ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 355 อิจฉาความรักของคนเป็นพ่อ / ตอนที่ 356 บ้าหรือเปล่า! หาว่าฉันยั่วแฟนหล่อนเนี่ยนะ

ตอนที่ 355 อิจฉาความรักของคนเป็นพ่อ

 

 

บรรดาแขกเหรื่อต่างก็มาถึงงานเลี้ยงกันเกือบครบหมดแล้ว พิธีงานแต่งงานจึงเริ่มดำเนินขึ้น

 

 

พิธีกรฝีปากกล้ากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอันฮึกเหิมของเขา พร้อมกับเสียงดนตรีบรรเลงอย่างไพเราะ บรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวจับมือกันมาเป็นคู่ๆ เดินด้วยกันจากทางประตูใหญ่เข้ามาในพิธีแต่งงาน

 

 

กลีบดอกไม้โปรยปรายท่ามกลางขบวนงานแต่งที่กำลังขยับเคลื่อนมา เด็กชายเฮ่าเฮ่าเดินเคียงคู่มากับเด็กผู้หญิงตัวน้อยอีกหนึ่งคน ทั้งสองถือตะกร้าดอกไม้ทั้งยังโปรยดอกไม้ขณะที่กำลังเดินบนพรมแดงอีกด้วย

 

 

หลินกั๋วเฟิงคล้องแขนหลินจยาอวี่เดินออกมาอย่างเชื่องช้า หลินจยาอวี่ซึ่งเดิมทีไม่แต่งหน้าก็จัดว่าเป็นคนสวยอยู่แล้ว วันนี้ใบหน้าถูกแต่งแต้มอย่างงดงาม สวมชุดเจ้าสาวสวยสง่า งดงามราวกับดอกไม้สรวงสวรรค์ที่กำลังเบ่งบานบนโลกมนุษย์เล่นเอาคนทั้งงานตกตะลึง

 

 

อีกด้านตรงสุดทางเดินของพรมแดง ลู่เสวี่ยเฉินยืนสง่าผ่าเผย ตาคมจ้องมองหลินจยาอวี่กำลังขยับใกล้เข้ามา เขาแสดงความตกตะลึงและหลงมัวเมาออกมาจนล้น

 

 

หลินกั๋วเฟิงคล้องแขนลูกสาวสุดที่รักเดินย่างกรายเข้ามาอย่างช้าๆ นึกถึงไม่กี่เดือนก่อนที่เธอยังเก็บตัวเงียบภายในห้องนอน แล้วดูตอนนี้สิ เธอกำลังตังครรภ์และกำลังแต่งงานกับผู้ชายที่เพียบพร้อมคนหนึ่ง เขาดีใจจนแทบร้องไห้

 

 

และเมื่อเขาฝากฝังมือของหลินจยาให้ลู่เสวี่ยเฉินกอบกุมก็อดไม่ได้ที่น้ำตาซึมออกมาจริงๆ

 

 

ชายนักธุรกิจใหญ่ในเวลานี้เป็นเพียงแค่พ่อคนหนึ่งที่ห่วงใยลูกสาว “ต่อจากนี้ไปถ้านายกล้ารังแกลูกสาวฉันล่ะก็ คอยดูฉันจะเอาไม้หน้าสามฟาดให้ตายเลย”

 

 

ตอนที่น้ำตาของเขาไหลซึมลงมา ผู้คนมากมายต่างซึ้งใจตามจนดวงตาแดงก่ำ รอจนเขากล่าวจบทุกคนต่างก็พากันหัวเราะทั้งน้ำตา

 

 

เสียงของพิธีกรดังขึ้น ณ ขณะนี้ “เหมือนว่าคุณพ่อทุกคนจะเป็นเหมือนกันหมดเลยนะครับ อยู่นอกบ้านต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายก็ไม่มีทางเสียน้ำตาให้ใครเห็นหรอก แต่พอลูกสาวแต่งงานเท่านั้นแหละ เป็นต้องเสียน้ำตาอันมีค่ากันทุกราย วันนี้เป็นวันที่น่าปีติยินดีวันหนึ่งและก็เป็นวันที่ผ่านไปอย่างยากลำบากอีกเช่นกัน เพราะว่าลูกสาวสุดรักสุดหวงของพวกเขาก็ต้องไปแต่งงานออกไปอยู่กับไอ้หนุ่มคนอื่นเสียแล้ว ทำใจลำบากจริงๆ แต่กลับรู้ดีว่าคนที่จะอยู่เคียงข้างกายลูกสาวจนชั่วชีวิตไม่ใช่ตัวเขาเองหรอก เขาเพียงแค่หวังว่าผู้ชายคนนั้นจะทะนุถนอมลูกสาวของเขาเป็นอย่างดีสามารถปกป้องลูกสาวเขา และเป็นครอบครัวที่อบอุ่นให้กับเธอได้”

 

 

เสียงปรบมือดังขึ้นราวกับเสียงฟ้าร้อง

 

 

‘พ่อ’ ช่างเป็นคำที่สวยงาม

 

 

อยู่ดีๆ อวี๋กานกานก็นึกอิจฉาหลินจยาอวี่

 

 

เธอคิดถึงอาจารย์จังเลย เธออยากให้วันที่เธอแต่งงานในวันนั้นเขาสามารถจูงมือคล้องแขนพาเธอเดินพรมแดงได้

 

 

น้ำเสียงคึกคักของพิธีกรเริ่มดังอีกครั้ง

 

 

เขาเริ่มถามฝ่ายเจ้าบ่าวก่อน “คุณลู่เสวี่ยเฉิน ผมขอถามคุณว่า คุณจะยอมรับคุณหลินจยาอวี่เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามนิตินัยหรือไม่ ไม่ว่าจะมีหรือจน หรือไม่ว่าเธอจะยังแข็งแรงอยู่หรือว่าจากโลกนี้ไป คุณจะยอมรักเธอ เคารพเธอ เลี้ยงดูเธอ พร้อมดูแลเธอไปตลอดชีวิตหรือไม่”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินยิ้มตอบ “ผมยอมรับครับ”

 

 

พิธีกรถามหลินจยาอวี่ด้วยคำถามเดิมอีกครั้ง

 

 

“คุณหลินจยาอวี่ ผมขอถามคุณว่า คุณจะยอมรับคุณลู่เสวี่ยเฉินเป็นสามีที่ถูกต้องตามนิตินัยหรือไม่ ไม่ว่าจะมีหรือจน หรือไม่ว่าเขาจะยังแข็งแรงอยู่หรือจากโลกนี้ไปแล้ว คุณจะรักเขา เลี้ยงดูเขา พร้อมดูแลเขาไปตลอดชีวิตหรือไม่”

 

 

“ฉันยอมรับค่ะ”

 

 

หลินจยาอวี่เอ่ยตอบเบาๆ สบตาลู่เสวี่ยเฉินตรงหน้าผ่านผ้าคลุมศีรษะบางๆ

 

 

พวกเขาสองคนรู้ไส้รู้พุงกันดีต่างก็เป็นคนที่ปากไม่ตรงกับใจกันทั้งนั้น

 

 

เพียงแค่อยากขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อนสักระยะหนึ่ง

 

 

หลังจากที่สองคนตอบรับกันเสร็จสรรพ เสียงปรบมือข้างล่างก็ดังกระหึ่ม พิธีกรเงยหน้าขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้ทุกคนสงบลง จากนั้นจึงกล่าวเสียงดังว่า “บัดนี้เชิญเจ้าบ่าวสวมแหวนให้เจ้าสาวได้”

 

 

หญิงสาวในงานพิธีเดินถือกล่องแหวนสองกล่องมาข้างหน้า ในกล่องนั้นมีแหวนแต่งงานคู่กันหนึ่งคู่

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินหยิบแหวนเพชรแบบผู้หญิงขึ้นมา สายตาจ้องไปยังหญิงสาวที่งดงามราวดอกไม้ตรงหน้า สวมแหวนที่นิ้วนางของเธอ รู้สึกแปลกๆ ในใจอย่างบอกไม่ถูก

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 356 บ้าหรือเปล่า! หาว่าฉันยั่วแฟนหล่อนเนี่ยนะ

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินหยิบแหวนเพชรแบบผู้หญิงขึ้นมา สายตาจ้องไปยังหญิงสาวที่งดงามราวดอกไม้ตรงหน้า สวมแหวนที่นิ้วนางของเธอ รู้สึกแปลกๆ ในใจอย่างบอกไม่ถูก

 

 

หลินจยาอวี่กลับมีท่าทีนิ่งๆ หยิบแหวนเพชรแบบผู้ชายขึ้นมาบ้างจากนั้นสวมแหวนไปที่นิ้วนางของลู่เสวี่ยเฉินช้าๆ

 

 

พิธีกรหัวเราะยกใหญ่ก่อนกล่าว “ตอนนี้ผมขอประกาศ เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามนิตินัยแล้ว บัดนี้เชิญเจ้าบ่าวจุมพิตเจ้าสาวได้ จุมพิตผนึกรักร้อยปีไปเลยครับ”

 

 

หลินจยาอวี่และลู่เสวี่ยเฉินต่างมีสีหน้าคล้ายกัน

 

 

ไม่มีใครรู้ว่าในใจต่างอึดอัดกันแค่ไหน

 

 

แขกข้างล่างเวทีพากันส่งเสียงเชียร์กึกก้อง “จูบเลย จูบเลย จูบเลย…”

 

 

อวี๋กานกานกระพริบตาปริบๆ ยกยิ้มอย่างมีเลศนัย คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่เธอรู้ดีว่าการจัดฉากแต่งงานของสองคนนี้เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ได้ทำให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นเท่าไหร่ จูบแค่นี้จะทำได้ไหม

 

 

แต่ในงานแต่งงานจูบไม่ได้ยังไงก็ต้องจูบกันให้ได้ล่ะนะ

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินกักเก็บความรู้สึกแปลกๆ ไว้ในใจ เดินก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เขาดึงผ้าคลุมเจ้าสาวของหลินจยาอวี่สะบัดออกไปข้างหลัง จากนั้นโน้มกายจูบประทับลงบนริมฝีปากบางของหลินจยาอวี่

 

 

ผ้าคลุมเจ้าสาวสะบัดปลิวแล้วทิ้งตัวลงช้าๆ พอดีกับตกลงมาคลุมไปทั้งศีรษะของทั้งสองไว้ด้วยกัน สร้างให้บรรยากาศโรแมนติก

 

 

บรรดาแขกเหรื่อต่างก็พากับปรบมือให้อย่างชื่นมื่น

 

 

หลินจยาอวี่นิ่งค้างไปทั้งร่างใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ

 

 

ริมฝีปากหวานผละออกจากกัน ลู่เสวี่ยเฉินลืมตาขึ้นมองใบหน้าเรียวเล็กขึ้นที่สีเชอรี่ของเธอ พลันนึกอยากลองแบบจูบดูดดื่มบ้าง ความคิดนี้จึงทำให้เขาบดจูบอีกครั้งจนทั้งงานตื่นตะลึง

 

 

อวี๋กานกานยกมือปิดหน้าแต่ก็ยังแหวกร่องนิ้วดูการกระทำทั้งหมด

 

 

ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข

 

 

จริงๆ แล้วลู่เสวี่ยเฉินกับหลินจยาอวี่เคมีเข้ากันมาก พวกเขาแต่งงานกันอย่างนี้แล้ว ยังไงเสียก็นับว่าเป็นพรหมลิขิตที่พิเศษมากจริงๆ อวยพรให้ต่อแต่นี้ไปขอพวกเขาทั้งสองมีแต่ความสุข

 

 

เมื่องานพิธีเสร็จสิ้น ต่อไปก็เป็นงานเลี้ยง

 

 

ซูจือจิ่งเข้ามาทักทายอวี๋กานกาน เธอจึงลุกขึ้นเพื่อตามหาเฮ่าเฮ่าที่เป็นเด็กโปรยดอกไม้

 

 

อวี๋กานกานมองซูจือจิ่งจนลับตาไป จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองมาที่เธอ สายตาร้อนแรงสาดส่องมายังตัวเธอ

 

 

ดูเหมือนสายตาของผู้ชายคนนี้จะจ้องมาเธออยู่ตลอดเวลา

 

 

เมื่ออวี๋กานกานรู้ตัวแล้วว่าถูกมองอยู่ ชายหนุ่มจึงเผยยิ้มบางช้าๆ ทันทีดูอบอุ่นราวกับสายลม

 

 

อวี๋กานกานขมวนคิ้วหันหน้ามองไปอีกทางทาง ผู้ชายคนนี้กำลังส่งสายตาให้เธออยู่หรือไง หากเป็นอย่างนั้นมาตรฐานการส่งสายตาของเขาก็ถือว่ายังต่ำไป

 

 

ชายหนุ่มลุกยืนขึ้นเดินมาทางอวี๋กานกาน จากนั้นแนะนำตัว “ดีครับ ผมจั่วไห่เหวิน จั่วที่หมายถึงข้างซ้าย ไห่ที่หมายถึงทะเล ไม่ทราบว่าคุณคนสวยชื่ออะไรเหรอครับ”

 

 

นี่เรียกจีบเหรอ?

 

 

หากเธอจำไม่ผิดล่ะก็ เขาพึ่งจะอยู่กับเฉียวพั่นเอ๋อร์มานี่ ดูท่าทางสนิทสนมกันรู้สึกเขาน่าจะเป็นแฟนเฉียวพั่นเอ๋อร์ด้วยนี่นา

 

 

อวี๋กานกานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรเหรอคะ”

 

 

จั่วไห่เหวินกระตุกยิ้มมีเสน่ห์แพรวพราวขึ้นที่มุมปาก  “ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณจังเลยครับ ไม่รู้ว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า”

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

นายคนนี้ไม่รู้จริงๆ หรือว่าแสร้งทำเป็นไม่รู้กันแน่

 

 

เธอทราบดีว่าเฉียวพั่นเอ๋อร์ไม่ชอบขี้หน้าเธอ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเฉียวพั่นเอ๋อร์จะพูดถึงเธอต่อหน้านายคนนี้เลยว่าเธอเป็นหมอไม่ดี ใฝ่สูงคบแต่คนมีเงิน

 

 

ถ้าอย่างนั้นแล้วนายจั่วไห่เหวินมาอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ เพื่อต้องการอะไร?

 

 

เห็นได้ชัดว่ามีการสมรู้ร่วมคิดกันหรือเปล่า

 

 

อวี๋กานกานยังไม่ได้ให้คำตอบ ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งวิ่งเข้ามาคว้าแขนจั่วไห่เหวินไปจับไว้ สายตาจ้องเขม็งมาที่อวี๋กานกานอย่างไม่พอใจ ก็เงยหน้าถามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า “อวี๋กานกาน หมายความว่าไง แอบยั่วแฟนฉันลับหลังเหรอ”

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset