ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 533 ฟังจือหัน คุณเก่งจริงๆ! / ตอนที่ 534 ความคิดไม่ซื่อของฟังจือหัน

ตอนที่ 533 ฟังจือหัน คุณเก่งจริงๆ!

 

 

ไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ ฟังจือหันก็ไม่สนใจเธออีกแล้ว เขาหมุนตัวเดินไปตรงหน้าอวี๋กานกานและจูงมือเธอ “ไปเถอะ”

 

 

ตำรวจสองนายก้าวมาข้างหน้า จูงหลิวเหม่ยเฟิงและใส่กุญแจมือให้เธอ หลิวเหม่ยเฟิงกรีดร้อง “ฉันไม่ได้ฆ่าคน ทำไมต้องจับฉัน”

 

 

“คุณไม่ได้ฆ่าคน แต่ว่าคุณคือผู้ต้องสงสัย คุณมีสิทธิจ้างทนายแต่ว่าช่วงสืบสวนพวกเราจำเป็นต้องใช้มาตรการบังคับกับคุณ”

 

 

“แต่ว่าฉันไม่ได้ฆ่าคน ฉันโดนใส่ความ! ที่รัก ได้โปรดเชื่อฉัน ฉันไม่มีทางฆ่าแม่ของเรา จริงๆ นะ คุณต้องเชื่อฉัน…”

 

 

อวี๋กานกานออกจากสถานีตำรวจยังได้ยินหลิวเหม่ยเฟิงตะเบ็งเสียงอยู่ไกลๆ เธอตกอกตกใจอยู่นานแล้วยังตั้งสติไม่ได้

 

 

เมื่อกี้ตอนที่ตำรวจคนนั้นที่บอกว่าในใบรับรองพิสูจน์ลายมือ ตัวหนังสือที่ใบสั่งยานั้นเป็นของเธอ เธอนึกว่าตนเองจะจบเห่แล้วจริงๆ ต่อให้ไม่ถูกจำคุกชั่วคราวแต่ก็น่าจะถูกคุมตัวเอาไว้

 

 

ยังไงก็คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายคนที่ถูกขังกลับเป็นหลิวเหม่ยเฟิง ลูกสะใภ้ของสวีอวี้หลัน

 

 

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าวินาทีก่อนหลิวเหม่ยเฟิงคนนี้ยังใส่ความเธออยู่ หอบเอาความโมโหราวกับสายฟ้าใช้วาจาท่าทางรุนแรงกับเธอ

 

 

ผลพอฟังจือหันมา ถือยูเอสบีมาหนึ่งอันก็ทำให้สถานการณ์หมุนกลับสามร้อยหกสิบองศา

 

 

คนที่ด่าเธอว่าเป็นผู้ร้ายฆ่าคนกลายเป็นผู้ร้ายฆ่าคนถูกพวกตำรวจคุมตัวในพริบตา

 

 

“หิวรึยัง ไปกินข้าว”

 

 

ฟังจือหันซึ่งอยู่ด้านข้างหันมาถามเธอ

 

 

อวี๋กานกานส่งเสียง “อ๋อ” เธอมั่นใจว่าค่อนข้างหิวแล้ว

 

 

มาถึงที่รถของฟังจือหันเธอจึงนึกถึงเหอสือกุย เธอรีบหันหลังเดินไปไม่กี่ก้าวและโบกมือให้เขา “อาจารย์เหม่ยเหรินคะ เร็วหน่อยค่ะ”

 

 

เหอสือกุยส่งยิ้มบาง “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่หิว พวกเธอไปกินกันเถอะ”

 

 

“ไปกินข้าวด้วยกันเถอะค่ะ”

 

 

“อาจารย์ยังมีธุระนิดหน่อย เธอไปเถอะ”

 

 

“งั้นให้พวกเราไปส่งไหมคะ”

 

 

“ไม่ต้องหรอก พวกเธอรีบไปเถอะ ฉันจัดการธุระเสร็จแล้วถึงจะกลับเมืองหลวงกับเธอได้”

 

 

เหอสือกุยเอาแต่ยืนยันว่าไม่ไปกับพวกเขา อวี๋กานกานก็จนปัญญาจึงทำได้เพียงบอกลากับเขา แยกไปกับฟังจือหันแล้ว

 

 

รถของฟังจือหันเคลื่อนหายไปจากสายตา ใบหน้าหล่อที่สุภาพเรียบร้อยของเหอสือกุยนั้นค่อยๆ เย็นชา เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและน่าขนลุก

 

 

ดวงตาของเขาเหลือบไปมองด้านข้างครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินออกไป…

 

 

 

 

 

อวี๋กานกานนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ นั่งเอียงตัวหันหน้าไปหาฟังจือหัน สายตาจับจ้องใบหน้าเขาอยู่ตลอดโดยไม่กะพริบตา

 

 

หยุดที่ไฟแดงข้างหน้า หลังจากที่ฟังจือหันจอดรถเสร็จก็ยื่นมือมาจับหัวของอวี๋กานกานให้หันตรง “คุณยังไม่มองไปข้างหน้าอีกอาจรถชนเอาได้”

 

 

อวี๋กานกานหัวเราะออกมาเบาๆ ตัวเอียงไปซบกับตัวของเขาน้อยๆ

 

 

มุมปากของฟังจือหันหยักเป็นรอยยิ้มจาง มือข้างหนึ่งขับรถมืออีกข้างหนึ่งลูบไปที่หัวของเธอ

 

 

ไม่นานรถก็จอดลงที่หน้าร้านหนึ่งชื่อเมืองแห่งหม้อไฟ เมื่ออวี๋กานกานลงจากรถก็ได้กลิ่นหอมฟุ้ง น้ำลายจะไหลโดยไม่รู้ตัว

 

 

หลังจากสั่งอาหารเสร็จ อวี๋กานกานก็พูดประโยคหนึ่งอย่างมีน้ำใจเป็นพิเศษ “ฟังจือหัน คุณเลี้ยงข้าวฉันมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ตรงใจฉันมากที่สุด”

 

 

ฟังจือหันส่งยิ้มบาง น้ำเสียงเย้าแหย่ “ไม่ใช่น้ำซุปเผ็ด”

 

 

อวี๋กานกานพูดง่ายเป็นพิเศษ “ไม่เป็นไร จิ้มน้ำจิ้มสักหน่อยก็ได้แล้ว”

 

 

มือทั้งสองข้างของเธอเท้าคาง ส่งยิ้มหวานไปให้เขา “ฟังจือหัน คุณเก่งจริงๆ!”

 

 

ฟังจือหันเลิกคิ้ว “นี่กำลังชมผมอยู่ใช่ไหม”

 

 

อวี๋กานกานพยักหน้า ยิ้มอย่างซุกซนพร้อมกับเอ่ย “ใช่สิ ชื่นชมเหมือนกับสายน้ำหลั่งไหล!”

 

 

ฟังจือหันยกยิ้ม ฉายแววเย้าแหย่เอาไว้จางๆ “ครั้งหน้าเปลี่ยนที่ชม”

 

 

อวี๋กานกานมองเขาด้วยความสงสัย “…”

 

 

ฟังจือหันโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ลมหายใจอุ่นปัดผ่านข้างหูเธอเจือความเย้ายวน “ยายบ้า กลางคืนจะให้คุณรู้จักด้านที่เก่งยิ่งกว่า”

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 534 ความคิดไม่ซื่อของฟังจือหัน

 

 

อวี๋กานกานตอบสนองช้าไปเล็กน้อยกับความหมายของเขาเพราะมัวแต่อึ้ง

 

 

ใบหน้าก็แดงทันที “คุณแกล้งฉัน”

 

 

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นผู้ชายเย็นชาเย่อหยิ่งคนหนึ่ง ทำไมมักจะชอบพูดจาลามกกับเธอและยังพูดด้วยสีหน้าจริงจังด้วย

 

 

เธอพึมพำ “ฟังจือหัน ทุกครั้งที่คุณคิดไม่ซื่อก็จะเรียกฉันว่ายายบ้าใช่ไหมนะ”

 

 

หน้าตาของฟังจือหันเบิกบานในชั่วพริบตา เขาเท้าคางอย่างเอื่อยเฉื่อยพลางเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ “ผมคิดไม่ซื่ออะไร คุณลองพูดมาหน่อย”

 

 

อวี๋กานกานมองเขาด้วยความเขินอาย

 

 

ทั้งสองสบตากันในความเงียบ ต่อให้ไม่พูดจา บรรยากาศก็ยังชวนให้รู้สึกสบายใจ สงบสุขอยู่

 

 

พนักงานเคาะประตูห้อง เข้ามาเสิร์ฟอาหาร

 

 

ไม่นานหม้อไฟก็เดือดแล้ว ก่อนที่อวี๋กานกานจะเริ่มกิน ถือโทรศัพท์ถ่ายรูปและโพสต์ลงในแวดวงเพื่อน

 

 

หลังจากโพสต์ลงแวดวงเพื่อนเสร็จแล้วเธอก็เลื่อนดูแวดวงเพื่อนครู่หนึ่ง เลื่อนเห็นแนะนำเกี่ยวกับการให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาโพสต์หนึ่งพอดี

 

 

เธอนึกขึ้นได้ถึงความฝันตั้งแต่เด็กจนโตของตนเอง รวมกับที่ตื่นจากฝันเมื่อสองวันก่อนนั้นคล้ายกับฝันแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด

 

 

สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนไม่สอดคล้องกับความฝันเลยสักนิด ดำเนินไปอย่างยุ่งเหยิงกันหมด พัวพันรัดแน่นเป็นกลุ่มความยุ่งยาก ยังไงก็ไม่เข้าใจ แต่ว่าทุกอย่างดูเหมือนจะมีจุดหนึ่ง

 

 

ขอเพียงจับจุดนั้นได้ก็จะสอดคล้องไปกับทุกอย่าง

 

 

อวี๋กานกานกินอาการไปพลางเอ่ยถามฟังจือหันไปด้วย “คุณรู้จักผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาชื่อดังที่สุดในจีนไหม อาจารย์หม่าผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดจิตชื่อดังทั่วประเทศอยู่ที่เมืองหลวงเหรอ”

 

 

“ไม่รู้”

 

 

“ฉันอยากไปหาเขา คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ”

 

 

ฟังจือหันเหลือบตาขึ้น สบตาเข้ากับแววตาแห่งความคาดหวังของอวี๋กานกานจึงเอ่ยถามเบาๆ “คุณอยากไปหาเขาทำไม เรียนเพิ่มเติมเหรอ”

 

 

อวี๋กานกานส่ายหน้า

 

 

เธอลังเลครู่หนึ่งจึงบอกความจริงกับเขาไปโดยตรง “ไม่ใช่ว่าฉันเคยเล่าให้คุณฟังเรื่องความฝันแปลกประหลาดนั่นเหรอ ที่จริงตั้งแต่เล็กจนโตฉันมักจะฝันแปลกๆ อยู่บ่อยครั้ง แต่ว่าความฝันเหล่านั้นคล้ายกับความฝันแต่ก็คล้ายกับเป็นความทรงจำของฉันอีก ดังนั้นฉันจึงอยากจะไปหาผู้เชี่ยวชาญด้านการสะกดจิต…”

 

 

ไม่รอให้เธอพูดจบ ฟังจือหันก็เอ่ยปากคัดค้าน “ไม่ได้!”

 

 

น้ำเสียงของเขาสูงขึ้นกว่าปกติ

 

 

อวี๋กานกานมองเขาอย่างไม่เข้าใจ “ทำไม”

 

 

ฟังจือหันตอบ “สะกดจิตไม่ดีต่อสุขภาพ”

 

 

น้ำเสียงแม้จะกลับเป็นปกติ แต่ว่านัยน์ตาของเขาลึกดุจมหาสมุทร คล้ายกับซ่อนความลึกลับเอาไว้นับไม่ถ้วน

 

 

อวี๋กานกานส่งยิ้ม “ไม่หรอก วิชาการสะกดจิตเป็นเทคนิคการรักษาและปรับสภาพจิตใจที่ปลอดภัยมากประเภทหนึ่ง ขอเพียงผู้ใช้วิชานี้ทำตามกฎ ไม่มีทางเกิดผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจที่ดี และทุกคนต่างก็มีกลไกลการปกป้องจิตใจ มีเพียงผู้สะกดจิตล้ำเส้น ผู้ที่ถูกสะกดจิตไม่ยอมรับก็จะตื่นขึ้นจากการสะกดจิตระดับลึกโดยเร็ว นี่คือสัญชาตญาณการป้องกันตัวเองของมนุษย์ ต่อให้จิตใจสำนึกอยู่ภายใต้การสะกดจิตก็ยังคงมีชีวิตและปกป้องตนเอง หลีกเลี่ยงทุกเรื่องที่ขัดแย้งกับตนเอง”

 

 

ฟังจือหันคีบอาหารให้อวี๋กานกาน

 

 

เขารู้ว่าเธอเป็นคนหนึ่งซึ่งมีความคิดเป็นของตนเองมาก ปกติเธอตัดสินใจจะทำเรื่องใด ขอเพียงมั่นใจแล้วว่าเรื่องนี้คุ้มที่จะทำก็จะยืนหยัดอย่างแน่นอน

 

 

เงียบไปครู่หนึ่ง ฟังจือหันอ้าปากอีกครั้ง พูดอย่างราบเรียบ “ผมจะช่วยคุณติดต่อให้ แต่ว่ารับการสะกดจิตต้องดูอาการที่เหมาะสม ซึ่งมีข้อห้ามระมัดระวัง ถ้าผู้เชี่ยวชาญบอกว่าคุณไม่สามารถรับการสะกดจิตได้ คุณห้ามขอร้อง บังคับให้สะกดจิต”

 

 

“ได้ ไม่มีปัญหา” อวี๋กานกานพยักหน้ารับคำ หัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับพูดแหย่อีกครั้ง “ดูหน้าคุณสิ ไม่อยากให้ฉันรับการสะกดจิต ที่จริงไม่เป็นไรเลย ฉันไม่มีทางรับการสะกดจิตแล้วจู่ๆ สูญเสียความทรงจำ ไม่รู้จักคุณหรอก”

Related

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset