ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 107-108

ตอนที่ 107 ใครเป็นคนส่งคนพวกนี้มา

 

 

ฟังจือหันไม่ได้สนใจเธอ อุ้มเธอตรงไปที่รถ

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินนั่งลงตรงที่นั่งคนขับ เตรียมสตาร์ทรถออกไปจากที่นี่

 

 

อวี๋กานกานรีบพูด “พวกเราจะไปกันแบบนี้เลยเหรอ ไม่ต้องให้ปากคำ ไม่ถามว่าใครเป็นคนส่งคนพวกเขามา?”

 

 

เธอต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนส่งคนพวกนี้มา

 

 

“ไปถึงสถานีตำรวจ เดี๋ยวคุณอาตำรวจก็สอบปากคำให้พวกเขาสารภาพเองว่าใครเป็นคนสั่งพวกเขาให้มาทำร้ายคุณ”

 

 

อวี๋กานกานนึกถึงเรื่องคราวก่อน ตอนนั้นเธอก็ไม่ต้องให้ปากคำเช่นกัน

 

 

ฟังจือหันเป็นใครกันแน่

 

 

เธอหันไปปรายตามองผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง พบว่าตอนนี้ตัวเองยังนั่งพิงหน้าอกของเขาอยู่ เธอรีบขยับตัวออกไปทางด้านข้าง

 

 

สัมผัสได้ว่าอวี๋กานกานเขยิบห่างออกจากตนเอง ฟังจือหันค่อยๆ ปรายตามาหยุดตรงที่เธอ แววตาลึกซึ้งดั่งมหาสมุทร

 

 

อวี๋กานกานถูกฟังจือหันจ้องจนรู้สึกอึดอัด กระแอมเบาๆ หนึ่งที “เอ่อคือ…เรื่องคืนนี้ขอบคุณพวกคุณมากจริงๆ แต่ทำไมถึงบังเอิญได้ขนาดนี้ที่นายอยู่แถวนี้พอดี”

 

 

“ทางผ่าน” ฟังจือหันตอบเสียงเรียบ จากนั้นยื่นมือมาจับขาของอวี๋กานกานแล้วยกขึ้นมาวางไว้บนตักของตนเอง

 

 

อวี๋กานกานตกใจ ยื่นมือไปเกาะประตูรถ ถามอย่างลนลาน “นายจะทำอะไร”

 

 

ฝ่ามือร้อนๆ แนบลงตรงจุดที่ขาของเธอพลิก จากนั้นถกขากางเกงของเธอขึ้นไปด้านบนเล็กน้อย เผยให้เห็นถึงข้อเท้าเปลือยเปล่า ฟังจือหันตรวจดูตำแหน่งที่พลิก

 

 

อวี๋กานกานรู้สึกกระอักกระอ่วนไปทั่วทั้งตัว “นายไม่ต้อง…”

 

 

“อย่าขยับส่งเดช” น้ำเสียงของฟังจือหันดุมาก

 

 

ภายในรถยนต์มีกล่องปฐมพยาบาลเล็กๆ ฟังจือหันสั่งลู่เสวี่ยเฉินให้หยิบเหล้าดอง[1]ออกมาขวดหนึ่ง จากนั้นทาลงไปบริเวณข้อเท้าที่เจ็บ ค่อยๆ นวดคลึง น้ำหนักมือไม่เบาเกินไปและไม่หนักจนเกินไป

 

 

อวี๋กานกานเขินอาย ใบหน้าจิ้มลิ้มเป็นสีแดงระเรื่อ ราวกับทาชาดไว้ อาการเจ็บบริเวณข้อเท้าดีขึ้นอย่างชัดเจน

 

 

“ขอบคุณนะ ไม่เจ็บแล้วล่ะ” อวี๋กานกานเอ่ยเสียงเบา ขยับขาของตัวเองกลับมาวางยังตำแหน่งเดิม

 

 

“ขอบคุณด้วยอะไร”

 

 

อวี๋กานกานชะงักไปในทันที กะพริบตาปริบๆ ฉีกยิ้มหยั่งเชิง “นาย…นายอยากให้ฉันขอบคุณด้วยอะไรล่ะ”

 

 

“ขอบคุณด้วยอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ปากเปล่า…” ฟังจือหันเอ่ยเสียงเรียบ ทันใดนั้นก็โน้มตัวมาทางอวี๋กานกาน

 

 

ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นเป็นเกลียวคลื่น ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด

 

 

แผ่นหลังของอวี๋กานกานแข็งทื่อไปทั้งแทบ หัวใจเต้นระรัว มีคำถามหนึ่งข้อวนเวียนไปมาไม่หยุด ‘จู่ๆ เข้ามาใกล้ขนาดนี้จะทำอะไร จะทำอะไร จะทำอะไร….’

 

 

ขอบคุณด้วยจูบ?

 

 

ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงแปร๊ดราวกับเลือด ลามไปถึงใบหู

 

 

ในตอนที่เธอกำลังเตรียมจะหลับตาพริ้ม อวี๋กานกานเห็นฟังจือหันยื่นมือออกไปหยิบกระดาษทิชชูจากช่องเก็บของหน้าที่นั่งเธอ เขาเช็ดมือพร้อมกับจ้องหน้าเธอ แววตามีเลศนัย

 

 

อวี๋กานกานเบือนหน้าอย่างรวดเร็ว มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใจหวิวๆ

 

 

ฟังจือหันไม่ได้จงใจจริงเหรอ ท่วงท่าของเขาทั้งเย้ายวนและมีเสน่ห์

 

 

ฟังจือหันจ้องมองเธอที่หน้าแดงลามไปถึงใบหู เอ่ยออกมาอีกครั้ง “ของขวัญแทนคำขอบคุณของคุณ เก็บไว้ใช้แลกครั้งหน้า”

 

 

อวี๋กานกานค่อนข้างเอือมระอาปรายตามองฟังจือหันอย่างไม่สบอารมณ์

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินที่รับหน้าที่ขับรถอยู่ด้านหน้า มองผ่านกระจกหลัง สายตาจับจ้องไปที่พวกเขาเป็นครั้งคราว มุมปากยกยิ้มน่าสนุก

 

 

สาวน้อยคนนี้คือคนที่ชื่ออวี๋หวานหวาน….ไม่ใช่สิ อวี๋กานกาน

 

 

น่ารักสดใส ปากแดงระเรื่อฟันขาวสะอาด นับว่าเป็นสาวสวยคนหนึ่ง แต่ไม่ว่าสาวงามที่สวยหยดย้อยขนาดไหนพวกเขาล้วนเคยเห็นมาหมดแล้ว เมื่อเทียบอวี๋กานกานกับสาวงามล่มเมืองเหล่านั้น อวี๋กานกานถือว่าหน้าตาธรรมดามาก

 

 

ทำไมฟังจือหันต้องเป็นเธอคนนี้เท่านั้น ทำไมต้องถ่อมาไกลถึงที่นี่…

 

 

 

 

——

 

 

[1] เหล้าดองในที่นี้คือ เหล้าที่ดองกับสมุนไพรจีน ช่วยบรรเทาอาการเคล็ดขัดยอก

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 108 แผนกลับเข้าห้อง

 

 

“หลายวันมานี้นายนอนที่ไหน” ภายในรถยนต์เสียงของอวี๋กานกานดังขึ้นอีกครั้ง “กระเป๋าเดินทางของนาย…” เมื่อไรจะเอากลับไป

 

 

ฟังจือหันพูดแทรก “นอนในรถ”

 

 

อวี๋กานกานตกตะลึง “…” !

 

 

อนาถขนาดนี้เชียว?

 

 

ฟังจือหันพูดต่อ “ไม่สบายไปทั้งตัว ผมขอกลับไปอาบน้ำหน่อยได้ไหม”

 

 

อวี๋กานกานมองชุดที่เขาใส่ เป็นชุดเดียวกับวันที่แยกจากกันจริงๆ

 

 

เธอพยักหน้า

 

 

 วันนี้เขาช่วยเธอไว้เยอะ แค่กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อเธอจะปฏิเสธลงได้อย่างไร เพียงแต่ว่าเขาไม่มีที่ให้อยู่จริงๆ เหรอ มีเพื่อนเป็นตำรวจแท้ๆ ทั้งยังมีผู้ชายหน้าสวยหวานยิ่งกว่าผู้หญิงที่ขับรถอยู่ด้านหน้านั้นอีก เป็นไปไม่ได้หรอกมั้งที่พวกเขาจะไม่เหลียวแลฟังจือหัน?

 

 

 

 

มือที่กุมพวงมาลัยรถยนต์ของลู่เสวี่ยเฉินเกือบลื่นหลุด เมื่อก่อนเขานึกว่าตัวเองนั้นร้ายและไร้ยางอายมากแล้ว ตอนนี้เพิ่งจะตระหนักได้ว่าฝีมือของตนเองยังอ่อนหัด

 

 

ฟังจือหันต่างหากที่เรียกว่าเจ้าเล่ห์เพทุบายของจริง

 

 

ทางผ่านเอย นอนในรถเอย ไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันเอย โกหกทั้งเพ ก่อนออกมาเพิ่งจะอาบน้ำแท้ๆ

 

 

อวี๋กานกานสาวน้อยไม่ช้าหรือเร็วต้องถูกฟังจือหันเขมือบไม่เหลือแม้แต่ซากแน่

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินอยากจะบอกเธอใจจะขาดว่าอย่าหลงเชื่อผู้ชายแซ่ฟังตรงหน้าเป็นอันขาด

 

 

ฟังจือหันกลางวันเป็นมนุษย์ กลางคืนเป็นปีศาจ เห็นว่ากินเจทุกวัน แท้ที่จริงแล้วขาดเนื้อไม่ได้ เหมือนกับหมาป่าหุ้มหนังแกะตัวหนึ่ง

 

 

รถยนต์จอดตรงหน้าประตูคอนโดมิเนียม อวี๋กานกานยื่นมือออกไปปลดเข็มขัดนิรภัย ต่อด้วยเปิดประตูรถ ยังไม่ทันได้ก้าวลงจากรถ มือของฟังจือหันรั้งไหล่ของเธอไว้ จับเธอให้นั่งนิ่งๆ อยู่บนเบาะ

 

 

อวี๋กานกานมองเข้าด้วยสายตาไม่เข้าใจ ได้ยินฟังจือหันพูดว่า “นั่งดีๆ” จากนั้นเขาก็ลงจากรถ แล้วเดินอ้อมมาอุ้มเธอ

 

 

อวี๋กานกานสั่งให้เขาปล่อยอยู่หลายครั้ง แต่ฟังจือหันก็ปฏิเสธทุกครั้ง

 

 

จนกระทั่งมาถึงหน้าประตูห้อง ฟังจือหันต้องเปิดประตูจึงปล่อยเธอลงโดยที่ให้ยืนพิงกำแพงไว้

 

 

หลินจยาอวี่เปิดประตูห้องเดินออกมา วันนี้เธอไม่ได้สวมหน้ากาก ใบหน้าเย็นชางดงามบึ้งตึง สายตาของเธอมองมาที่อวี๋กานกาน เมื่อเห็นว่าอวี๋กานกานยืนขาเดียว เธอจึงเดินเข้ามา “คุณเป็นอะไรน่ะ”

 

 

อวี๋กานกานคลี่ยิ้มบางๆ ให้เธอ “ไม่มีอะไร แค่ไม่ทันระวังขาพลิกนิดหน่อย”

 

 

หลินจยาอวี่มองสแกนอวี๋กานกานตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อมั่นใจแล้วว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ จึงหันไปมองฟังจือหันแล้วกล่าว “สามีภรรยาทะเลาะกัน ผู้ชายควรเป็นฝ่ายยอมรับผิดก่อน ไม่ควรให้ภรรยาต้องเป็นกังวลเพราะคุณ”

 

 

หลินจยาอวี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นก็เดินตรงกลับเข้าห้องตัวเองทันที

 

 

อวี๋กานกาน “…” หลินจยาอวี่พูดอะไรน่ะ เธอเป็นกังวลเพราะฟังจือหันตอนไหน

 

 

ดวงตาลึกซึ้งและเงียบงันของชายหนุ่มราวกับแอ่งน้ำลึก ยากที่อ่านความคิดของเขา อวี๋กานกานถูกเขาจ้องจนรู้สึกสับสนปั่นป่วน

 

 

ใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอแดงแปร๊ดอย่างควบคุมไม่ได้อีกครั้ง เธออยากจะพูดแก้ไขตัวอะไรสักหน่อย แต่อีกใจก็รู้สึกว่าไม่จำเป็น

 

 

งั้นก็แกล้งโง่ แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจไปแล้วกัน

 

 

เธอผลักประตูห้อง เดินกะเผลกๆ เข้าไป “นายอยากอาบน้ำก็อาบเลย ฉันไปพักผ่อนล่ะ” อวี๋กานกานไม่หันกลับมา เดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง

 

 

ฟังจือหันมองแผ่นหลังของเธอ ริมฝีปากเย็นชาที่เม้มติดกันค่อยๆ ยกขึ้น เขาหันศีรษะพลันเห็นบนโต๊ะอาหารมีไข่ผัดมะเขือเทศวางอยู่ หัวคิ้วมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย ทำไมอวี๋กานกานทำเมนูนี้อีกแล้ว ทุกวันไม่เดลิเวอรี่ก็ไข่ไก่ เธอเป็นแพทย์จริงๆ หรือเปล่า

 

 

กินไข่ทุกวัน ไม่กลัวติงต๊องบ้างหรือไง[1]

 

 

ห้องนอนของเขายังคงเหมือนกับตอนที่ตัดสินใจออกมา ข้าวของทุกอย่างวางอยู่ที่เดิม

 

 

ฟังจือหันบอกว่าจะขอมาอาบน้ำ แต่เมื่อเข้าไปในห้องนอนกลับนอนแผ่บนเตียงอย่างสุขสบาย ไม่ขยับเขยื้อน จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องตกใจดังมาจากห้องข้างๆ “ว้าย…”

 

 

 

 

——

 

 

[1] คำว่าไข่ในภาษาจีนพ้องเสียงกับคำว่าปัญญาอ่อน ติงต๊อง 

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset