย เขาอยากเลี้ยงข้าวเรา ได้ไหม?”

 

 

ฟางจือหันไม่ตอบอะไร มองเธอด้วยรอยยิ้มจางๆ

 

 

อวี๋กานกานสังเกตท่าทีจากสายตาของเขาและรีบพูดทันที “คุณอยากกินก็กิน ไม่อยากกินก็ปฏิเสธ” อย่าแม้แต่คิดที่จะใช้ประโยชน์จากมัน

 

 

ฟางจือหันหัวเราะออกมา “เธอจัดการเลย”

 

 

“งั้นเย็นวันพรุ่งนี้ดีไหม”

 

 

“ได้”

 

 

เมื่ออวี๋กานกานกินอิ่มแล้วก็หยิบโทรศัพท์และไปนั่งที่ห้องรับแขก จากนั้นก็ส่งข้อความหาเยี่ยซี

 

 

สีหน้าอบอุ่นของฟางจือหันก็พลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม หนาวเย็นราวกับน้ำค้างเกาะมาแล้วเก้าวัน

 

 

เจียงไป่อันจะพูดจะทำอะไรกับเขา เขาไม่เคยสนใจเพราะไม่อยากจะเสียเวลาไปกับเจียงไป่อัน

 

 

แต่เจียงไป่อันไม่ควรมายุ่งวุ่นวายกับอวี๋กานกาน!

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset