ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 153 อย่างพวกนายเนี่ยนะจะจับฉัน / ตอนที่ 154 ท่านยมตั้งวงไพ่ยังขาดขาหนึ่ง ขาดเธอไง

ตอนที่ 153 อย่างพวกนายเนี่ยนะจะจับฉัน

 

 

ความรุนแรงในโลกไซเบอร์คือมีดที่มองไม่เห็นที่สามารถทิ่มแทงผู้คนจนเกิดเป็นแผลเหวอะหวะเจิ่งนองไปด้วยเลือด อวี๋กานกานยิ่งอ่านก็ยิ่งเป็นทุกข์ ราวกับมีเข็มเงินละเอียดเล็กจำนวนมากกระหน่ำแทงเข้ามาที่หัวใจ

 

 

ฟังจือหันเห็นสีหน้าอวี๋กานกานย่ำแย่ ก้าวเท้าเดินเข้าไปหา ยื่นมือมาฉกโทรศัพท์จากเธอไป กดล็อก ทิ้งไว้อีกฝั่งหนึ่ง

 

 

อวี๋กานกานทั้งตกใจและประหลาดใจ มองฟังจือหัน “เป็นอะไร”

 

 

ฟังจือหันเอ่ยเสียงเย็น “ความคิดเห็นในอินเทอร์เน็ต มีแต่ความรุนแรงไร้เหตุผล คุณอธิบายความจริงกับพวกเขาด้วยเหตุผลก็เหมือนกับพูดเรื่องกฎหมายให้พวกโจรและอันธพาลฟัง”

 

 

นี่กำลังปลอบเธออยู่งั้นเหรอ อวี๋กานกานกะพริบตาปริบๆ ยิ้มให้ฟังจือหัน “ตัวตรงไม่กลัวเงาเฉียง[1] ตนเองไม่ได้ทำในสิ่งที่ต้องละอายแก่ใจตนเอง ใช่ไหม!”

 

 

อวี๋กานกานส่วนใหญ่มักจะยิ้มไปตามมารยาทเป็นรอยยิ้มบางเบาจืดชืด ไร้อุณหภูมิ เหมือนกับสัญชาตญาณของมนุษย์ที่ต้องการอาหารและการนอนหลับ แต่ตอนนี้เธอยิ้มอย่างสว่างสดใส ดวงตาหยีเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวงดงาม เหมือนกับว่าท้องฟ้าผืนแผ่นดินและทุกสรรพบนโลกมืดลงในทันตา ปลายนิ้วมือของฟังจือหันเคาะลงบนโต๊ะ สายตาชำเลืองมองอวี๋กานกาน จู่ๆ ก็มีไอร้อนสายหนึ่งพรั่งพรูออกมาจากหัวใจ

 

 

อวี๋กานกานเห็นว่าฟังจือหันค่อนข้างเหม่อลอย เธอจึงโน้มตัวไปด้านหน้าถามย้ำอีกครั้ง “ใช่ไหม”

 

 

นัยน์ตาดำขลับลึกซึ้งของฟังจือหัน มองอวี๋กานกานที่จ้องมาที่ตนเองเหมือนกำลังถามไถ่วิชาความรู้ ริมฝีปากสีสดอวบอิ่ม เนียนนุ่มและเต่งตึง ชวนให้อยากครอบครองเป็นเจ้าของ

 

 

ลูกกระเดือกเซ็กซี่ยั่วยวนขยับขึ้นลง ฟังจือหันเบือนสายตา จู่ๆ ก็หันตัวไปทางอื่น “ผมไม่ได้หูหนวก” น้ำเสียงของชายหนุ่มไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนัก ในก้นบึ้งหัวใจของอวี๋กานกานมีความรู้สึกหนึ่งพุ่งขึ้นมา เป็นความรู้สึกสนิทชิดเชื้อที่เธอเองก็ไม่สามารถอธิบายออกมาได้

 

 

มือทั้งสองของอวี๋กานกานวางอยู่ใต้คาง ริมฝีปากสีชมพูโค้งหยักขึ้น “ฟังจือหัน นายวันๆ ไม่เห็นต้องทำอะไร มาเป็นผู้ช่วยฉันไม่ดีกว่าเหรอ”

 

 

ฟังจือหันกำลังจะอ้าปากพูดแต่อวี๋กานกานชิงพูดตัดหน้าก่อน “นายคงไม่ฉวยโอกาสตอนนี้ฉันลำบาก มายื่นข้อเสนออะไรแลกเปลี่ยนใช่ไหม นายดูสิตอนนี้ฉันอนาถขนาดไหน”

 

 

“คนในคลินิกไปไหนหมด” ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ก็มีคนตะแบงเสียงถาม ขัดจังหวะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน

 

 

อวี๋กานกานมองไปตามเสียงเห็นผู้ชายสองคนสวมยูนิฟอร์มตำรวจเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นมองอวี๋กานกานและฟังจือหัน ถาม “ใครเป็นเจ้าของคลินิกนี้”

 

 

อวี๋กานกานกำลังจะเดินไปถามพวกเขาว่ามีเรื่องอะไร แต่ฟังจือหันเดินออกไปรับหน้าให้ “มีเรื่องอะไร”

 

 

เมื่อพวกเขาเห็นว่าฟังจือหันเป็นคนตอบโต้จึงคิดว่าฟังจือหันเป็นเจ้าของคลินิกนี้ พวกเขามองตั้งแต่หัวจรดเท้า พูดทวงความยุติธรรมอย่างโกรธแค้น “แกนี่เองเจ้าของคลินิก แกนี่เองที่ฆ่าคน แกรู้ไหมว่าทำคนตายมันต้องชดใช้ด้วยชีวิต เอาล่ะจับตัวมันไป”

 

 

อวี๋กานกานคาดไม่ถึงว่าหลังจากที่ตำรวจสองคนนี้เดินเข้ามา พวกเขาไม่ถงไม่ถามเรื่องราวเป็นมาอย่างไร ไม่แยกแยะถูกผิดจะจับกุมตัวอย่างเดียว ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่าเป็นคนของเฉียวพั่นเอ๋อร์ ต้องเป็นเพราะเธอปฏิเสธข้อเสนอของผู้ช่วยโหย่ว เฉียวพั่นเอ๋อร์ถึงเลือกใช้วิธีราดน้ำมันลงบนเปลวไฟ

 

 

อวี๋กานกานรีบวิ่งออกมา ตะโกนเสียงดัง “ฉันต่างหากที่เป็นเจ้าของคลินิก ไม่ทราบว่าฉันทำอะไรผิดพวกคุณถึงมาจับฉัน”

 

 

ฟังจือหันคว้าแขนของอวี๋กานกานไว้ ดึงเธอให้มายืนอยู่ด้านหลัง มือทั้งสองสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หัวเราะเยาะเสียงเย็น “อย่างพวกนายเนี่ยนะจะจับฉัน?”

 

 

นัยน์ตาหยิ่งยโสโอหังชายหนุ่ม ออร่าเย็นยะเยือกรอบๆ กาย ทำให้รู้สึกหายใจไม่ค่อยออกขึ้นมาอย่างฉับพลัน ตำรวจคนนั้นก้าวถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ ตระหนักได้ถึงความขี้ขลาดตาขาวของตนเอง จึงรีบตะโกนเสียงดังกลบเกลื่อน “พล่ามให้มันน้อยๆ หน่อย จับกุมตัวพวกมันไป!”

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] ตัวตรงไม่กลัวเงาเฉียง หมายถึง หากทำถูกต้องแล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะวิจารณ์อย่างไร

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 154 ท่านยมตั้งวงไพ่ยังขาดขาหนึ่ง ขาดเธอไง

 

 

สีหน้าของฟังจือหันไม่มีอารมณ์ใดๆ นอกจากความเย็นชา ยืนอยู่ตำแหน่งเดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน แต่สีหน้าของอวี๋กานกานนี้สิ กลับลุกลี้ลุกลนอย่างปิดไว้ไม่มิด เดินมายืนข้างๆ ฟังจือหันอย่างไม่สบายใจ ก่อนจะพูดกับตำรวจสองคนนั้น “มากเกินไปแล้วนะพวกคุณ บ้านเมืองยังมีกฎหมายอยู่หรือเปล่า”

 

 

เธอจำได้ว่าฟังจือหันเองก็มีพรรคพวกเป็นตำรวจ ถ้าจะจับฟังจือหันสู้จับเธอไม่ดีกว่าเหรอ อย่างน้อยฟังจือหันอยู่ด้านนอก อาจจะมีวิธีที่สามารถหาคนมาช่วยเธอได้ กลับกันกับเธอที่ไม่ได้มีเส้นสายอะไร

 

 

มีคนมาเยือนคลินิกเพิ่มอีกแล้ว หญิงสาวท่าทางหยิ่งผยอง ถือกระเป๋าแอร์เมสรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น รองเท้าส้นสูงเหยียบลงพื้นส่งเสียงดังต๊อกแต๊ก ต๊อกแต๊ก เธอปรายตามองไปรอบๆ คลินิกด้วยหางตา มุมปากคว่ำลงเล็กน้อย “นี่มันอะไร เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ร่างกายทั้งส่วนบนและส่วนล่างไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่สั่นริกๆ ด้วยความอยากรู้

 

 

ฟังจือหันและอวี๋กานกานมองเฉียวพั่นเอ๋อร์ ไม่ได้ตกใจหรือโกรธอะไร เรื่องทั้งหมดนี้เป็นฝีมือเฉียวพั่นเอ๋อร์ ถ้าเธอไม่ปรากฏตัวออกมาก ละครฉากนี้จะพุ่งทะยานขึ้นสู่จุดพีคได้อย่างไร

 

 

ฟังจือหันเห็นเฉียวพั่นเอ๋อร์เป็นเพียงอากาศธาตุ อวี๋กานกานหัวเราะเยาะ “ได้กลิ่นเหม็นคาวมาแต่ไกล ฉันก็คิดอยู่ว่าอะไร ที่แท้ก็เธอมานี่เอง”

 

 

สีหน้าของเฉียวพั่นเอ๋อร์บูดบึ้งขึ้นทีละน้อย เธอแสยะยิ้มเย็นชา พูดเสียงเอื่อย “เธอรู้ไหมว่าตอนนี้เธอกำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไร”

 

 

หางคิ้วของอวี๋กานกานเลิกขึ้นเล็กน้อย ตอบ “ท่ามยมตั้งวงไพ่ขาดอยู่อีกขาหนึ่ง ขาดเธอนั่นแหละ! ส่วนฉันกำลังเผชิญกับปัญหาที่ว่าจะทำยังไงถึงจะส่งเธอลงไปเล่นไพ่กับท่านยมได้”

 

 

เธอไม่ได้อยากจะให้เฉียวพั่นเอ๋อร์ไปตาย ในใจของทุกคนล้วนมีกิเลสส่วนตัว เธอเป็นหมอรักษาชีวิตคน เป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง รักษาคนอย่างเท่าเทียมไม่แบ่งแยกคนดีคนเลว ปฏิบัติต่อทุกเรื่องอย่างเท่าเทียมไม่เอนเอียง คุณอยู่ของคุณ ฉันก็อยู่ของฉันไม่ระรานกัน แต่ตอนนี้อีกฝ่ายจะเอาเธอถึงตาย เธอย่อมต้องภาวนาให้อีกฝ่ายรีบๆ ชิงลงยมโลกไปก่อน

 

 

เมื่อได้ฟังประโยคนี้ของอวี๋กานกาน ใบหน้าของเฉียวพั๋นเอ๋อร์เหมือนถูกย้อมด้วยน้ำหมึกดำ พูดด้วยสีหน้าถมึงทึง “อวี๋กานกาน เธอต้องรู้จักสถานะของตัวเองซะบ้างนะ อย่าทะนงตนว่าตัวเองเก่งกาจ ตอนที่ยังมีโอกาสก็ต้องฉกฉวยเอาไว้ มีคนบางคนที่เธอไม่สามารถหืออือด้วยได้ มิฉะนั้นจะตายโดยไม่รู้สาเหตุ จำเป็นไหม คิดอะไรของเธออยู่”

 

 

“คนที่ไม่สามารถหืออือด้วยได้? เธอน่ะเหรอ เธอคิดว่าตัวเองเป็นองค์หญิงผู้สูงส่งในสมัยก่อนหรือไงอย่างไร สามารถใช้มือเดียวปิดบังท้องฟ้า? ถ้าฉันไม่ยอม พรุ่งนี้ต้องถูกเธอกำจัดทิ้ง?” อวี๋กานกานเอ่ยเสียงเรียบ วาจาไม่หยาบกร้าน แต่เหน็บแนมเสียดสีทุกคำทุกประโยค ท่าทีแข็งกร้าวไม่หวาดหวั่น

 

 

เปลวเพลิงแห่งความโกรธลุกโชนอยู่ในดวงตาของเฉียวพั่นเอ๋อร์ เธอโยนไม้เด็ดสุดท้าย หยิบเอาสัญญาการซื้อขายออกมาจากกระเป๋า เอ่ยเสียงเย็น “เรื่องคลินิกเธอชาวบ้านชาวช่องเขารู้กันหมดแล้ว ฉะนั้นเธอเซ็นสัญญาฉบับนี้ซะ ปัญหาทั้งหมดก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ไม่เช่นนั้นเธอก็ต้องไปกับตำรวจสองคนนี้”

 

 

ตำรวจสองคนนี้เป็นพวกที่เฉียวพั่นเอ๋อร์จ้างมาแน่ๆ ใจจริงเธอไม่ได้อยากให้อวี๋กานกานถูกตำรวจจับ เพราะแบบนั้นมันจะยิ่งยุ่งยากไปกันใหญ่ เป้าหมายของเธอแค่ต้องการให้อวี๋กานกานยอมถอยแล้วขายคลินิกให้กับเธอ

 

 

ภายในสถานการณ์ที่ตกอยู่ภายใต้อำนาจที่เหนือกว่า อวี๋กานกานกำหมัดแน่น กลั้วหัวเราะ “คลินิกเป็นของฉัน ขอแค่ฉันไม่ยินยอม ต่อให้ฉันต้องเข้าคุกเข้าตาราง คลินิกก็ยังคงเป็นของฉัน!”

 

 

เธอไม่คิดว่าตัวเองจะถูกจับเข้าคุก ยามาจากคลินิกเธอก็จริงแต่เธอไม่ได้ทำร้ายใคร เธอเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต บนท้องฟ้ามีเมฆ บนพื้นมีหญ้า เธอไม่เชื่อว่าบ้านเมืองจะไม่มีขื่อมีแป! 

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset