ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 489 เหมือนกันอย่างไร้เหตุผล / ตอนที่ 490 ถ้าไม่ปกติก็รีบให้หมอรักษา

ตอนที่ 489 เหมือนกันอย่างไร้เหตุผล

 

 

อวี๋กานกานจับแขนหมอหวงพยุงลุกขึ้นมา “คุณไม่อยากมีมือแล้วเหรอคะ”

 

 

กู้ซูหลิงตวาดอย่างเย็นชา “เธอสำคัญตัวเองมากไปแล้ว”

 

 

คนอื่นก็รักษามือของเธอได้เหมือนกัน

 

 

กู้เชินที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของกู้ซูหลิงจึงกุลีกุจอเข้ามา เมื่อเห็นเขากู้ซูหลิงจึงชูแขนรีบฟ้องผู้เป็นพ่อทันที “คุณพ่อ ดูเธอสิคะ เธอจงใจแกล้งหนูจนเลือดออกเลย”

 

 

“คุณดึงเข็มออกมาเองนี่นา เลือดไม่ไหลออกมาสิถึงจะแปลก” อวี๋กานกานสีหน้ากล้ำกลืน มองเธอด้วยสายตาเย็นยะเยือกแล้วเอ่ยว่า “ถ้าไม่คุณไม่อยากรักษาก็ไม่ต้องรักษา แต่กรุณาอย่าเอาอารมณ์ของตัวเองมาลงที่คนอื่น”

 

 

กู้ซูหลิงถามเอ่ยถามด้วยความโมโห “เธอกำลังจะด่าว่าฉันเป็นคนไร้คุณธรรมคิดชั่วใส่ร้ายคนดี”

 

 

อวี๋กานกานยักไหล่ “นี่คุณพูดเองนะ ฉันไม่ได้พูด”

 

 

กู้ซูหลิงโกรธแล้วเบิกตาจ้องอวี๋กานกานเขม็ง “อวี๋กานกาน เธอ….”

 

 

เธอยังไม่ทันพูดจบก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “พอได้แล้ว!”

 

 

เมื่อเห็นสายตาหมดความอดทนและกำลังโกรธของกู้เชิน เธอจึงรีบเอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนรน “คุณพ่อ หนูเจ็บมือจริงๆ นะคะ…”

 

 

อวี๋กานกานรู้สึกว่าฉากตรงหน้าช่างบาดตายิ่งนัก เธอจึงเริ่มหัวร้อนขึ้นมาบ้างแล้วพูดเสียงเรียบนิ่ง “ไม่รักษาก็ไม่รักษา แล้วทีหลังคุณก็อย่าเรียกพวกเราให้มารักษาคุณอีกก็แล้วกัน”

 

 

ในขณะที่พูดก็เก็บกล่องยาไปด้วย จากนั้นก็ประคองพาหมอหวงออกไป

 

 

กู้ซูหลิงโกรธจนสั่นไปทั้งร่างแล้วตะโกนด่าตามหลังอวี๋กานกาน “ใครขอร้องให้เธอมารักษากัน ฉันไม่เชื่อหรอก ปักกิ่งมีหมอตั้งเยอะแยะ ทำไมจะไม่มีหมอมารักษาฉันได้”

 

 

กู้เชินสีหน้าเรียบนิ่งไม่เอ่ยคำพูดใดๆ

 

 

จูอวี้ลู่รู้ว่าสามีตัวเองโกรธเข้าให้แล้วจึงรีบเข้าไปเอาใจ “อาเชิน ลูกเองก็ได้รับบาดเจ็บจากพิษ คุณอย่าโกรธลูกเลยนะคะ”

 

 

เขาเป็นคนเลี้ยงกิ้งก่าพิษ ในเมื่อกู้เชินเองก็รู้สึกผิดสีหน้าของเขาจึงผ่อนคลายบ้างแล้วให้กู้ซูหลิงพักผ่อนแล้วออกไปให้คนไปตามหมอคนอื่นมาอีก

 

 

เมื่อกู้เชินออกไปแล้ว กู้ซูหลิงจึงโผเข้าหาจูอวี้ลู่ร่ำไห้ “เป็นนางผู้หญิงคนนั้นที่แย่งพี่หันไป แม่ดูสิว่ามันดีกว่าหนูตรงไหน ดูแล้วไม่มีอะไรเทียบหนูได้สักอย่าง พี่หันไปชอบมันได้ยังไง”

 

 

จูอวี้ลู่เอ่ยถาม “มันเป็นคนที่ไหน พ่อแม่เป็นใคร”

 

 

กู้ซูหลิงตอบ “สืบข้อมูลก่อนหน้านี้ได้ข้อมูลมาว่าเธอเป็นคนไป๋หยางและโตที่เมืองไป๋หยาง พ่อแม่เสียชีวิต มันโตมากับปู่ แม่ถามทำไมเหรอคะ”

 

 

จูอวี้ลู่พึมพำ “เหมือนมาก”

 

 

“เหมือนใครเหรอคะ”

 

 

“ภรรยาเก่าพ่อของลูก”

 

 

“แม่ของกู้เหยียนอวี๋น่ะเหรอคะ” กู้ซูหลิงอึ้ง เธอไม่เคยเจอแม่ของกู้เหยียนอวี๋แต่เคยเห็นรูปมาก่อน แต่รู้สึกว่าในรูปไม่เห็นจะเหมือนอวี๋กานกานเลยนี่

 

 

จูอวี้ลู่สับสนในใจ “ไม่มีทางที่สองคนนี้จะเหมือนกันอย่างไร้เหตุผล แม้กระทั่งนิสัยก็ยังเหมือนกัน หรือว่า…หรือว่าเธอจะเป็น…”

 

 

กู้ซูหลิงจับประเด็นในประโยคนี้ได้ทันที

 

 

เธอร้องออกมาอย่างตกตะลึง “จะเป็นไปได้ยังไง!”

 

 

ดวงตาของเธอเบิกกว้างสีหน้าเต็มไปด้วยความร้อนรนกระวนกระวาย “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้แน่นอน แม่คะ ผู้หญิงคนนี้แค่มีหน้าตาคล้ายกับผู้หญิงที่ตายไปแล้วคนนั้น แต่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับครอบครัวของเราเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่ลูกสาวของคุณพ่อแน่นอนค่ะ”

 

 

ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง…เป็นไปไม่ได้ที่ฟังจือหันจะไม่รู้ ถ้าหากฟังจือหันรู้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่บอกกู้เชิน

 

 

“แม่คิดมากเกินไปแล้วค่ะ บนโลกใบนี้มีคนเหมือนกันตั้งเยอะแยะ แม่เห็นว่ากู้เหยียนอวี๋ในตอนนี้ก็เหมือนผู้หญิงคนนั้นมากไม่ใช่เหรอคะ”

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 490 ถ้าไม่ปกติก็รีบให้หมอรักษา

 

 

อวี๋กานกานเดินออกมาข้างนอกมองหมอหวงอย่างขอโทษ “ขอโทษนะคะที่หนูลากอาจารย์ออกมา”

 

 

“ถึงเธอไม่ลากฉัน ฉันก็เตรียมจะลากเธอออกมาพอดี” หมอหวงโกรธยิ่งกว่าอวี๋กานกานเสียอีก เขาเป่าหนวดเคราเบิกตากว้าง “ช่างไม่ประสีประสาจริงๆ”

 

 

เขาไพล่มือไว้ข้างหลังแล้วเร่งรุดก้าวเดินไปข้างหน้า อวี๋กานกานหิ้วกล่องยาแล้วเดินตามไปอย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

คืนนี้อวี๋กานกานและฟังจือหันนัดลู่เสวี่ยเฉินกับหลินจยาอวี่มาทานข้าวด้วยกัน

 

 

ห้องอาหารของพวกเขาเป็นโต๊ะกลม ลู่เสวี่ยเฉินนั่งลงข้างฟังจือหันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบาน “คุณชายหัน ไม่เจอกันตั้งหลายวัน ผมสังเกตว่าคุณหล่อขึ้นนะเนี่ย”

 

 

เขายื่นแขนไปโอบไหล่ฟังจือหันแต่กลับถูกฟังจือหันใช้ส้อมจิ้มเขาดันออกไปแล้วพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ห่างๆ ฉันหน่อย”

 

 

ภรรยาของเขามักจะพูดว่าเขากับลู่เสวี่ยเฉินมีซัมติงกัน แน่นอนว่าไม่สามารถแตะเนื้อต้องตัวเขาได้อีก ไม่เช่นนั้นต่อไปบอกเธอว่าคู่นั้นเป็นเขากับลู่เสวี่ยเฉิน ไม่รู้ว่าเธอจะคิดไปถึงไหนต่อไหน”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินเมื่อถูกปฏิเสธจึงชักมือกลับมานั่งอย่างว่านอนสอนง่ายด้วยสีหน้าสลด “ความสัมพันธ์ระหว่างเรามีมาตั้งหลายปี ทำไมถึงต้องเย็นชาขนาดนี้ด้วย นายเป็นแบบนี้ฉันเสียใจนะรู้ไหม”

 

 

ฟังจือหันยังคงสีหน้าเย็นชาไม่แลตามองเขาแม้แต่เสี้ยวเดียว

 

 

สายตาของหลินจยาอวี่จ้องมองไปที่ลู่เสวี่ยเฉินด้วยสีหน้าสุขุมเยือกเย็นแล้วดื่มชาเงียบๆ

 

 

ส่วนอวี๋กานกานมองขำๆ

 

 

สายตาของเธอจ้องมองไปที่พวกเขาอย่างนึกสงสัย ข่าวลือบางทีก็ลือออกมาแบบไม่มีเหตุมีผล เธอเชื่อว่าฟังจือหันนั้นไม่ได้มีอะไรหรอก

 

 

แต่ว่าลู่เสวี่ยเฉินคิดอะไรกับฟังจือหันจริงๆ หรือเปล่า

 

 

อวี๋กานกานคิดว่าตัวเองชิปคู่นี้แล้วแหละ เธอจงใจแกล้งหยอกสักหน่อย “ลู่เสวี่ยเฉิน ทำไมฉันรู้สึกเหมือนคุณเจอกับแฟนหนุ่มเลยล่ะ”

 

 

หลินจยาอวี่ที่กำลังดื่มชาอยู่ชะงักค้างไปทั้งร่าง “…”

 

 

คนที่ถูกพาดพิงอย่างลู่เสวี่ยเฉินกลับไม่สะทกสะท้านแถมยังถามฟังจือหันอย่างขำๆ “คุณชายหัน บางครั้งฉันก็รู้สึกชอบนายม๊ากมาก เราสองคนมาลองกันสักตั้งไหมล่ะ”

 

 

“ไสหัวไป!”

 

 

ฟังจือหันเผยอริมฝีปากพ่นคำด่าออกมาอย่างเย็นชาดั่งคมมีด

 

 

พนักงานเข้ามารับเมนู หลังจากที่สั่งอาหารเรียบร้อยแล้วฟังจือหันจึงเอาส้อมที่เขาใช้จิ้มดันลู่เสวี่ยเฉินเมื่อครู่นี้ส่งคืนให้พนักงานเปลี่ยนอันใหม่มาให้

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินยกมือขึ้นกุมหน้าอกทันทีด้วยสีหน้าราวกับเจ็บปวด “ปวดหัวใจจังเลย บนส้อมนั่นมีกลิ่นของฉันติดอยู่”

 

 

เล่นละครไม่เนียนเลย ดูปลอมมาก

 

 

อวี๋กานกานอดหัวเราะลั่นออกมาไม่ได้ แต่หัวเราะได้ครู่หนึ่งก็รู้ว่ามีตัวเองที่หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว

 

 

สีหน้าหลินจยาอวี่ยิ่งเย็นยะเยือกไปกันใหญ่

 

 

จากนั้นฟังจือหันก็มองไปที่พนักงานแล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ “ขอถังน้ำแข็งด้วย”

 

 

พนักงานร้องเสียงหลงอย่างตกใจ มองเขาอย่างไม่เข้าใจนักว่าอากาศหนาวขนาดนี้เอาถังน้ำแข็งมาทำอะไร

 

 

อวี๋กานกานพอจะเดาออกว่าเขาเอามันมาทำอะไรจึงยิ้มให้กับพนักงาน “ไม่มีอะไรค่ะ คุณรับเมนูไปเถอะ”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินเบิกตามองฟังจือหันด้วยความหงุดหงิด “นายสกุลฟัง นายขอถังน้ำแข็งมาทำไม”

 

 

ฟังจือหันตอบเสียงเรียบนิ่ง “สมองไม่มีสติแบบนี้ ถังน้ำแข็งช่วยได้ดีที่สุด”

 

 

“ถุยๆๆ” อยู่หลายครั้ง ลู่เสวี่ยเฉินก็มองไปที่อวี๋กานกานแล้วพูดจายั่วยุ “คุณดูสิ ดูๆๆ ผู้ชายคนนี้พาสงร้ายกาจจริงๆ คุณต้องระวังตัวนะ ต้องระวังว่าผู้ชายโหดเ**้ยมเย็นชาแบบนี้ คุณห้ามแต่งงานด้วยเด็ดขาด แต่งงานด้วยไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์”

 

 

ฟังจือหันด่ากลับไป  “ถ้าไม่ปกติก็รีบไปให้หมอรักษาซะนะ”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินหัวเราะกรุ้มกริ่ม “ช่างเถอะ ใครใช้ให้ฉันรักแต่ครอบครองไม่ได้กันล่ะ ไม่มีทางเลือกต้องกล้ำกลืนฝืนทน แต่ยังฉันก็ยังต้องพูด ช่วงนี้ที่บริษัทยุ่งมาก นายต้องใส่ใจสุขภาพมากๆ อย่าอดหลับอดนอนจนร่างพังเด็ดขาด”

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

Status: Ongoing
“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset