ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 135 จูบทางอ้อม / ตอนที่ 136 ไม่ทันตั้งตัว คำเตือนเนื้อหาต่อจากนี้สวีทหวานมาก

ตอนที่ 135 จูบทางอ้อม

 

 

ฝ่ามือของฟังจือหันวางลงบนศีรษะของอวี๋กานกานจากนั้นลูบเบาๆ “วางใจเถอะ แค่เอาไปซ่อมบำรุงตามปกติ”

 

 

อวี๋กานกานสะดุ้งโหยงเดินออกจากฟังจือหันไปไกล ราวกับสัตว์ตัวน้อยที่ตื่นตกใจ “นายอย่าโดนเนื้อต้องตัวสิ คนอื่นเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี”

 

 

ฟังจือหันหันกลับไปมอง พวกเขาเดินผ่านร้านน้ำจับเลี้ยงยี่ห้อเก่าแก่ร้านหนึ่ง เจ้าของร้านเป็นคุณลุงท่าทางใจดีคนหนึ่งกำลังยิ้มให้เขาและอวี๋กานกาน

 

 

อวี๋กานกานพยายามข่มความอายที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า โบกมือทักทายคุณลุง

 

 

ฟังจือหันเอามือสอดเข้ากระเป๋ากางเกง ถามเสียงเรียบ “คุณสนิทกับคนพวกนี้ทุกคนเลยเหรอ”

 

 

“ฉันเติบโตจากที่นี่ หลายปีมานี้เจ้าของร้านบางร้านปล่อยที่ให้คนอื่นเช่า ถ้าสักสองสามปีก่อนละก็ร้านค้าตลอดทั้งถนนเส้นนี้ไม่มีเจ้าของร้านไหนที่ฉันไม่รู้จัก” อวี๋กานกานพูดพลางชี้ไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวที่อยู่ด้านหน้า “นั่นเป็นร้านของคุณน้าหลิว พูดได้ว่าเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวที่อร่อยที่สุดในเมืองไป๋หยาง”

 

 

“งั้นคุณก็พาผมไปลองกินสิ” 

 

 

“ไม่ล่ะ” ความสัมพันธ์ของเธอและฟังจือหันกำลังตกเป็นเป้าให้เหล่าบรรดาเพื่อนบ้านคาดเดา ซุบซิบและหยอกล้อกันไปต่างๆ นานา หากเธอยังพาฟังจือหันไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านน้าหลิวอีกคงจะยิ่งไปกันใหญ่

 

 

ฟังจือหันไม่สนใจคำปฏิเสธของอวี๋กานกานเดินตรงเข้าไปในร้าน ร้านค้าเล็กๆ ตกแต่งเรียบง่าย แต่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย ทางด้านซ้ายเป็นโต๊ะติดกับทางเข้า ด้านขวาเป็นตู้กระจกที่ด้านในวางวัตถุดิบจำพวกเท้าไก่ตุ๋น เต้าหู้ตุ๋นเป็นต้น

 

 

เมื่อน้าหลิวผู้ซึ่งเป็นเจ้าของร้านเห็นอวี๋กานกานก็คลี่ยิ้มให้ทันที “อ้าวกานกาน วันนี้กินอะไรดีจ๊ะ” สายตาของน้าหลิวเองก็จดจ้องไปที่ฟังจือหันเหมือนกับเพื่อนบ้านคนอื่นๆ รูปร่างสูงใหญ่ ขาเรียวยาว หล่อเหล่ามีเสน่ห์ ไม่เลวๆ

 

 

ฟังจือหันทักทายน้าหลิวอย่างไร้สุ้มเสียงโดยการพยักหน้าให้อย่างมีมารยาท อวี๋กานกานอดทนข่มความรู้สึกแปลกประหลาดที่อยู่ในใจกล่าวทักทายน้าหลิว จากนั้นสั่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อสองชาม

 

 

“นั่งก่อนๆ เดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้วจ้ะ” น้าหลิวยิ้มกรุ้มกริ่มให้ทั้งคู่ ก่อนจะเดินเข้าไปในครัวลงมือทำก๋วยเตี๋ยวด้วยตัวเอง

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวร้อนปุดๆ ชามหนึ่งถูกยกมาเสิร์ฟ บนเส้นก๋วยเตี๋ยวสีเหลืองและน้ำซุปสีแดงถูกโปะไว้ด้วยเนื้อวัวและพริกสีแดงสด สีสันน่ารับประทาน กลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วทุกสารทิศ กระตุ้นความอยากอาหารจนน้ำลายสอ

 

 

  อวี๋กานกานรู้สึกว่าภายในปากเต็มไปด้วยน้ำลายจนแทบจะล้นออกมา เธอหยิบตะเกียบขึ้นเตรียมจะกินก่อนทว่ากลับถูกฟังจือหันคว้าข้อมือเอาไว้ “จะกินเผ็ดอีกแล้วนะ”

 

 

“จะครบเดือนอยู่แล้ว กินเผ็ดนิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นไรหรอก”

 

 

“ไม่ได้ ร่างกายของคุณยังไม่หายดี” ฟังจือหันไม่ยอมให้เธอกินเผ็ด เขาดึงชามก๋วยเตี๋ยวมาวางไว้ตรงหน้าตัวเอง จากนั้นหันไปพูดกับน้าหลิว “อีกชามรบกวนไม่ใส่พริกนะครับ”

 

 

น้าหลิวชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะได้สติคืนกลับมา “อ้อ ได้จ้ะ”

 

 

“ก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวไม่ใส่พริกมันไม่อร่อย ร่างกายของฉัน ฉันรู้ดีหน่า กินนิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นไรหรอก” ในขณะที่อวี๋กานกานพูด สายตาของเธอจดจ้องอยู่ที่พริกในชามก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัว

 

 

ฟังจือหันเห็นเธอน้ำลายสออยากจะกินเป็นอย่างยิ่ง เขาคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวและเนื้อวัว จิ้มกับพริกยื่นมาตรงปากของอวี๋กานกาน           

 

 

ณ ขณะนั้นอวี๋กานกานไม่ได้คิดอะไรมากอ้าปากกินก๋วยเตี๋ยว เคี้ยวไปด้วยบรรยายความอร่อยของก๋วยเตี๋ยวน้าหลิวไปด้วย เนื้อวัวหอมหวานนุ่มละมุน เส้นก๋วยเตี๋ยวเหนียวนุ่มหนึบหนับ เมื่อกลืนลงไปจะมีความรู้สึกอบอุ่นอยู่ภายในช่องท้อง ช่างเหมาะกับฤดูที่หนาวจัดอะไรขนาดนี้

 

 

ในวินาทีถัดมาเธอเห็นฟังจือหันใช้ตะเกียบที่อยู่ในมือกินก๋วยเตี๋ยวต่อ ปากของเธอที่กำลังเคี้ยวหยุบหยับพลันแข็งค้างไปในทันที

 

 

หมอนี้เป็นโรคเจ้าสำอางไม่ใช่เหรอ

 

 

ทำไมถึงไม่เปลี่ยนตะเกียบ

 

 

แบบนี้มันก็จูบกันทางอ้อมนะสิ!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 136 ไม่ทันตั้งตัว คำเตือนเนื้อหาต่อจากนี้สวีทหวานมาก

 

 

มือข้างที่ถือตะเกียบของฟังจือหันชะงักไปเล็กน้อย เขาเองก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าพวกเขาใช้ตะเกียบร่วมกัน เขาหลุบสายตาลงต่ำปกปิดนัยน์ตาล่อกแล่ก จากนั้นมองไปที่อวี๋กานกาน มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มทรงเสน่ห์ น้ำเสียงนุ่มละมุมราวกับไวน์ชั้นดีที่มอมเมาผู้คนให้ลุ่มหลง “อนุญาตให้คุณกินเผ็ดน้อยได้”

 

 

บรรยากาศเงียบนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาของอวี๋กานกานค่อยๆ เปล่งประกายวับแวววาว เธอรีบหันศีรษะไปทางห้องครัวพลันตะโกน “น้าหลิวคะ เผ็ดน้อยนะคะ…”

 

 

“ได้จ้า” น้าหลิวตะโกนตอบกลับมาจากในห้องครัว เพียงครู่เดียวก๋วยเตี๋ยวชามที่สองก็ถูกยกมาเสิร์ฟ

 

 

ในตอนที่พวกเขารับประทานก๋วยเตี๋ยวมีลูกค้าคนอื่นมาเพิ่ม น้าหลิวจึงง่วนอยู่กับงานของตัวเอง อวี๋กานกานเห็นว่าฟังจือหันกินไปเพียงแค่ครึ่งชามก็ออกอาการไม่อยากกินต่อแล้ว เขาเตรียมจะวางตะเกียบลงบนถ้วย เธอรีบพูดทันที “นายอย่ากินทิ้งกินขว้างสิ กินให้หมด”

 

 

ฟังจือหัน “…”

 

 

อวี๋กานกานกดเสียงต่ำกล่าวต่อ “นายดูก๋วยเตี๋ยวในชามของลูกค้าคนอื่นสิ ไม่ค่อยเหมือนกับของพวกเราใช่ไหม ฉันจะบอกอะไรนายให้ น้าหลิวเขาแถมเครื่องให้พวกเรา ถ้านายกินไม่หมด นั่นเป็นการหักหาญน้ำใจของน้าหลิว”

 

 

ฟังจือหันเหลือบไปมองก๋วยเตี๋ยวในชามของลูกค้าคนอื่นๆ ไม่เหมือนกับชามของพวกเขาจริงๆ ด้วย ชามของพวกเขาปริมาณเส้นก๋วยเตี๋ยวและเนื้อวัวเยอะกว่าชามลูกค้าคนอื่นมาก เขาคีบก๋วยเตี๋ยวกินต่อ กล่าวเสียงนิ่ง “พวกเขาดีกับคุณมาก”

 

 

“ของมันแน่อยู่แล้ว ลุงป้าน้าอาในถนนเส้นนี้ทุกคนชอบฉันทั้งนั้น” อวี๋กานกานกินก๋วยเตี๋ยวเข้าไปหนึ่งคำ ยิ้มไปพร้อมกับพูด “ที่จริงเป็นเพราะคุณปู่ของฉัน เพื่อนบ้านที่รู้จักกันมานานในถนนเส้นนี้แทบจะทุกคนเคยมาหาปู่ของฉันเพื่อรับการรักษาแบบแพทย์แผนจีน ต่อมาอาจารย์ของฉันเริ่มมีชื่อเสียง ตอนที่พวกเขาอยากจะหาแพทย์แผนปัจจุบันก็จะมาปรึกษาอาจารย์ของฉัน จริงๆ แล้วก็คือเมื่อมีอาการป่วยมนุษย์เราก็มักจะหาคนที่สนิทใจสักคนมาเป็นจุดยึดเหนี่ยวให้ตัวเองสบายใจ…”

 

 

เมื่อพูดถึงประโยคนี้ อวี๋กานกานพลันเศร้าหมองลงทันที “ไม่รู้ว่าอาจารย์ฉันตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหน เมื่อไรจะกลับมา”

 

 

แววตาของฟังจือหันจ้องมองไปที่อวี๋กานกานอย่างลึกซึ้ง “คุณเคยคิดไหมว่า ถ้าอาจารย์ของคุณไม่กลับมาอีก…”

 

 

อวี๋กานกานพูดขัดเขาทันที “เป็นไปไม่ได้ คุณปู่ให้อาจารย์เป็นคนดูแลฉัน เขาไม่มีทางไม่กลับมา” ทันใดนั้นเธอพลันนึกถึงเรื่องที่ฟังจือหันเคยพูดว่าจะช่วยเธอตามหาอาจารย์ หรือว่าเขาสืบเจออะไรบางอย่างแล้ว เธอกุมหัวใจของตัวเองไว้แน่น ถามฟังจือหันด้วยความเป็นกังวล “ทำไมนายพูดแบบนี้ นายรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับอาจารย์ของฉันแล้วใช่ไหม”

 

 

ฟังจือหันตอบ “ไม่แน่ใจว่ามีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับอาจารย์ของคุณหรือเปล่า ผมตรวจสอบไปได้นิดเดียวเท่านั้น อาจารย์ของคุณหายตัวไปในกลางทะเล บนท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลคนคนหนึ่งจู่ๆ ก็หายตัวไป คุณไม่เคยนึกถึง…ความน่าจะเป็นเลยเหรอ”

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

คนคนหนึ่งหายตัวไปอย่างกะทันหัน ไม่มีข่าวคราวใดๆ ทั้งสิ้น อวี๋กานกานรู้ดีว่านี่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงอะไร แต่เธอไม่อยากจะตีตนไปก่อนไข้

 

 

“แต่ว่าอาจารย์ของคุณน่าจะไม่เป็นอะไร เพราะว่าที่ทะเลตอนนั้นเกิดคดีฆาตกรรมคดีหนึ่งขึ้น ได้มีการปฏิบัติการงมค้นหาบริเวณโดยรอบเป็นรัศมีกว่าร้อยไมล์ แต่กลับไม่พบศพใครทั้งนั้น”

 

 

เมื่ออวี๋กานกานได้ยินฟังจือหันพูดเช่นนี้ เธอพ่นลมหายใจพรูอย่างโล่งอก หาไม่เจอนั่นก็หมายถึงอาจารย์ยังไม่เป็นอะไร

 

 

นิ้วมือของฟังจือหันเคาะเบาๆ ลงบนโต๊ะสองครั้ง “เรื่องทั้งสองเรื่องนี้เกิดขึ้นแทบจะในช่วงเวลาเดียวกัน คุณคิดว่าอาจารย์ของคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมคดีนี้หรือเปล่า”

 

 

อวี๋กานกานจำได้ว่าตอนที่เธอหาข้อมูลเกี่ยวกับการสัมมนาวันนั้น เธอไม่เจอข่าวอะไรที่เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมเลย “ตอนนี้ที่นายหมายถึงคืออาจารย์ของฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม มีคนตาย ส่วนอาจารย์ฉันหายตัวไป นายกำลังจะบอกว่าอาจารย์ฉันเป็นคนฆ่า…” อวี๋กานกานวิเคราะห์ประโยคที่ฟังจือหันพูด เมื่อเข้าใจในความหมายที่เขาจะสื่อแล้ว เธอก็โกรธขึ้นมาทันที “อาจารย์ฉันไม่มีทางฆ่าคน!”

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset