ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 129 เธอเหมือนหญิงสาวแสนอ่อนโยนที่ถูกกลั่นแกล้งได้ง่ายๆ เหรอ / ตอนที่ 130 บังคับขาย

ตอนที่ 129 เธอเหมือนหญิงสาวแสนอ่อนโยนที่ถูกกลั่นแกล้งได้ง่ายๆ เหรอ

 

 

หลินจยาอวี่เห็นว่าอวี๋กานกานมีสีหน้าหวาดผวา ใบหน้าเย็นชาของเธอฉายประกายความอบอุ่นออกมาเล็กน้อยพลางพูดปลอบ “คุณไม่ต้องกังวลเกินเหตุ มีฉันอยู่ทั้งคน ขอแค่คุณไม่ยอม พวกตระกูลเฉียวก็ไม่มีทางซื้อคลินิกของคุณไปได้”

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์ที่หลินจยาอวี่รู้จัก แต่ไหนแต่ไรเป็นพวกชอบทำตัวยิ่งใหญ่สูงส่ง หยิ่งผยอง ใช้อำนาจรังแกผู้อื่น เธอรู้จักเฉียวพั่นเอ๋อร์มาหลายปี ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นเธอไปหาเรื่องระรานผู้อื่น กิริยาท่าทางที่แสดงออกเต็มไปด้วยด้วยความดูถูกเหยียดยาม ส่วนอวี๋กานกานที่หลินจยาอวี่รู้จัก เธอเป็นคนอ่อนโยน เป็นหญิงสาวไร้เดียงสาที่มุ่งแต่จะรักษาผู้คน หากต้องรับมือกับเฉียวพั่นเอ๋อร์ อวี๋กานกานต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน

 

 

อวี๋กานกานไม่รู้เลยว่าตัวเธอที่อยู่ในความคิดของหลินจยาอวี่เป็นเพียงหญิงสาวแสนอ่อนโยนที่ถูกกลั่นแกล้งได้ง่ายๆ เธอตกใจกลัวจนเย็นสะท้านไปทั่วแผ่นหลังก็จริง แต่เธอไม่ได้ตกใจกลัวตระกูลเฉียว เธอตกใจเรื่องแสวงหาผลประโยชน์โดยที่ไม่สนใจวิธีการต่างหาก เธอรู้สึกขอบคุณหลินจยาอวี่เป็นอย่างมาก อวี๋กานกานคลี่ยิ้มออกมาบางๆ กล่าวอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบคุณนะ จยาอวี่”

 

 

เธอไม่เพียงแต่ต้องขอบคุณหลินจยาอวี่ยังต้องขอบคุณซูจือจิ่งด้วยที่อุคส่าห์แจ้งข่าวเรื่องนี้กับเธอก่อนล่วงหน้า เธอจะได้เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม

 

 

ตระกูลเฉียวอยากจะเปิดโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนทางด้านหย่างเซิง เปิดตรงไหนไม่เปิด ทำไมถึงต้องเลือกอวี่หมิงถางด้วย ทั้งยังมาในจังหวะที่อาจารย์หายตัวไป จังหวะที่ลุงใหญ่สรรหาทุกวิถีทางเพื่อจะขายคลินิก ทำไมจังหวะที่เกิดเรื่องพวกนี้มันถึงบังเอิญได้ขนาดนี้?

 

 

วันถัดมาเฉียวพั่นเอ๋อร์มาที่คลินิก อวี๋กานกานนึกไม่ถึงว่าการที่ตระกูลเฉียวต้องการจะซื้ออวี่หมิงถางถึงขั้นต้องให้เฉียวพั่นเอ๋อร์มาด้วยตัวเอง

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์กวาดตามองไปรอบๆ คลินิกหนึ่งรอบ เมื่อเห็นว่าในคลินิกมีคนไข้แค่คนเดียวพลันแสยะยิ้มเหยียด จากนั้นเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีตรงจุดรับรอง เธอไม่ได้มาเพียงคนเดียว ยังมีผู้ชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่าปีตามมาด้วยหนึ่งคน สวมชุดสูท ถือกระเป๋าใส่เอกสาร เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ช่วยของเฉียวพั่นเอ๋อร์

 

 

“ไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของที่นี่?” ผู้ช่วยของเฉียวพั่นเอ๋อร์ตะโกนถามเสียงดัง

 

 

อวี๋กานกานกำลังตรวจคนไข้อยู่จึงไม่ได้สนใจพวกเขา

 

 

ลุงหวังออกมาจากเคาน์เตอร์ยา เดินเข้ามาถาม “สองท่านนี้ ไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่าครับ”

 

 

“สวัสดี ผมแซ่โหยว เป็นผู้ช่วยของคุณหนูเฉียว นี่เป็นหนังสือแสดงเจตจำนงการซื้อขายของพวกเรา” ผู้ช่วยโหยวพูดกับลุงหวังพลางหยิบเอกสารชุดหนึ่งออกมาจากกระเป๋ายื่นมาตรงหน้า “ตอนนี้ช่องราคายังเว้นว่างไว้อยู่”

 

 

ลุงหวังสับสนงุนงง “หนังสือแสดงเจตจำนงการซื้อขาย คลินิกของเราไปประกาศขายตอนไหน” ลุงหวังหันไปมองอวี๋กานกาน

 

 

อวี๋กานกานตรวจให้คนไข้เสร็จพอดี “หลังจากที่ฝังเข็มและรับประทานยาไปแล้วสองวัน ต่อมทอนซิลที่เป็นหนองตอนนี้เล็กลงสองในสามส่วนแล้ว ไข้ก็ลดแล้ว แต่ยังมีเสมหะอยู่ค่อนข้างเยอะ ฉันจะจ่ายยาให้คุณอีกห้าชุด หลังจากที่รับประทานครบแล้วก็จะหายดีกลับมาเป็นปกติ”

 

 

เธอพูดพลางหยิบปากกาเขียนใบสั่งยา ก่อนจะกล่าวต่อพร้อมกับเขียนไปด้วย “ห้ามกินอาหารที่จะกระตุ้นให้เกิดการระคายเคือง เช่น พริก กินผักผลไม้และอาหารที่มีวิตามินซีสูงให้เยอะๆ นะคะ”

 

 

อวี๋กานกานเซ็นลงบนใบสั่งยา จากนั้นยื่นให้กับคนไข้ พร้อมกับพูดกับลุงหวัง “ลุงหวังคะ จัดยาค่ะ”

 

 

ลุงหวังโยนหนังสือแสดงเจตจำนงกลับไปทางผู้ช่วยโหยว ลุกขึ้นยืนเดินไปยังเคาน์เตอร์ยา รับใบสั่งยาจากคนไข้จากนั้นเริ่มจัดแจงยาสมุนไพร

 

 

อวี๋กานกานเดิมมานั่งตรงข้ามเฉียวพั่นเอ๋อร์ เมื่อเฉียวพั่นเอ๋อร์เห็นว่าเป็นอวี๋กานกานแววตาของเธอฉายแววประหลาดใจ “เป็นเธอนี่เอง”

 

 

อวี๋กานกานคลี่ยิ้ม “สวัสดีค่ะ คุณหนูเฉียว”

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์มองอวี๋กานกานตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เชิ่ดคางขึ้นเล็กน้อย ท่าทางหยิ่งผยอง “นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะเป็นเพื่อนของจยาอวี่ นี่เป็นพรหมลิขิตอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 130 บังคับขาย

 

 

“ฉันก็คิดไม่ถึงเช่นกันค่ะว่าจะได้เจอคุณหนูเฉียวอีกครั้งเร็วขนาดนี้” อวี๋กานกานตอบพร้อมกับคลี่ยิ้มบางๆ แม้ว่าเธอจะนั่งในอยู่ท่วงท่าสบายๆ ทว่าออร่ารอบๆ ตัว เมื่อเทียบกับเฉียวพั่นเอ๋อร์แล้วถือว่าสูสีใกล้เคียง

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์พูดอย่างวางอำนาจ “ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนของจยาอวี่ งั้นก็คุยกันง่ายหน่อย ในส่วนของราคาขายฉันยินดีให้ราคาที่เธอพึงพอใจมากที่สุด”

 

 

อวี๋กานกานมองเฉียวพั่นเอ๋อร์อย่างขบขัน “คุณหนูเฉียว เหมือนว่าฉันจะไม่เคยบอกนะคะว่าจะขายคลินิกนี้”

 

 

เมื่อวันก่อนตอนที่รับประทานอาหารกับหลินจยาอวี่ ตอนที่เฉียวพั่นเอ๋อร์พูดถึงเรื่องแพทย์แผนจีนกับหลินจยาอวี่ เธอมีสีหน้าท่าทางดูหมิ่นดูแคลนสุดขีด แล้วทำไมจู่ๆ ถึงอยากเปิดคลินิกแพทย์แผนจีนขึ้นมา

 

 

“คลินิกของเธอฉันดูๆ แล้วกิจการไม่ค่อยดีเท่าไรนะ แทนที่ต้องมาเฝ้าอยู่ที่นี่ทุกวัน เป็นกังวลว่าจะเปิดต่อไม่รอด ไม่สู้ขายต่อให้คนอื่นจะได้หายใจให้คล่องคอขึ้นสักหน่อยไม่ดีกว่าเหรอ” เฉียวพั่นเอ๋อร์ยิ้มแล้วกล่าว จากนั้นโยนหนังสือแสดงเจตจำนงการซื้อขายไปตรงหน้าอวี๋กานกาน

 

 

นิ้วมือของอวี๋กานกานวางลงบนหนังสือแสดงเจตจำนง จากนั้นดันออกไปเบาๆ “ขอโทษนะคะ คลินิกนี้ไม่ขาย”

 

 

“ไม่ขาย?” รอยยิ้มบนใบหน้าเฉียวพั่นเอ๋อร์หายวับไปในทันตาแทนที่ด้วยสีหน้าเย็นชาจองหอง จากนั้นค่อยๆ เอี้ยวขาขึ้นมาไขว่ห้างอย่างดัดจริต “ไม่ขายจริงๆ หรือว่าอยากได้ราคาที่สูงกว่านี้? ฉันบอกแล้วไงในเมื่อเธอรู้จักกับจยาอวี่ เรื่องราคาขายฉันย่อมไม่ทำให้เธอต้องผิดหวังแน่”

 

 

อวี๋กานกานยิ้มอ่อน “คลินิกนี้ไม่ใช่ของฉัน ฉันขายไม่ได้”

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์มองอวี๋กานกานด้วยสายตาเย็นชา แค่นเสียงขึ้นจมูกดังเหอะ พูดถากถาง “บางครั้งการที่ลีลาท่าเยอะมากจนเกินไปก็อาจจะเสียมากกว่าคุ้มนะ”

 

 

“ฉันบอกว่าไม่ขายก็คือไม่ขาย ขายไม่ได้ก็คือขายไม่ได้ ถ้าคุณยังเข้าใจความหมายของฉันผิดอีก ฉันก็จนปัญญา” อวี๋กานกานเอียงศีรษะเล็กน้อย พร้อมกับแบมือทั้งสองออกไปด้านข้างเชิงว่าเอาที่คุณสบายใจเถอะค่ะ

 

 

 ครั้งนี้เฉียวพั่นเอ๋อร์เชื่อแล้วจริงๆ ว่าอวี๋กานกานไม่ขาย เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ ถาม “ไม่ขาย คลินิกของเธอทำเงินได้เท่าไรกันเชียว”

 

 

อวี๋กานกานตอบ “ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ทำเงินได้มากหรือน้อย”

 

 

เฉียวพั่นเอ๋อร์เบ้ปากดูถูก “คุณอวี๋ ฉันขอพูดด้วยความหวังดีนะ คลินิกแพทย์แผนจีนของพวกคุณทั้งเก่าและคร่ำครึสุดๆ เดิมทีก็ทำเงินอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แทนที่จะต้องมาทำงานหนักทั้งวันจนตัวเป็นเกลียว ทำไมไม่รู้จักปรับเปลี่ยนพลิกแพลงสักหน่อยดูล่ะ”

 

 

อวี๋กานกานไขว้แขนเป็นรูปกากบาทนิ้วชี้ทั้งสองส่ายไปมา สีหน้าไม่ใส่ใจ “ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะคะ แต่ว่า…ฉันไม่ต้องการ”

 

 

อวี๋กานกานแสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะทนเสวนาต่อแล้ว เฉียวพั่นเอ๋อร์ประชันสายตากับอวี๋กานกาน แววตาของเฉียวพั่นเอ๋อร์ทั้งเย็นเยียบและแหลมคมราวกับใบมีดที่คมกริบ

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอแค่นเสียงดัง “เหอะ” ออกมา จากนั้นลุกขึ้นยืนปรายตาจากที่สูงลงมามอง กล่าว “คุณอวี๋ คำบางคำไม่ควรจะรีบพูดออกมานะคะ ฉันจะทิ้งหนังสือแสดงเจตนาซื้อขายฉบับนี้ไว้ที่นี่ คุณอวี๋ลองคิดให้ดี คิดถึงอนาคตของตัวเองให้มากๆ ในหนังสือแสดงเจตนาซื้อขายนี้มีเบอร์โทรศัพท์ของฉันอยู่ หากเปลี่ยนใจก็โทรติดต่อมาที่ฉันได้เลย”

 

 

เมื่อพูดทิ้งท้ายจบเฉียวพั่นเอ๋อร์หยิบกระเป๋า หมุนตัวบิดสะโพก กระแทกส้นสูงเดินนำผู้ช่วยออกไป ในวินาทีถัดมาอวี๋กานกานหยิบหนังสือแสดงเจตนาซื้อขายทิ้งลงถังขยะที่อยู่ข้างๆ อย่างไม่ลังเล หางตาของเฉียวพั่นเอ๋อร์เหลือบไปเห็นเข้า เธอหยุดฝีเท้าลงทันที มือทั้งสองกำหมัดแน่น แววตาฉาบไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยว เดินกระทืบเท้าเสียงดังปึงปังจากไป

 

 

ลุงหวังเดินเข้ามาหาอวี๋กานกาน มองแผ่นหลังที่ค่อยๆ ห่างออกไปของเฉียวพั่นเอ๋อร์ แววตาปรากฏความกังวล “ดูทีท่าของพวกเขาแล้วเหมือนจะไม่ใช่พวกยอมรามือง่ายๆ”

 

 

อวี๋กานกานกล่าว “เมื่อมีข้าศึกใช้ขุนพลรับมือ เมื่อเกิดอุทกภัยใช้ดินป้องกัน[1]”

 

 

 

 

——

 

 

[1] เมื่อมีข้าศึกใช้ขุนพลรับมือ เมื่อเกิดอุทกภัยใช้ดินป้องกัน หมายถึง เลือกใช้วิธีรับมือที่สามารถต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามได้

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset