ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 413 รักผมจนหลง ถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่แต่ง (3) / ตอนที่ 414 รักผมจนหลง ถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่แต่ง (4)

ตอนที่ 413 รักผมจนหลง ถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่แต่ง (3)

 

 

พูดไป เธอก็เอนตัวไปทางด้านหลังนิดหน่อย ตาสบตากับปู่เจียง

 

 

เธอเอ่ยถาม “คุณมองฉันแบบนี้ทำไม คุณคงไม่คิดหยาบคายว่าฉันทำร้ายหลานชายคุณ จากนั้นก็คิดจะแก้แค้นฉันหรอกนะ”

 

 

ปู่เจียงทำหน้าเคร่งขรึม “ฉัน ตาแกเป็นคนจำพวกไม่มีเหตุผลเหรอ”

 

 

อวี๋กานกานตอบอย่างจริงจังมาก “ใช่ค่ะ”

 

 

ปู่เจียงโมโหแล้ว ยกมือชี้ไปที่ประตู “ไสหัวไป รีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้ หลังจากนี้ไม่อนุญาตให้มาบ้านเจียงของเราอีกแล้ว”

 

 

“คุณให้ฉันไสหัวไป ฉันก็ไป งั้นฉันก็คงหน้าบางมาก” อวี๋กานกานส่งยิ้มหวานให้เขา และยังจับมือเขาเอาไว้ “ฉันไม่เพียงจะไม่ไป ฉันยังจะค่อยๆ จับชีพจรให้คุณ ถือโอกาสตรวจคุณสักหน่อยว่าจะโมโหจนตายไหม”

 

 

ปู่เจียงอารมณ์ไม่ดี จู่ๆ ก็ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี

 

 

ปู่เจียงหน้าดำเหมือนถ่าน ดูโมโหมาก แต่ก็ไม่ได้ผลักมือที่จับชีพจรของอวี๋กานกานออก

 

 

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง อวี๋กานกานก็ดึงมือกลับและพูดพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เลว ร่างกายของท่านยังถือว่าแข็งแรง ไม่ให้โมโหชั่วคราว ฉันต้องรีบไปแจ้งเจียงฉี่ ให้เธอไม่ต้องเป็นห่วงเกิน วันนี้เธอร้องไห้ตลอดทางกลับบ้านเจียงเลย ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอเอาน้ำตามากขนาดนั้นมาจากไหน เป็นห่วงเธอว่าจะร้องไห้จนหมดสติไปจริงๆ”

 

 

ปู่เจียงเหม่อ พึมพำออกมาเบาๆ “เสี่ยวฉี่เป็นเด็กดีคนหนึ่ง น่าเสียดายที่เธอเป็นเด็กผู้หญิง”

 

 

นี่ถึงได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขามากที่สุด ทั้งใส่ใจที่สุด ขณะเดียวกันก็เป็นเด็กที่เขารักใครที่สุด

 

 

น่าเสียดายที่เธอเป็นเด็กผู้หญิง อายุก็น้อยอีก ไม่งั้นเขาจะต้องมอบตระกูลเจียงให้เธอแน่

 

 

อวี๋กานกานเงียบไป ไม่เถียงกับเขาอีกแล้ว

 

 

ปู่เจียงค่อนข้างไม่ชินในชั่วขณะ สายตามองจ้องอวี๋กานกานพลางเอ่ยถามอย่างแปลกๆ “นี่ ตอนนี้ทำไมถึงไม่เถียงมาล่ะ”

 

 

“คุณพูดถูก ทำไมฉันต้องเถียงด้วย ฉันเป็นคนจำพวกไร้เหตุผลเหรอคะ”

 

 

ตอนนี้ถึงตาปู่เจียงที่เลียนแบบน้ำเสียงกับสีหน้าของอวี๋กานกานเมื่อสักครู่ “ใช่แล้ว”

 

 

อวี๋กานกานหน้าแดง “…”

 

 

“เด็กคนนั้นถ้านิสัยดีพอกับเสี่ยวฉี่บ้างก็คงดี” ปู่เจียงพลันพึมพำออกมาประโยคหนึ่ง แววตาเจือความเศร้าโศกเล็กน้อยพลางมองไปข้างหน้า

 

 

อวี๋กานกานหันไปมองด้านหลัง ที่กำแพงห้องมีภาพวาดพู่กันจีนแขวนเอาไว้ภาพหนึ่ง ในรูปเขียนไว้ว่า “ครอบครัวรักใคร่เจริญมั่งคั่ง” ห้าคำ สไตล์งดงาม หมึกดำตวัดทันสมัย แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นลายมือของคนมีชื่อเสียง

 

 

ความหมายของห้าคำนี้ไม่ธรรมดา

 

 

เด็กคนนั้นที่ชายแก่พูดถึงเมื่อสักครู่คงหมายถึงเจียงไป่อัน

 

 

เจียงฉี่มีนิสัยอ่อนเกินไป เจียงไป่อันมีนิสัยใจร้อนเกิน ถ้าลดลงหน่อยก็ไม่เลวเลยจริงๆ

 

 

ที่จริงเธอสามารถเข้าใจความเสียใจของปู่เจียงได้

 

 

เจียงไป่อันคนนี้ถึงอย่างไรก็เป็นหลานชายของเขา

 

 

ตอนที่ปู่มีชีวิตอยู่ มีบางครั้งก็ทำตัวผิดหวังมากกลับทำได้เพียงแค่ด่าไม่กี่คำ แต่ไม่อะไรมากจริงๆ

 

 

ปู่เจียงถามอวี๋กานกาน “เธอรู้หรือไม่ ในงิ้วปักกิ่งมีบทละครชื่อดังเรื่องหนึ่งชื่อว่า ฆ่าสุนัขขอร้องสามี”

 

 

อวี๋กานกานส่ายหน้า เธอไม่เคยฟังงิ้วปักกิ่งมาก่อนเลย

 

 

“การแสดงนี้เล่าถึงพี่น้องที่แยกบ้านคู่หนึ่ง เพราะพี่คนโตยากจนและไม่มีอาหารประทังชีวิต ดังนั้นจึงไปยืมพี่ชายคนรอง แต่พี่ชายคนรองยอมเอาเงินไปเลี้ยงข้าวเพื่อนเสเพลเสียดีกว่าจะยอมให้พี่คนโตยืมไป ภรรยาของพี่คนรองเป็นหญิงสาวที่จิตใจดีคนหนึ่ง เห็นพี่ชายคนรองไม่สนใจความเป็นพี่น้อง กินดื่มสำเริงสำราญอยู่กับเพื่อนเสเพลตลอดทั้งวันจึงวางแผนเอาไว้ เธอตีสุนัขตายตัวหนึ่ง หลังจากนั้นก็หลอกว่าหมาตัวนั้นเป็นคน แล้วก็ไปหาพี่ชายคนรองบอกว่าตนเองฆ่าคนตาย พี่ชายคนรองได้ยินก็หวาดกลัวเป็นอย่างมากจึงขอร้องให้เพื่อนเสเพลช่วยเหลือ ผลคือเพื่อนเสเพลไม่ช่วยก็เท่านั้นแล้ว กลับยังถือโอกาสข่มขู่อีก ถ้าไม่ให้เงินก็จะแจ้งว่าภรรยาของพี่ชายคนรองเป็นฆาตกร”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 414 รักผมจนหลง ถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่แต่ง (4)

 

 

“คุณกำลังอยากให้ฉันขอร้องฟังจือหันให้เขาปล่อยเจียงไป่อันใช่ไหมคะ” อวี๋กานกานพอฟังแล้วก็เข้าใจความคิดของชายแก่คนนี้

 

 

เธอเอ่ยอย่างหดหู่ “ลูกหลานย่อมมีทางรอดของพวกเขา คุณไม่ควรคิดมากเกินไปเลยจริงๆ”

 

 

“รอให้ถึงวันที่เธออายุเท่าฉันในตอนนี้เธอก็จะเข้าใจ”

 

 

ครอบครัวไหนไม่มีเด็กที่ให้เป็นห่วงบ้าง หรือไม่เป็นไปตามที่หวังก็จะทอดทิ้งเด็กแล้ว ไม่สนใจแล้วเหรอ

 

 

อวี๋กานกานคิดแล้วก็พูดออกมา “ฉันก็อยากเล่าเรื่องหนึ่งให้คุณฟัง”

 

 

เธอลุกขึ้น เดินไปตรงชั้นหนังสือในห้องและหยิบ ‘สื่อจี้’ ออกมาเล่มหนึ่ง

 

 

“ช่วงต้นยุคชุนชิว เจิ้งจวงกงผู้ครองแคว้นองค์ที่สามแห่งแคว้นเจิ้ง ตั้งแต่เด็กไม่ได้รับความรักจากมารดาของเขา มารดารักใคร่ลูกชายคนเล็กของเธอ ซึ่งก็คือน้องชายของเจิ้งจวงกง ซูตวน มารดายอมตามใจลูกชายคนเล็กคนนี้มาก ต่อให้เขาทำผิดก็ไม่มีทางทำโทษอย่างเด็ดขาด จนกระทั่งซูตวนเลวร้ายขึ้น ตั้งใจควบคุมครึ่งหนึ่งของแคว้นเจิ้ง ดังนั้นจึงมีพวกร่วมกับซูตวนก่อความวุ่นวายอยู่เบื้องหลัง…เรื่องนี้บอกพวกเราว่าไม่อาจตามใจลูกจนเสียคนได้อย่างเด็ดขาด อดกลั้นอย่างขาดคุณธรรม งั้นก็เป็นแค่การแสร้งไม่รู้ไม่เห็นให้เขาทำชั่วต่อไป เดินไปบนทางที่ไม่มีทางย้อนกลับ”

 

 

ชายแก่นวดระหว่างคิ้วอย่างเหนื่อยล้าและเอนตัวไปข้างหลังเพื่อพิงหัวเตียง

 

 

อวี๋กานกานมองเขา แววตาจริงจังและจดจ่อ “ไม่ว่าเป็นใครต่างก็ต้องรับผิดชอบในเรื่องที่ตัวเองเคยทำ เจียงไป่อันเขาทำเรื่องผิดพลาดมากขนาดนั้น ทำร้ายคนมามากมาย ไม่มีทางที่จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้เป็นแบบนี้ก็ไม่ต้องโทษคนอื่นเลย จุดสำคัญยังคงเป็นตัวเขาเองที่เป็นคนทำ ถ้าเขาจะฆ่าตัวตาย สวรรค์ยังห้ามไม่อยู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนทั่วไปเลย”

 

 

ชายแก่หัวเราะฝืด

 

 

“เอาล่ะ เธอออกไปเถอะ ฉันจะนอนพักครู่หนึ่ง”

 

 

เหตุผลใครจะไม่เข้าใจ แต่ตอนที่เรื่องราวเกิดขึ้นกับตนเองจะมีใครเข้าใจจริงๆ บ้างล่ะ

 

 

อวี๋กานกานไม่ได้ออกไป มือทั้งสองเท้าคาง มองเขาด้วยแววตาที่ทั้งสงบเสงี่ยมและอ่อนโยน

 

 

ปู่เจียงหรี่ตา ตอนที่ยัยเด็กขี้เหร่อารมณ์ดี ทำไมทำให้รู้สึกน่ากลัว

 

 

“มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆ พูดจบแล้วก็รีบไสหัวไป!” ปู่เจียงใช้อำนาจไล่แขกอย่างเอาแต่ใจ

 

 

“ฉันอยากบอกคุณสักหน่อย ฉันตอบรับที่หลานชายคุณตามจีบแล้ว”

 

 

ปู่เจียงอึ้งไปครู่เดียวแล้วแหวออกมาทันที “ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอหลอกฉัน บอกไม่อยากคบกับหลานชายฉันก็เพื่อหลอกให้ตายใจ ยัยเด็กขี้เหร่ จอมวางแผน!”

 

 

อวี๋กานกานยิ้มอย่างอ่อนโยน สงบเสงี่ยม “คุณจะพูดยังไงก็ตามใจ ถึงอย่างไรฉันก็ตัดสินใจว่าต่อไปจะแต่งกับหลานชายคุณแล้ว”

 

 

ปู่เจียงหัวเราะประชดประชัน “แค่คบกัน หลานชายฉันอาจจะไม่แต่งกับเธอก็ได้ เธอรีบร้อนอะไร”

 

 

อวี๋กานกานพูดอย่างขุ่นเคือง “ในเมื่อจะกลายเป็นหลานสะใภ้ในอนาคตของคุณ งั้นฉันก็ต้องใส่ใจสุขภาพคุณเป็นธรรมดา ไม่งั้นหลังจากนี้ฉันยังต้องดูแลคุณอีก”

 

 

ปู่เจียงเบิกตาโต “ฉันรับปากให้เธอแต่งเข้าบ้านเราแล้วเหรอ”

 

 

บทสนทนาของทั้งคู่ดูเหมือนไม่ไปทิศทางเดียวกัน อวี๋กานกานเอ่ยขึ้นมาอีก “นับตั้งแต่ตอนนี้ไป คุณจะต้องนอนเร็วตื่นเร็วทุกวัน กินอาหารให้ตรงเวลา”

 

 

ปู่เจียงด่า “ไม่เคยเจอยัยเด็กที่หน้าหนาแบบนี้มาก่อน”

 

 

อวี๋กานกานพูดกับตนเองต่อ “การนอนหลับสำคัญมาก แต่ว่าไม่อาจนอนอยู่บนเตียงได้ตลอดทั้งวัน ทุกๆ วันคุณต้องเดินเล่นสักพัก”

 

 

“ฉันเดินเล่นทุกวันอยู่แล้วตกลงไหม”

 

 

“ไม่ให้ดื่มชารสเข้มเกินไป”

 

 

“…นั่นไม่ได้แน่นอน”

 

 

“ไม่ได้ก็ต้องได้ ไม่ให้กินของทอดมัน เนื้อย่างดำหมักดอง เจียงฉี่บอกว่าคุณชอบกินปลาเค็ม จะกินไม่ได้อย่างเด็ดขาด

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset