ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 369 กรุณาเรียกผมว่าคุณฟัง / ตอนที่ 370 ปลาน้อยกับพี่เจียง

ตอนที่ 369 กรุณาเรียกผมว่าคุณฟัง

 

 

ดวงตาที่เย็นชาไร้ความอ่อนโยนคู่นั้น ทันใดนั้นก็พลันเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวดุดัน ฟังจือหันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาๆ สองคำ “น้องสาว?”

 

 

เขาดึงประตูไปข้างหน้าหนึ่งก้าว บรรยากาศรอบตัวดูแข็งเกร็ง ทำให้คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าประตูอย่างกู้ซูหลิงรู้สึกตัวและก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว

 

 

“ใครเป็นน้องสาวของเธอ” คำพูดสาดใส่ร่างกายของเธอกลับหมายถึงชื่อนี้เธอเรียกไม่ได้ เธอกับหล่อนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน

 

 

คำเตือนที่อันตรายนี้ทำให้กู้ซูหลิงใบหน้าขาวซีด สีหน้าตื่นตระหนกด้วยความหวาดกลัว “ฉัน…”

 

 

เธอพยายามสกัดกลั้นความตื่นกลัวในใจและหัวเราะจืดๆ ออกมา “พี่หันคะ ใจฉันถือว่าเธอเป็นน้องสาวของฉันจริงๆ ยังไงเรื่องของผู้ใหญ่ก็ไม่ควรเคียดแค้นกันมาจนถึงคนรุ่นหลัง”

 

 

ฟังจือหันเปลี่ยนท่าทาง เสียงแหบต่ำเข่นเขี้ยวด้วยความโทสะ “กรุณาเรียกผมว่าคุณฟังด้วย”

 

 

สรรพนามช่างเหินห่างยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก

 

 

แม้กระทั่งการแต่งหน้าที่สวยงามก็ไม่สามารถบดบังความอับอายบนในหน้าของเธอได้ กู้ซูหลิงน้ำตาคลอเบ้า “ทำไมพี่ต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย พวกเรารู้จักกันมาตั้งสิบปีแล้ว เรื่องของน้องสาวในปีนั้น ฉันก็ไม่อยากจะคิด ตอนนั้นฉันยังเด็ก ฉันก็แค่ชอบพี่ อยากเล่นด้วยกันกับพี่…”

 

 

ฟังจือหันกระตุกหัวเราะที่มุมปากด้วยความประชดประชัน

 

 

เขาไม่คงต้องพูดให้มากความ แต่การกระทำก็แสดงให้เห็นชัดเจนอยู่แล้ว

 

 

“ฉันจะตามหาน้องสาวให้เจอ…”

 

 

ในนัยน์ตาล้ำลึกของเขาราวกับน้ำค้างแข็งที่ไม่ละลายมานับพันปี เขาไม่อยากสนใจเธออีกต่อไปจึงถอยหลังสองเก้าปิดประตูใส่หน้าอย่างจัง

 

 

กู้ซูหลิงทำท่ายกมือขึ้นใช้แรงทั้งหมดที่มีเตรียมเคาะประตูแต่กลับหยุดมือได้เสียก่อน

 

 

ตั้งหลายปีมาแล้ว เขายังคงจดจำคนที่ตายไปแล้วคนนั้นได้

 

 

วันนี้เธอยังจำตัวเองในตอนนั้นได้ชัดเจน ครั้งแรกที่ได้เจอกับผู้ชายคนนี้ ในตอนนั้นผู้ชายคนนี้ยังเป็นหนุ่มน้อยคนหนึ่ง

 

 

และครั้งนั้นก็เป็นครั้งแรกที่เธอไปบ้านตระกูลกู้ เธอเจอเขาที่ห้องรับแขกของบ้านกู้ ยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้นราวกับเด็กหนุ่มรูปหล่อในการ์ตูน

 

 

แวบแรกที่เห็นแต่ราวกับรู้จักมานานนับหมื่นปี

 

 

และเด็กหนุ่มคนนั้นก็มองมาที่เธอ ดวงตาและคิ้วคมเข้ม ทั้งร่างดูผู้ดีสง่างามไร้ที่ติ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ลูกของตระกูลธรรมดา

 

 

ตอนนั้นเธอเป็นเพียงแค่ลูกเป็ดขี้เหร่ เขินอายเสียจนอยากหลบซ่อนให้พ้น

 

 

“เธอเป็นใคร” เด็กหนุ่มคนนั้นถามเธอด้วยน้ำเสียงแตกหนุ่มสะอาดเหมือนกับแก้วใสไม่มีสิ่งใดเจือปนเลยสักนิด

 

 

เธอไม่รู้ว่าจะตอบเขาไปอย่างไร สายตาลุกลี้ลุกลนจึงทำได้แค่เอาแต่จ้องผลส้มที่อยู่บนโต๊ะรับแขก

 

 

เด็กหนุ่มเลื่อนสายตามองเธอและมองผลไม้บนโต๊ะจากนั้นจึงหยิบส้มหนึ่งลูกยื่นให้เธอ “กินสิ”

 

 

เธอรู้สึกตกใจที่เด็กหนุ่มยังคงมองมาที่เธอนิ่งๆ แต่เธอกลับรู้สึกได้รับความใจดีและความใส่ใจจากเขา

 

 

ลังเลว่าจะไปข้างหน้าต่อดีหรือเปล่า

 

 

เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นรูปงามราวกับภาพลวงตา เธอกลัวว่าหากเธอเอื้อมมือไปสัมผัสมันจะทำให้เด็กหนุ่มที่ใสสะอาดและบริสุทธิ์นี้ปนเปื้อน

 

 

“พี่เจียง!”

 

 

มีเสียงเรียกอย่างชัดเจนดังมาจากชั้นบน ระหว่างคิ้วที่ขมวดของเด็กหนุ่มก็อ่อนลงมาทันที

 

 

จากนั้นเธอเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งลงมาจากชั้นบน

 

 

เด็กคนนี้คือคุณหนูของตระกูลกู้…กู้เหยียนอวี๋

 

 

กู้เหยียนอวี๋อายุไล่เลี่ยกันกับเธอ ผมยาวๆ ถูกถักเปียสูงทั้งสองข้าง ดวงตานัยน์ตาสีดำกลมโต สวมชุดกระโปรงสีแดงสวยงาม ใบหน้าเล็กขาวผ่องราวกับถูกแสงอาทิตย์สะท้อนลงมา ทั้งน่ารักทั้งสวย สวยหรูราวกับเจ้าหญิงน้อยในยุคกลาง

 

 

เมื่อเทียบกับกู้เหยียนอวี๋ เธอรู้สึกว่าตัวเองอับอายขึ้นมาทันที

 

 

เหมือนจะรู้ตัวดี เธอจึงวิ่งไปหลบอยู่ที่หลังตู้

 

 

“ปลาน้อย” เด็กหนุ่มจ้องมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยใบหน้าที่มีความสุข ส้มที่เขาอยากจะมอบให้เธอก็ถูกโยนลวกๆ กลับไปที่จานผลไม้

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 370 ปลาน้อยกับพี่เจียง

 

 

เด็กหนุ่มมองเด็กสาวถือรองเท้าไว้ในมือ สายตามองไปเห็นเท้าขาวๆ จึงรีบตีหน้าขรึม “ไม่ใส่รองเท้าแล้ววิ่งมาได้ยังไงเนี่ย”

 

 

เด็กสาวทำท่าอ้อนหวานๆ “หนูรีบมาหาพี่เจียงไงคะแล้วใส่รองเท้ามันทำให้วิ่งช้า”

 

 

“รีบใส่รองเท้าเลยนะ”

 

 

ใบหน้าของเด็กน้อยเปื้อนด้วยรอยยิ้มสดใสไร้เดียงสา พยักหน้าหงึกหงักจากนั้นจึงนั่งลงที่โซฟาเอารองเท้ายื่นให้เด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มคุกเข่าลงข้างๆ เธอและช่วยเธอสวมรองเท้า

 

 

“พี่เจียงคะ พี่พาหนูออกไปกินล่าเถียว[1]ได้ไหมคะ”

 

 

“ไม่ได้ครับ คุณลุงบอกว่าหนูกินเผ็ดไม่ได้”

 

 

“แต่ว่าหนูชอบกินเผ็ดนี่คะ อยากกินมากๆ เลยค่ะ อยากกินๆ จริงๆ อยากกินม๊ากมากๆๆ”

 

 

“ไม่ได้จริงๆ”

 

 

“ครั้งเดียวเอง นะๆ” เด็กน้อยยกนิ้วชี้ขึ้นและขยับเข้าหาเพื่อออดอ้อนเด็กหนุ่ม

 

 

“นั่นก็ไม่ได้อีก ปลาน้อยอย่าดื้อ”

 

 

เมื่อออดอ้อนไม่ได้ผลเด็กน้อยจึงเบะปาก ใบหน้าน้อยๆ จ้องเขาอย่างเศร้าสร้อย

 

 

ความเย็นชาและความเข้มแข็งของเด็กหนุ่มคงอยู่เพียงสองวินาทีก่อนที่เขาจะยอมแพ้ เขากดเสียงต่ำลงและพูดด้วยเสียงเบาๆ “อืม แค่ครั้งเดียว ครั้งหน้าไม่มีอีกแล้วนะครับ”

 

 

“อื้มๆ” เด็กน้อยรีบยกยิ้มชูสองแขนขึ้นสูงๆ “พี่เจียงคะ ให้หนูขี่หลังๆ”

 

 

เด็กหนุ่มจึงรีบไปคุกเข่าข้างหน้าเธอ เด็กน้อยปีนไปที่หลังของเขาสองแขนกอดรอบคอเขาเหมือนกับว่ากำลังทำท่าขับรถอยู่ “ปิ๊มๆๆ ไปเลยค่ะ ไปเลย”

 

 

เธอทำได้แค่มองเด็กสาวขี่หลังเด็กหนุ่มเดินไกลออกไปอยู่อย่างนี้จนลับตาหายไปจนสุดแสง

 

 

ในตอนนั้นเธอรู้สึกว่าระหว่างเธอกับเด็กหนุ่มและเด็กผู้หญิงคนนั้นช่างห่างไกลราวกับอยู่ในหุบเหวลึกมองดาวบนฟ้า ไกลจนทำอย่างไรก็ไม่อาจเอื้อมถึง

 

 

เธอลืมกู้เหยียนอวี๋คนนี้ไปแล้ว

 

 

แต่ฉากๆ นี้ยังคงอยู่ในความทรงจำทำอย่างไรก็ไม่เลือนหายไปได้

 

 

เธอบอกกับตัวเองว่า เธอต้องมีทุกสิ่งที่ต้องการ ทั้งคฤหาสน์ ชุดกระโปรงสวยๆ ตุ๊กตาที่นับไม่ถ้วน เงินทอง อำนาจ ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา เธอต้องมีทุกสิ่งที่เธอต้องการทั้งหมดให้ได้

 

 

เด็กผู้หญิงคนนั้นหายสาบสูญไปแล้ว

 

 

ทุกสิ่งทุกอย่างที่กู้เหยียนอวี๋เคยมี ตอนนี้ได้ตกเป็นของเธอทั้งหมด

 

 

นอกเสียจาก…ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคนนั้น

 

 

สิบห้าปีแล้วที่เธอแอบชอบผู้ชายคนนั้น ชอบมาตั้งสิบห้าปี แอบชอบเขาเสียจนเหมือนเป็นชีวิตจิตใจละลายเข้าเลือดเข้าเนื้อไปแล้ว

 

 

ไม่สนว่าเขาจะเย็นชาตีตัวออกห่างเพียงใด เธอก็ไม่เลือกที่จะยอมแพ้

 

 

ชีวิตที่สมบูรณ์แบบของเธอไม่อนุญาตให้เธอยอมแพ้และไม่อนุญาตให้เธอปล่อยผ่านไปเด็ดขาด

 

 

กู้ซูหลิงหันหลังเดินออกไป

 

 

หลังจากขึ้นรถ อารมณ์ที่อัดอั้นก็ระเบิดอย่างรวดเร็วและมือของเธอก็กระแทกพวงมาลัยอย่างแรง

 

 

คนตายไปแล้วแต่ยังอยู่ในความทรงจำ คนที่ยังอยู่ไม่มีทางเปรียบเทียบได้

 

 

เทียบไม่ได้กับคนตายไปแล้วคนนั้น หรือว่าเทียบกับอวี๋กานกานคนนี้ไม่ติด

 

 

แค่แพทย์แผนจีนคนหนึ่ง

 

 

กู้ซูหลิงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออก “ครั้งก่อนที่ให้แกตามสืบอวี๋กานกาน ตามสืบไปถึงไหนแล้ว ฉันอยากรู้ว่ามันกับฟังจือหันรู้จักกันได้ยังไงแล้วคบกันได้ยังไงคบกันมานานแค่ไหนแล้ว มันเคยคบใครมาก่อนหรือเปล่า ฉันต้องรู้ทุกเรื่องทั้งหมดนี้ให้ได้!”

 

 

“คุณหนูกู้ครับ มีใครบางคนขัดขวางไม่ให้เราสืบข้อมูลเบื้องลึกของอวี๋กากาน อีกทั้งยังทำลายข้อมูลต่างๆ ของอวี๋กานกานไปเยอะด้วย พวกเราสงสัยว่าคนๆ นั้นก็คือจือหัน”

 

 

ทำไมฟางจือหันถึงได้ทำลายข้อมูลของอวี๋กานกาน เพราะอะไรถึงไม่อนุญาตให้คนอื่นสืบเรื่องอวี๋กานกาน

 

 

อวี๋กานกานมีอดีตอะไรถึงให้คนอื่นรู้ไม่ได้

 

 

ถ้าหากถูกคนเปิดโปงขึ้นมาล่ะ จะเป็นการทำลายอวี๋กานกานหรือไม่

 

 

กู้ซูหลิงแสยะยิ้มเยือกเย็น

 

 

หากเป็นอย่างที่คิดจริงๆ เธอจะต้องขุดออกมาให้ได้!

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] ล่าเถียว  ขนมแผ่นรสเผ็ดชาลิ้นเสฉวน ขนมทานเล่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของจีนผลิตจากแผ่นแป้งหนึบๆ คลุกเคล้าด้วยซอสพริกหมาล่า

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset