ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 385 คุณเป็นเด็กดื้อของผม (3) / ตอนที่ 386 คุณเป็นเด็กดื้อของผม (4)

ตอนที่ 385 คุณเป็นเด็กดื้อของผม (3)  

 

 

ภายนอกเป็นสีขาวปกคลุมไปด้วยหิมะและสายลมที่พัดโชย แต่ภายในรถนั้นกลับอบอวลไปด้วยความรักและความเสน่หา   

 

 

“จากนี้ไปอย่าทิ้งฉันไปอีก!” เสียงแหบของเขาแผ่วเบากลับเผยให้เห็นความแข็งแกร่งที่มั่นคง  

 

 

อวี๋กานกานผ่อนคลายคิ้วที่ขมวด เอนตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างเชื่อฟังและลดสายตาลงอย่างเขินอาย  

 

 

ทั้งเขินทั้งประหม่า  

 

 

ใบหน้าแดงระเรื่อ รู้สึกอึดอักอยากออกไปนั่งข้างนอก “แม้…แม้ว่าฉันจะตกปากรับคำเป็นแฟนคุณ ยอมอยู่กับคุณแล้ว คุณก็ไม่สามารถทำรุ่มร่ามได้”  

 

 

เสียงอันแผ่วเบาดังก้องอยู่ในใจดูเหมือนจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา  

 

 

ลมหายใจหยุดนิ่งไม่ถึงหนึ่งวินาที ฟังจือหันจ้องเธอ รอยยิ้มในดวงตาของเขาไม่สามารถซ่อนมันได้  

 

 

นิ้วอุ่นชื้นสัมผัสแก้มของเธอและเขาก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “โอเค!”  

 

 

อวี๋กานกานยิ้มโล่งอก  

 

 

เธอหยิบกล่องเน็คไทออกมาและยื่นให้ฟังจือหัน “นี่ฉันเห็นมันตอนที่ฉันไปซื้อของกับหลินจยาอวี่วันนั้น จยาอวี่บอกว่ามันเหมาะกับคุณดี เธอบอกว่าฉันไม่เคยซื้อของขวัญให้คุณ ดังนั้นฉันก็เลยซื้อติดมือเส้นหนึ่งคุณดูสิว่าโอเคไหม”  

 

 

ฟังจือหันไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่มองเธออย่างพินิจเงียบๆ  

 

 

จ้องเงียบๆ แบบนี้ดูเหมือนมีความสงสัยและด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง อวี๋กานกานถูกเขามองจนไม่เป็นตัวของตัวเอง  

 

 

เธอเอ่ยเบาๆ “อันนั้น…ถ้าหากคุณไม่ชอบก็ช่างมันเถอะ เดี๋ยวฉันเอาไปให้อาจารย์ใช้ก็ได้”  

 

 

พูดจบก็ฉวยหยิบเน็คไทคืนมา  

 

 

ฟังจือหันยื่นมืออย่างรวดเร็วดึงเน็คไทกลับมา แถมยังเคาะมะเหงกเธออีก “ของที่ให้ผม มีอย่างที่ไหนเก็บคืนกลับไปให้คนอื่นอีก”  

 

 

อวี๋กานกานลูบหัวป้อยๆ “คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเอา”  

 

 

“แค่คุณให้ผม ผมก็เอาหมดแหละ”  

 

 

ทันใดนั้นเสียงของเขาก็แฝงความเจ้าเล่ห์ อวี๋กานกานไม่รู้ว่าทำไมและทันใดนั้นก็รู้สึกมีสีสันขึ้นมาเล็กน้อย  

 

 

เธอเม้มปาก “ถ้าเกิดฉันแทงคุณขึ้นมา คุณก็จะเอางั้นเหรอ”  

 

 

ฟางจือหานหยิบเน็คไทขึ้นมาคล้องคออวี๋กานกาน “คุณเป็นยัยโรคจิตจริงๆ”  

 

 

อวี๋กานกานเตือน “ต่อไปห้ามเรียกฉันว่าโรคจิต”  

 

 

“งั้นเรียกคุณว่าอะไรดี เด็กดื้อ? ได้ คุณเป็นเด็กดื้อของผม”  

 

 

น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำดึงดูด ปลายน้ำเสียงนั้นยกขึ้นเล็กน้อยราวกับถูกห่อหุ้มด้วยน้ำผึ้งเหนียวติดหนึบอยู่ในหัวใจของเธอ  

 

 

อวี๋กานกานอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ชื่ออะไรแปลกๆ ที่คุณตั้งให้ ถ้าไม่ใช่ยัยโรคจิตก็เป็นเด็กดื้อ ฉันชื่อ อวี๋กานกาน เรียกฉันว่ากานกานไหมหรือเรียกเสี่ยวอวี๋ก็ได้”  

 

 

ฟังจือหันยิ้มมองเธอดวงตาสดใส เขาไม่ได้ใส่ใจปัญหานี้ต่อเพียงแต่ถามเธอขึ้นมา “อาจารย์ของคุณ…”  

 

 

“อาจารย์ฉันทำไมเหรอคะ”  

 

 

“เรื่องของพวกเรา”  

 

 

มองสายตาของเขาอวี๋กานกานกระพริบตาปริบๆ “คุณหมายความว่าให้บอกอาจารย์เรื่องของเราเหรอ คะ นั่นมันแน่อยู่แล้ว ไว้พรุ่งนี้ฉันจะบอกเขาเองค่ะ”  

 

 

ฟังจือหันมองเธอด้วยความรู้สึกสับสน “ถ้าหากอาจารย์ของคุณไม่ยอมให้เราคบกันล่ะ”  

 

 

อวี๋กานกานไม่เคยคิดเกี่ยวกับคำถามนี้ เธอส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้ อาจารย์ของฉันเป็นคนเปิดกว้าง เขาจะไม่เห็นด้วยได้ยังไง ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์เอ็นดูฉันมาก เขาสนับสนุนทุกอย่างที่ฉันชอบ”  

 

 

ฟังจือหันยิ้มไม่พูดอะไร  

 

 

อวี๋กานกานพูดขึ้นมาด้วยความกังวลเล็กน้อย “แต่ตอนนี้ฉันยังตามหาคนที่ผลักอาจารย์ไม่เจอ เลยกังวลนิดหน่อย กลัวว่าคนนั้นจะกลับมาทำร้ายอาจารย์อีก”  

 

 

ฟังจือหันกุมมือเธอเอาไว้ “วางใจเถอะ ไม่ว่าจะเกิดอะรขึ้นยังมีผมอยู่”  

 

 

คำธรรมดาไม่กี่คำนั้น แต่มันเป็นคำสัญญาที่จริงใจที่สุด แม้ว่าจะเดินคนเดียวในคืนที่มืดมิดก็ยังมีแสงสว่างมากมาย  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 386 คุณเป็นเด็กดื้อของผม (4)  

 

 

อวี๋กานกานจ้องมือที่จับกุมของฟังจือหันเอาไว้ เธอกระชับมือตอบไป  

 

 

มีคนกล่าวไว้ว่า “ไม่ว่าจากเป็นหรือตายจากกันเราก็ยังอยู่ด้วยกัน นี่เป็นคำสัญญาระหว่างเรา” คำมั่นสัญญาที่โบราณและหนักแน่นนี้ก็เป็นแค่เรื่องเล่าที่โรแมนติกและงดงามเท่านั้น  

 

 

แต่ว่าเธออยากจะจับมือเขาแล้วค่อยๆ ก้าวไปบนทางที่แสนยาวไกลและผ่านทุกข์สุขไม่แยกจากกัน  

 

 

มุมปากของฟังจือหันยกเป็นรอยยิ้มแสนเอ็นดู เอาแต่มองตามอวี๋กานกานที่วิ่งเข้าคอนโด  

 

 

พอเห็นอวี๋กานกานยืนอยู่ริมหน้าต่างห้องนอนพลางโบกมือให้เขาแล้วจึงเลื่อนสายตากลับมาขับรถออกไป  

 

 

แววตาก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เขาใช้หูฟังบลูทูธต่อสายโทรศัพท์ “ทางด้านเจียงไป่อันตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”  

 

 

“ตอนนี้เจียงไป่อันกับเฉียวพั่นเอ๋อร์อยู่ด้วยกัน การกลับมาของเหอสือกุยทำให้พวกเขาหวาดระแวงอย่างที่สุด พวกเขาอยากจะใช้วิธีการขายตัดราคาหุ้นบริษัทอันเหอให้ต่ำที่สุด”  

 

 

“จับตาดูต่อไป”  

 

 

ตอนนี้เจียงไป่อันราวกับถูกเมฆหมอกมืดครึ้มปกคลุมอยู่จริงๆ ด้วย  

 

 

หนุ่มเจ้าสำราญในช่วงปกติที่สง่าผ่าเผยไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้ว ผมเผ้ายุ่งเหยิงหน้าตามอมแมมเสียยิ่งกว่าเหอสือกุย  

 

 

บริษัทอันเหอเพื่อสุขภาพทำให้เขาสูญเสียอย่างรุนแรง ร้อนอกร้อนใจไปทั้งตัวจนแทบจะเป็นบ้าแล้ว การจะรักษาบริษัทอันเหอเอาไว้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยและเหอสือกุยกลับมาเสียอย่างนั้น  

 

 

ช่างเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเสียจริง  

 

 

คนที่เห็นชัดๆ ว่าตายไปแล้วทำไมยังกลับมาได้อีกกัน  

 

 

หลายวันมานี้เจียงไป่อันโมโหเสียจนขว้างโทรศัพท์มือถือพังไปไม่รู้กี่เครื่องแล้ว  

 

 

แต่เฉียวพั่นเอ๋อร์ลนลานเสียยิ่งกว่าเขาอีก เอ่ยถามด้วยความกังวลใจ “ตอนนี้ทำยังไงดี เหอสือกุยกลับมาแล้ว ตอนที่เขาจะโดนผลักลงไปรู้หรือไม่ว่าเป็นเฉาเจียน แล้วผู้จัดการเฉาคนนี้ไว้ใจได้ไหม และเขาจะโยงมาถึงพวกเรารึเปล่า”  

 

 

เฉาเจียน ผู้จัดการบริษัทอันเหอเพื่อสุขภาพ  

 

 

เจียงไป่อันมองเธอด้วยสายตาเย็นชา “เธอจะร้อนรนทำไม ถ้าเขารู้ก็คงพูดไปตั้งนานแล้ว เดี๋ยวตำรวจก็คงมาจับตัวเฉาเจียนไปแล้ว ตำรวจไม่ได้มา เห็นในชัดว่าแม้เหอสือกุยจะกลับมาแล้วน่าจะไม่รู้ว่าคนที่ผลักเขาเป็นใคร”  

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์ “…”  

 

 

นายไม่ร้อนใจแล้วนายเขวี้ยงโทรศัพท์มือถือเยอะขนาดนั้นทำไม  

 

 

เจียงไป่อันเดินกลับไปกลับมาหลายรอบแล้วค่อยพูดขึ้น “เธอกับอวี๋กานกานไม่ใช่ว่าสนิทกันมากเหรอ เธอลองแอบๆ ถามเรื่องเหอสือกุยสักหน่อย ดูซิว่าเขารู้ว่าใครเป็นคนผลักเขาหรือไม่กันแน่”  

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์ปฏิเสธโดยสัญชาตญาณ “นายรู้ไหมว่าระหว่างฉันกับอวี๋กานกานเกิดอะไรขึ้น ความสนิทที่ไม่ได้สนิทจริงๆ พวกเราเข้ากันไม่ได้เลย ฉันถามไปก็ไม่ได้อะไรกลับมาหรอก ให้ผู้จัดการเฉาไปเสียยังดีกว่า”  

 

 

เจียงไป่อันปฏิเสธ “ช่วงนี้เฉาเจียนยังไม่ได้ งั้นเดิมทีเหอสือกุยยังนึกไม่ออกว่าคนที่ผลักเขาเป็นใคร ผลคือพอเห็นเฉาเจียนกลับนึกออกขึ้นมาแบบนั้นก็ซวยเลย”  

 

 

ดังนั้นงั้นก็มีแค่เธอที่สามารถไปลองดูแล้ว  

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์หวาดหวั่นอยู่ในใจ  

 

 

ความหวั่นกลัวกระจายไปทั่วร่าง เหอสือกุยตายไปแล้วชัดๆ ทำไมถึงได้มีชีวิตกลับมาอีกกัน  

 

 

หากบริษัทอันเหอเพื่อสุขภาพจบลงแล้ว งั้นเรื่องราวถูกเปิดเผยแล้ว โรงพยาบาลของตระกูลเฉียวไม่ใช่ว่าก็จบเห่ทั้งหมดหรอกเหรอ  

 

 

เหอสือกุย เหอสือกุย  

 

 

ทำไมไม่ตาย  

 

 

อวี๋กานกานรู้สึกล่องลอยไปทั้งตัวจนไม่รู้ว่าคืนนี้หรือคืนไหน  

 

 

นิ้วมือของเธอแตะไปบนกลีบปากของตนเอง แก้มค่อยๆ แดงซ่านขึ้นมาเล็กน้อย เธอมีความรักแล้ว เธอคบกับฟังจือหันแล้ว ที่ยิ่งทำให้เธอมีความสุขไปอีกคืออาจารย์ของเธอก็กลับมาแล้ว  

 

 

“แฟนหนุ่ม”  

 

 

เธอท่องสองคำนี้เบาๆ พลางรู้สึกราวกับกระดิ่งลมที่ดังเบาๆ อย่างไพเราะเสนาะหูอย่างบอกไม่ถูก  

 

 

อวี๋กานกานตื่นเต้นจนนอนไม่หลับพลางพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง   

 

 

เธอคว้าโทรศัพท์มือถือมาส่งข้อความให้ฟังจือหัน เป็นสองคำที่เธอเพิ่งจะท่องไปเมื่อสักครู่นี้ “แฟนหนุ่ม”  

 

 

ฟังจือหันก็ตอบเธอกลับมาไวมากด้วยคำสามคำ “เป็นสามี”  

 

 

อวี๋กานกานเอียงหัวมอง พลันอดหัวเราะออกมาเสียไม่ได้  

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset