ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 353 งานแต่งมาถึงตามกำหนด / ตอนที่ 354 คุณชายฟังเป็นพวกใช้ความรุนแรง?

ตอนที่ 353 งานแต่งมาถึงตามกำหนด

 

 

อวี๋กานกานรู้ว่าที่หลินจยาอวี่พูดหมายถึงพื้นฐานครอบครัว

 

 

แต่คำพูดนี้ก็มีอีกนัยยะหนึ่งอยู่ในนั้น

 

 

บางทีฟังจือหันอาจชอบเธออยู่บ้างแต่ความชอบนี้จะขยับไปอยู่ที่ตรงไหน

 

 

อาจารย์จะกลับมาเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ ความสงสัยที่อยู่ในใจเขามาตลอดว่าอาจารย์เป็นคนฆ่าพ่อของเขาจะต้องมีสักวันที่ปะทุออกมาระหว่างพวกเขา

 

 

อวี๋กานกานยิ่งรู้สึกขึ้นไปเรื่อยๆ ว่าเธอกับฟังจือหันมีช่องว่างกว้างมากๆ

 

 

ต่อให้ก้าวเท้าไปยาวสักเท่าไหร่ก็ข้ามไปไม่ได้ เพราะขาไม่ยาวมากพอ มีเพียงอย่างเดียวที่ทำได้คือสร้างสะพาน แต่สะพานนั้นก็คืออาจารย์รูปหล่อของเธอ

 

 

งานแต่งมาถึงตามกำหนด

 

 

ตระกูลลู่เป็นตระกูลแถวหน้าที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง แต่ตระกูลหลินก็เป็นตระกูลเศรษฐีในเมืองไป๋หยางเช่นกัน สองตระกูลร่ำรวยเกี่ยวดองกันจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ทั้งเมืองให้ความสนใจเป็นธรรมดา

 

 

โรงแรมเจ็ดดาวในเมืองหลวงเป็นสถานที่จัดงานแต่ง พอเช้าตรู่หน้าประตูก็เต็มไปด้วยรถหรู ปูพรมแดงเกือบกิโล มีดอกไม้สดกับลูกโป่งเติมไปหมด สวยสดงดงามจนทำให้คนที่เดินเข้าโรงแรมมาเหมือนกับอยู่ในแดนสวรรค์จากนิทานอย่างนั้น

 

 

ตอนที่เส้นสีขาวปรากฏตรงขอบฟ้าของทิศตะวันออก หลินจยาอวี่ก็โดนปลุกให้ไปอาบน้ำแต่งตัว

 

 

เมื่อคืนคุยกับอวี๋กานกานจนดึกไปหน่อย ตอนตื่นขอบตาเลยค่อนข้างดำ แต่เรี่ยวแรงกลับเต็มเปี่ยม งานแต่งงานเป็นภาพที่งดงามที่สุดในใจของผู้หญิงทุกคน หลินจยาอวี่จึงตั้งตาคอย

 

 

ก่อนหน้านี้นึกว่าอวี๋กานกานแต่งงานแล้ว ดังนั้นกลุ่มเพื่อนเจ้าสาวของหลินจยาอวี่จึงไม่มีอวี๋กานกาน

 

 

แต่อวี๋กานกานก็อยู่กับหลินจยาอวี่ตลอด จนกระทั่งพิธีแต่งงานใกล้จะเริ่มขึ้นถึงได้ออกมาจากห้องแต่งตัวเพื่อร่วมงาน

 

 

 

 

ตระกูลเฉียวอยู่ในรายชื่อที่เชิญมางานแต่งในครั้งนี้

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์ได้ยินว่าหลินจยาอวี่จะแต่งงาน ยังไงก็จะมาดูงานแต่งด้วยตัวเองให้ได้ เขาจึงเป็นตัวแทนตระกูลเฉียวมาร่วมงานแต่งของหลินจยาอวี่

 

 

ภายในงานแต่งในวันนี้ เฉียวพั่นเอ๋อร์ใส่ชุดเดรสสีขาวเลี่ยมเพชร ดูแล้วสดใสสวยงามให้ความรู้สึกแย่งซีนเจ้าภาพไปบ้าง

 

 

เธอยังพาคู่ควงซึ่งเป็นแฟนหนุ่มที่คุยๆ อยู่ช่วงนี้และพอดีว่าเป็นคนดังในเมืองหลวงด้วย เป็นชายหนุ่มที่เพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ หน้าตาหล่อเหลา การงานประสบความสำเร็จ

 

 

ตระกูลเฉียวเข้าเมืองหลวงในครั้งนี้พอดีกับที่งานของเธอคือติดต่อกับจั่วไห่เหวินแฟนหนุ่มของเธอในตอนนี้

 

 

จั่วไห่เหวินบอกว่าเขาตกหลุมรักเฉียวพั่นเอ๋อร์ในแรกพบ ดังนั้นจึงตั้งใจตามจีบอย่างเปิดเผย ไม่นานทั้งคู่ก็เริ่มความสัมพันธ์กัน

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์รู้ว่าตนเองหน้าตาเทียบไม่ได้กับหลินจยาอวี่ แต่เธอคิดว่าแฟนหนุ่มของเธอจะต้องไม่แพ้ให้กับเจ้าบ่าวของหลินจยาอวี่เป็นแน่

 

 

ไม่ได้หมายถึงพื้นฐานครอบครัว

 

 

แค่หน้าตากับความสามารถก็ไม่มีทางแพ้อย่างเด็ดขาด

 

 

คู่แต่งงานของหลินจยาอวี่จะต้องไม่ใช่หนุ่มหน้าขาวในวันนั้นแน่

 

 

เธอได้ยินมาว่าเดือนที่แล้วหลินจยาอวี่มาที่เมืองหลวงก็เพื่อการดูตัว ผลคือไม่กี่วันก็จะแต่งงานแล้ว เกรงว่าคงไม่ใช่หาใครสักคนแต่งด้วยไปอย่างนั้น

 

 

ความสัมพันธ์เกี่ยวดองกันโดยที่ไม่มีความรักก็เท่านั้น

 

 

หลินจยาอวี่หลังจากนี้ไม่มีทางที่จะใช้ชีวิตมีความสุขได้มากกว่าเธออย่างแน่นอน

 

 

แต่พอมาถึงโรงแรม ได้เห็นรูปภาพเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวในงานแต่ง เฉียวพั่นเอ๋อร์ตกใจจนหน้าซีดเผือด นัยน์ตาเหลือเชื่ออย่างที่สุด

 

 

ทำไมเป็นแบบนี้

 

 

นี่มันเป็นไปได้ยังไง

 

 

เธอคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าคนที่หลินจยาอวี่จะแต่งงานด้วยเป็นพ่อหนุ่มหน้าสวยที่สวยเสียยิ่งกว่าผู้หญิงในวันนั้น

 

 

สิ่งที่ยิ่งทำให้เธอคาดไม่ถึงก็คือพ่อหนุ่มคนนั้นคือหนุ่มหล่อแห่งเมืองหลวง แถมเป็นคนตระกูลลู่แห่งเมืองหลวง

 

 

เห็นรูปแต่งงานของลู่เสวี่ยเฉินกับหลินจยาอวี่ หนุ่มหล่อสาวสวย ใบหน้ามีรอยยิ้มเปี่ยมสุข เฉียวพั่นเอ๋อร์ก็อิจฉาจนแทบบ้าแล้ว

 

 

เธอนึกว่าการที่หลินจยาอวี่เจอกับหลี่หนานเซิงชีวิตของจยาหลี่น่าจะพังลงไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่ายังจะหาช่องโหว่แต่งกับคนที่ดีกว่าคนเก่า

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 354 คุณชายฟังเป็นพวกใช้ความรุนแรง?

 

 

แฟนหนุ่มของตัวเองเก่งมาก แต่เทียบกับตระกูลลู่แล้วแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์ทั้งลอบด่าหลินจยาอวี่ที่ทำบุญมาดีอยู่ในใจพร้อมกับหวังว่าหลังจากแต่งงานหลินจยาอวี่จะใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข ให้ลู่เสวี่ยเฉินไปมีความสุขกับคนอื่นนอกบ้าน

 

 

อิจฉาหลินจยาอวี่ที่วันนี้โดดเด่นมากจนกลัวว่าเธอจะอวดดี ทำตัวเย่อหยิ่งตรงหน้ามากเกินไป

 

 

พอเห็นอวี๋กานกานเข้าศัตรูอีกคน เฉียวพั่นเอ๋อร์ก็ตาเขียวปั๊ดเป็นพิเศษ

 

 

เธอนึกไปถึงคนผู้ชายข้างตัวอวี๋กานกานที่นิสัยรุนแรง ดูน่ากลัวและเลือดเย็นคนนั้น

 

 

เธอคิดว่าผู้ชายคนนั้นกับลู่เสวี่ยเฉินน่าจะรู้จักกัน เขาก็เป็นหนุ่มหล่อแห่งเมืองหลวงด้วยเหรอ

 

 

วงศ์ตระกูลน่าจะไม่แย่ ไม่งั้นคงไม่กล้าอวดดีขนาดนี้

 

 

แต่ว่าต่อให้อวี๋กานกานจะไม่ได้มีพื้นเพครอบครัวแบบหลินจยาอวี่ ผู้ชายคนนั้นคงไม่แต่งกับอวี๋กานกานอย่างแน่นอน

 

 

ไม่งั้นวันนี้ที่มาร่วมงานแต่งของลู่เสวี่ยเฉินก็ไม่มีทางให้เธอมาแค่คนเดียว

 

 

นอกจากนั้นผู้ชายชอบใช้ความรุนแรงคนนั้นเหมือนเป็นฆาตกรไร้ความรู้สึก แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นผู้ชายที่ชอบทุบตีภรรยา

 

 

ต่อให้อวี๋กานกานได้แต่งงานกับเขาก็คงต้องทรมาน

 

 

อวี๋กานกานเห็นเฉียวพั่นเอ๋อร์ สายตามองข้ามเลยไปในทันที เธอก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเมินเฉย

 

 

ซูจือจิ่งเห็นอวี๋กานกานก็รีบลุกขึ้นพาเธอไปนั่งที่โต๊ะเดียวกับตนเอง

 

 

เห็นท่าทางสนิทสนมเช่นนี้ของซูจือจิ่งที่มีต่ออวี๋กานกาน คนที่นั่งร่วมโต๊ะก็อัธยาศัยดียิ้มพลางขยับเข้าไปถามว่าอวี๋กานกานเป็นใคร ซูจือจิ่งยิ้มพร้อมกับมองที่พวกเขาแล้วพาอวี๋กานกานมาแนะนำให้กับทุกคน

 

 

ตระกูลซูก็เป็นตระกูลเก่าแก่ในเมืองหลวงเช่นกัน คนที่ร่วมโต๊ะกับซูจือจิ่งต่างก็เป็นตระกูลระดับเดียวกันในเมืองหลวง

 

 

คนเหล่านั้นเฉียวพั่นเอ๋อร์อยากจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำความรู้จัก อยากจะเข้าไปแทรกกลางวง ผลกลับไม่ได้เป็นไปอย่างหวัง

 

 

เธอประจบซูจือจิ่งแต่ทุกครั้งกลับไม่ได้ผลเลย

 

 

ซูจือจิ่งไม่ชอบเธอ ไม่มีทางช่วยเหลือเธอไปโดยปริยาย

 

 

ตอนนี้เมื่อเห็นภาพนี้สีหน้าของเฉียวพั่นเอ๋อร์ยิ่งดูน่าเกลียดเพิ่มขึ้นไปอีก ยายอวี๋กานกานนี่ถือว่าใช้ทักษะต่ำต้อยเล็กๆ น้อยๆ กลับได้นั่งอยู่ในคนกลุ่มนั้นแล้ว

 

 

แต่ก่อนเธอยอมรับกับตนเองว่าความสูงของเธอนั้นอวี๋กานกานปีนขึ้นมาไม่ถึง ผลกลับกลายเป็นว่าอวี๋กานกานอยู่สูงกว่าจนเธอปีนขึ้นไปไม่ถึง

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์อยากจะพุ่งพรวดไปแต่อดทนเอาไว้ ถ้าหากตระกูลเฉียวอยากจะเข้าร่วมทัพเมืองหลวงก็ไม่อาจใช้แต่อารมณ์ได้อย่างเด็ดขาด แต่ถ้าเธอไม่ได้สั่งสอนอวี๋กานกานสักหน่อยคงสะกดกลั้นความโกรธในใจเอาไว้ไม่อยู่

 

 

ได้แต่ข่มไฟริษยาที่แผดเผาอยู่ภายในใจ มือของเฉียวพั่นเอ๋อร์ที่ควงแขนแฟนหนุ่มไว้บีบแน่นโดยไม่รู้ตัว

 

 

จั่วไห่เหวินมองเธอพลางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ที่รักเป็นอะไรไป”

 

 

สายตาของเฉียวพั่นเอ๋อร์ยังคงมองแรงไปที่อวี๋กานกาน “ผู้หญิงคนนั้นก็คือคนที่ทำให้สกุลเฉียวตกอยู่ในช่วงวิกฤต ต้องปิดโรงพยาบาลสองแห่งในทันที ทุกอย่างเป็นเพราะเธอ”

 

 

จั่วไห่เหวินถามด้วยความสงสัย “ผู้หญิงคนนั้นมีเบื้องหลังอะไร”

 

 

“ไม่มีเบื้องหลังอะไรหรอก ก็แค่แพทย์แผนจีนคนหนึ่ง เราอยากซื้อโรงพยาบาลของเธอ ผลคือเธอใช้ประโยชน์จากผคนที่ไม่รู้เรื่องในอินเทอร์เน็ตและใช้พวกวับรุ่นที่มีแนวคิดเกลียดคนรวยมาทำลายชื่อเสียงโรงพยาบาลภายใต้เครือตระกูลเฉียวของพวกเรา ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นโรงพยาบาลจำต้องมัดมือชกเหยียบเรื่องนี้เอาไว้”

 

 

พอนึกถึงเรื่องที่ตอนแรกจะซื้อโรงพยาบาล เฉียวพั่นเอ๋อร์เกลียดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน โกรธจนแทบยั้งไม่อยู่

 

 

จั่วไห่เหวินกอดเธอพลางพูดใกล้หู “ที่รัก ผมให้ของขวัญคุณชิ้นหนึ่งเป็นยังไง”

 

 

หลังจากพูดเสียงเบาข้างหูเฉียวพั่นเอ๋อร์ไม่กี่ประโยค เฉียวพั่นเอ๋อร์ฟังแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็กอดจั่วไห่เหวินตอบ “อาไห่ คุณดีกับฉันมากจริงๆ เลย”

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset