ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 475 โรคเรื้อรัง อาหารเป็นพิษ (1) / ตอนที่ 476 โรคเรื้อรัง อาหารเป็นพิษ (2)

ตอนที่ 475 โรคเรื้อรัง อาหารเป็นพิษ (1)

 

 

อวี๋กานกานยังไม่วางใจเรื่องอาจารย์เหม่ยเหริน จึงโทรศัพท์ถึงเพื่อนที่เมืองไป๋หยางเพื่อยืนยันว่าการสร้างถนนหนานเจิ้นเริ่มย้ายออกแล้ว

 

 

เธอเดาว่าตนเองจะคิดมากเกินไป

 

 

ถ้าอยู่เรียนรู้ที่เมืองหลวง เธอก็นึกถึงผู้อาวุโสหวงในทันที

 

 

ผู้อาวุโสหวงไม่เพียงเป็นตัวแทนแห่งแพทย์แผนจีนดั้งเดิม ด้วยตำแหน่งคณบดีแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ขณะเดียวกันยังเป็นผู้อำนวยการชื่อดังแห่งมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนในเมืองหลวงอีกด้วย รวมถึงเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญาเอก

 

 

แต่ก่อนผู้อาวุโสหวงตั้งใจให้เธอไปรับเคสที่หอแพทย์หลวง ในเมื่อเธอตัดสินใจอยู่เมืองหลวงต่อ หอแพทย์หลวงเป็นตัวเลือกดีที่สุด

 

 

หอแพทย์หลวงเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนเมืองหลวง ใช้ผู้เชี่ยวชาญโรคเฉพาะทางเป็นพื้นฐาน ที่นี่ไม่เพียงมีชื่อเสียงเก่าแก่ระดับประเทศตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ยังมีผู้เชี่ยวชาญกับแพทยศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตที่เป็นวัยรุ่นมากความสามารถ รอบรู้ทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย

 

 

ที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่คุณปู่เคยอยู่แต่ก่อน อวี๋กานกานก็เคยจินตนาการว่าตนเองจะได้ดูแลรักษาคนไข้ที่นี่

 

 

อวี๋กานกานโทรศัพท์หาผู้อาวุโสหวง วันนี้ผู้อาวุโสหวงอยู่ที่หอแพทย์หลวงพอดี ให้เธอมาหาเขาที่หอแพทย์หลวงได้โดยตรง

 

 

ห้องโถงกับระเบียงทางเดินในหอแพทย์หลวงผู้คนขวักไขว่ หมอแทบจะทุกคนต่างมีคิวจนเต็มจำนวนแล้ว

 

 

ผู้อาวุโสหวงอยู่หอแพทย์หลวง หนึ่งอาทิตย์รับตรวจแค่ตอนเช้าสองวัน

 

 

จะไปให้เขาตรวจต่างต้องนัดล่วงหน้าทั้งนั้น หมายเลขคิวของเขาค่อนข้างได้มายาก ปกติต่างต้องมาล่วงหน้าสองถึงสามเดือนจึงจะสามารถต่อแถวรับคิวได้

 

 

บนโต๊ะคลินิกผู้ป่วยนอกมีโต๊ะลงทะเบียนอยู่ตัวหนึ่ง พยาบาลสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น

 

 

อวี๋กานกานเดินเข้าไปสอบถาม “สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามว่าผู้อาวุโสหวงอยู่ไหมคะ”

 

 

พยาบาลสาวส่งยิ้มให้อวี๋กานกานพร้อมกับเอ่ย “คุณชื่ออะไรคะ”

 

 

“อวี๋กานกาน”

 

 

นึกว่าอวี๋กานกานเป็นผู้ป่วยมารับการตรวจ เธอพลิกสมุดนัดล่วงหน้าอยู่นาน “ข้างในไม่มีชื่อคุณค่ะ”

 

 

“ฉันไม่ได้มาตรวจค่ะ ฉันมาหาผู้อาวุโสหวง” อวี๋กานกานส่งยิ้มให้เธอ หวังว่าเธอให้ตนเองได้เข้าไป

 

 

แต่ว่าถูกปฏิเสธ พยาบาลสาวตอบอย่างเคร่งครัดและมีมารยาท “ขอโทษด้วยค่ะ ถ้าไม่ได้นัดเอาไว้ฉันไม่อาจปล่อยให้คุณเข้าไปได้ ถ้าคุณนัดกับผู้อาวุโสหวงแล้วว่ามาหาเขา ก็โทรหาเขาได้เลยค่ะ”

 

 

คนที่อยากจะใช้ลูกไม้นี้มาตรวจไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ไหนแต่ไรผู้อาวุโสหวงไม่เคยถามอีกฝ่ายว่าได้นัดล่วงหน้าหรือไม่ ดังนั้นเธอจึงต้องตรวจสอบให้ดีจากข้างนอกนี้

 

 

คนที่เข้ามาในคลินิกเพื่อมาให้ผู้อาวุโสหวงตรวจนั้นแม้แต่แขกวีไอพีก็มี แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องนัดล่วงหน้าทั้งนั้น ต่างต้องต่อแถวรอ

 

 

อวี๋กานกานก็เข้าใจเธอ

 

 

เธอแยกออกไป ควักโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าออกมาต่อสายถึงผู้อาวุโสหวง

 

 

ผู้อาวุโสหวงน่าจะกำลังตรวจอยู่จึงปรับโทรศัพท์เป็นโหมดไร้เสียง อวี๋กานกานโทรอยู่หลายครั้งก็ไม่มีคนรับเลย

 

 

ลองดูเวลาก็เกือบจะเที่ยงแล้ว ผู้อาวุโสหวงก็น่าจะใกล้เลิกงานแล้ว เธอจึงคิดว่าจะรอผู้อาวุโสหวงเลิกงานอยู่ข้างนอก

 

 

อวี๋กานกานกำลังเดินไปหาเก้าอี้นั่งตรงทางเดิน ขณะเดียวกันก็ส่งข้อความให้ผู้อาวุโสหวงเพื่อบอกเขาถึงจุดที่ตนเองอยู่

 

 

ในตอนนั้นสาวสวยวัยรุ่นดูทันสมัยคนหนึ่งประคองคุณป้าวัยกลางคนคนหนึ่งเดินไปพลางหาเก้าอี้ไปพลาง คุณป้ามีสีหน้าขาวซีด ริมฝีปากแห้ง ดูเหมือนไม่มีเรี่ยวแรงทั้งตัว

 

 

อวี๋กานกานรีบลุกให้ทันที ให้คุณป้าคนนี้นั่ง

 

 

“ขอบคุณค่ะๆ” หญิงสาววัยรุ่นพูดซ้ำๆ จากนั้นก็ประคองคุณป้านั่งลง “แม่คะ ค่อยๆ ค่ะ”

 

 

คุณป้าอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง สูดหายใจแล้วเอนพิงพนักเก้าอี้

 

 

อวี๋กานกานยืนพิงกำแพงมองพวกเขาอยู่ด้านข้าง หลุดปากถามออกไป “นี่คุณป้าเป็นอะไรเหรอคะ”

 

 

หญิงสาววัยรุ่นขมวดคิ้ว ถอนหายใจแล้วเอ่ย “เป็นโรคเรื้อรัง อาหารเป็นพิษ โรงพยาบาลจัดยามา แต่ว่านอนโรงพยาบาลเกือบหนึ่งเดือนแล้วก็ยังไม่ดีขึ้นเลย นี่ไม่ให้ใบสั่งยามาแล้ว ให้เวลาหนึ่งเดือนกลับมาฟื้นตัว จากนั้นค่อยไปตรวจอีก”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 476 โรคเรื้อรัง อาหารเป็นพิษ (2)

 

 

หลังหญิงสาววัยรุ่นพูดจบยังยกถุงยาในมือขึ้นมา ในถุงเห็นเลือนรางว่าเป็นยาจีนสำเร็จรูปบำรุงหยินส่วนหนึ่ง สารกลูคูโนแล็คโทน แอซิโทรไมซินและอื่นๆ

 

 

อวี๋กานกานเอ่ย “ฉันเคยเรียนแพทย์แผนจีน คุณลองบอกฉันมาหน่อยว่าคุณไม่สบายได้ยังไง ลองดูเผื่อฉันจะช่วยอะไรได้บ้าง”

 

 

ถึงอย่างไรก็ต้องรอหมออยู่ดี

 

 

หญิงสาววัยรุ่นจึงพูดคุยกับอวี๋กานกาน

 

 

“เดือนที่แล้วพ่อฉันฉลองวันเกิด แม่ฉันก็ยุ่งอยู่ตลอดทั้งเช้า ทำกับข้าวทั้งโต๊ะ พวกเราพี่น้องต่างก็กลับบ้านมากินข้าวกับทั้งสองคน ตอนบ่ายแม่ฉันก็แปลกไป จู่ๆ ร่างกายก็เย็นขึ้นมา ปวดหัวบ้างกับคลื่นไส้อาเจียน เธอนึกว่าตัวเองเป็นหวัดจึงกินยาแก้หวัดไป ผลคือตอนกลางคืนมีไข้จึงไปให้น้ำเกลือที่คลินิกชุมชน ไม่คิดเลยว่ายังไม่ทันหายไข้กลับเป็นหนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ พวกเรารีบพาไปโรงพยาบาล ถึงโรงพยาบาลหมอบอกว่าแม่ฉันอาหารเป็นพิษ แต่ว่าตรวจยังไงก็ไม่รู้ว่าโดนสารพิษอะไรกันแน่ หมอสั่งยา ให้น้ำเกลือ แต่ว่าไข้ลดพักหนึ่ง เดี๋ยวก็ขึ้นมาอีก เดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ เป็นอยู่อย่างนี้ยืดเยื้อมาตลอด”

 

 

“จะรังเกียจไหมถ้าฉันจะจับชีพจรให้” อวี๋กานกานถาม

 

 

“ได้สิ”

 

 

คุณป้าวางมือของตนเองบนหน้าขา ส่งยิ้มอย่างไร้เรี่ยวแรงให้อวี๋กานกาน

 

 

อวี๋กานกานคุกเข่าตรงหน้าเธอ มือจับชีพจรให้และหลับตาลงอย่างเชื่องช้า

 

 

หญิงสาววัยรุ่นจ้องเธอไม่วางตา สีหน้าไม่ค่อยวางใจ

 

 

หลังจากนั้นครู่หนึ่งอวี๋กานกานจึงลุกขึ้น มองหญิงสาววัยรุ่นและเอ่ยถาม “คนสวย ฉันขอดูยาพวกนี้ของเธอหน่อย”

 

 

สาววัยรุ่นพยักหน้า รีบยื่นยาในมือที่หมอจัดให้ส่งให้อวี๋กานกาน อวี๋กานกานดูไปพลางเอ่ยถามไปพลาง “ช่วงนี้กินแต่พวกนี้ใช่ไหม”

 

 

“ใช่ค่ะ”

 

 

“แม่เธอไม่ได้อาหารเป็นพิษ”

 

 

“ไม่ใช่อาหารเป็นพิษ?” สาววัยรุ่นตกตะลึง แทบไม่อยากจะเชื่อ “งั้นเกิดอะไรขึ้น จะรักษาหายได้ยังไง”

 

 

อวี๋กานกานชี้ไปที่ภาพเมล็ดไฉหูเล็กบนกำแพง “เธอไปซื้อนี่มาหนึ่งกล่อง แช่น้ำหนึ่งครั้งใช้ห้าห่อ ดื่มตอนยังร้อน ดื่มหมดก็นอน วันถัดมาก็จะดีขึ้นมาก ส่วนยาพวกนี้พวกเธออย่ากินอีกเด็ดขาดเลย”

 

 

สาววัยรุ่นมองอวี๋กานกานด้วยความประหลาดใจอยู่เล็กน้อยพร้อมกับสีหน้าไม่อยากเชื่อ “จริงเหรอ ง่ายแบบที่คุณว่าเลยเหรอ”

 

 

รักษามาตั้งเดือนหนึ่งแล้ว ง่ายขนาดนั้นจริง จะเป็นไปได้ยังไงที่ยืดเยื้ออยู่โรงพยาบาลนานขนาดนั้น

 

 

“ฉันไม่โกหกเธออยู่แล้ว เธอก็ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง แค่รักษาผิดถึงได้กินเวลานานขนาดนี้…”

 

 

อวี๋กานกานกำลังพูดกับสาววัยรุ่นอยู่ พลันมีน้ำเสียงจริงจังพูดแทรกขึ้นมา “คุณกำลังพูดไร้สาระอะไรกัน”

 

 

ผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาว อายุประมาณสามสิบปีกำลังมองพวกเธอด้วยแววตาเย็นชาสีหน้าบึ้งตึง สาววัยรุ่นรีบมองเธอพร้อมกับเอ่ย “คุณหมอ เรามารอตรวจ จึงคุยเล่นอยู่ที่นี่”

 

 

เธอไม่ได้เชื่ออวี๋กานกานอยู่แล้ว และก็ไม่คิดจะเชื่อฟังอวี๋กานกาน

 

 

อวี๋กานกานมองแพทย์หญิงคนนั้นแวบหนึ่งแล้วยังพูดกับสาววัยรุ่นอีกครั้ง “ฉันไม่ได้พูดกับเธอไปเรื่อยนะ”

 

 

แพทย์หญิงมองอวี๋กานกานด้วยความว่องไว “คุณเป็นใครกัน ตรวจคน สั่งยาที่นี่ไปเรื่อยเหรอ”

 

 

อวี๋กานกานยิ้มพร้อมกับตอบ “ฉันกำลังรอคนอยู่ เห็นคุณป้าคนนี้ป่วยค่อนข้างหนัก ดังนั้นจึงจับชีพจรให้เธอ”

 

 

คำพูดนี้ทำให้หญิงสาวหัวเราะเยาะ “คุณจับชีพจร คุณเป็นนักศึกษาแพทย์มหาวิทยาลัยเมืองหลวง ฉันจะบอกคุณให้นะ อย่านึกว่าตัวเองอ่านตำราแพทย์มาหลายเล่มก็จะสั่งยาไปเรื่อยในที่ของฉันนี้”

 

 

“เสี่ยวอวี๋”

 

 

น้ำเสียงแหบแห้งจริงจังดังขึ้นมา

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset