ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 163 บังคับกอด บังคับจูบ / ตอนที่ 164 เขินอาย เกือบได้ชีวิตใหม่

ตอนที่ 163 บังคับกอด บังคับจูบ

 

 

ได้รับการรักษาถึงรากถึงโคน

 

 

ความแรงมากพอ

 

 

ระยะเวลานานเพียงพอ

 

 

อวี๋กานกานไม่สะอึกแล้ว แต่กลับเวียนหัวมากยิ่งกว่าเดิม ร่างกายราวกับถูกเนรเทศ ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของตัวเอง เลื่อนลอยราวกับแม่น้ำในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังละลาย ร่างกายอ่อนปวกเปียกไร้ที่ยึด แต่กลับรู้สึกโปรดโปร่งโล่งสบายเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าร่างกายผ่อนคลายและเบาขึ้นทุกขณะ ประหนึ่งขนนกที่ลอยละล่องอยู่ในอวกาศ

 

 

มนุษย์อยู่ในอวกาศต้องการออกซิเจน อวี๋กานกานสูดลมหายใจเข้าอย่างตะกละตะกลาม เธออยากได้มากกว่านี้ ท่ามกลางเมฆหมอก ไม่รู้ว่าตนเองอยู่แห่งหนใด อวี๋กานกานหลับตาลง ปล่อยให้ตัวเองดำดิ่งลงไปในความมืดมิด…

 

 

แสงอรุณสาดส่องเข้ามาผ่านทางหน้าต่าง อวี๋กานกานสะลึมสะลือตื่นขึ้น เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าริมฝีปากและลำคอแห้งผาก วิงเวียนศีรษะ เป็นเรื่องจริงที่คนดื่มแอลกอฮอล์ไม่เป็นก็ไม่ควรดื่ม มิเช่นนั้นสร่างเมาแล้วจะทรมานสุดๆ

 

 

ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะรู้สึกมาโดยตลอดว่ามันทั้งขมทั้งฝาด ไม่อร่อย แต่ไวน์เมื่อคืนรสดีจริงๆ ความจริงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าต่อให้รสดีแค่ไหนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ยังคงเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากนี้ต่อไปแม้ว่าจะรสดีแค่ไหนเธอก็จะไม่ดื่มมันอีกแล้ว

 

 

ความรู้สึกตอนเมาเหล้า ได้ทดลองแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว อวี๋กานกานบิดเอว จากนั้นพลิกตัวคลอเคลียกับหมอนครู่หนึ่ง เมื่อคืนเธอกลับมาที่ห้องได้อย่างไรกันนะ จำได้เพียงแค่ว่าหลังจากรับประทานอาหารเสร็จก็ขึ้นรถ หลังจากนั้นเป็นภาพความทรงจำกระจัดกระจาย

 

 

หลังจากลงจากรถฟังจือหันอุ้มเธอเข้าห้อง…อวี๋กานกานสะดุ้งโหยง เธอรีบพลิกผ้าห่มเปิดออกดู ยังคงสวมชุดตัวเดียวกับเมื่อวาน เพียงแค่ว่าถอดเสื้อโค้ตและเสื้อหนาวขนสัตว์ออก

 

 

เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก

 

 

โชคดี

 

 

โชคดี

 

 

โชคดี

 

 

กล่าวติดต่อกันสามครั้ง

 

 

หลังจากล้างหน้าบ้วนปากแล้ว เธอเดินออกมาเห็นฟังจือหันนั่งกินข้าวเช้าอยู่ตรงโต๊ะทานอาหาร แสงแดดด้านนอกส่องทะลุหน้าต่างตกกระทบลงบนร่างกายของเขา ทั้งตัวถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองอ่อนๆ ให้ความรู้สึกโดดเด่น สูงศักดิ์ ไม่สามารถย่างกรายเข้าใกล้ได้โดยง่าย

 

 

ฟังจือหันปรายตามามองเธอแวบหนึ่ง จากนั้นรินน้ำอุ่นหนึ่งแก้ววางไว้ให้เธอตรงที่นั่งด้านข้าง

 

 

อวี๋กานกานนั่งลงข้างๆ “ขอบคุณนะ”

 

 

หลังจากที่ดื่มน้ำอุ่นลงไปแล้ว เธอรู้สึกสบายไปทั่วทั้งตัว ในขณะเดียวกันก็พลันนึกถึงเรื่องเมื่อคืนเหมือนว่าเธอจะพูดอะไรบางอย่างกับฟังจือหัน ‘นายเคยเจอฉันเมื่อนานมาแล้วใช่ไหม ตกหลุมรักฉันตั้งแต่แรกเห็นละสิ แต่ไม่กล้าพูด ได้แต่แอบชอบฉันอย่างลับๆ…’

 

 

พรืด!

 

 

เธอคงไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้นใช่ไหม ฟังจือหันพูดอะไรที่ทำให้เธอกล้าพูดอะไรที่มั่นใจมากขนาดนั้นออกมา

 

 

อวี๋กานกานทำตัวลับๆ ล่อๆ แอบชำเลืองมองฟังจือหันแวบหนึ่ง เขากินข้าวเช้าตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือจะเป็นเพราะพวกเขาเล่นมุกตลกกัน เธอเลยพูดประโยคแบบนั้นออกมา?

 

 

อวี๋กานกานยิ้มให้ฟังจือหัน “โจ๊กนี่อร่อยดีนะ นายทำเหรอ”

 

 

ฟังจือหันไม่ตอบเธอ ตั้งหน้าตั้งตากินของตัวเอง

 

 

อวี๋กานกานสองจิตสองใจ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจถามออกไป “เอ่อ…เมื่อคืน ฉันดื่มค่อนข้างหนัก ตอนนี้ก็ยังเวียนหัวอยู่นิดหน่อย จำเรื่องอะไรไม่ค่อยได้ แล้วก็ไม่รู้ว่าตอนเมาฉันได้ทำไรบ้าๆ บอๆ ลงไปหรือเปล่า”

 

 

ฟังจือหันเหลือบสายตาขึ้นมามอง สายตาล้ำลึกจ้องมองมาที่เธอ ริมฝีปากหยักโค้งขึ้น “หืม”

 

 

“ก็พวกกิริยาท่าทางหรือคำพูดที่เสียมารยาท”

 

 

“มี”

 

 

“ฉันเมาแล้วพูดอะไรบ้าๆ บอๆ ออกมาใช่ไหม”

 

 

“ไม่ใช่แค่พูด” ฟังจือหันตอบกลับมาสี่พยางค์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับทำให้อวี๋กานกานเกือบพลัดหล่นตกจากเก้าอี้ เธอกลืนน้ำลายลงอย่างแรง

 

 

ไม่ใช่แค่พูด? หรือว่าเธอทำอะไรลงไป บังคับกอด บังคับจูบ ทำให้ฟังจือหันสูญเสียความบริสุทธิ์?

 

 

อวี๋กานกานกระวนกระวาย อยู่ไม่เป็นสุขจนแก้มขึ้นสี เธอถามอย่างระมัดระวัง “ฉันได้ทำอะไรล่วงเกินนายหรือเปล่า”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 164 เขินอาย เกือบได้ชีวิตใหม่

 

 

นัยน์ตาของฟังจือหันครุ่นคิด ก่อนจะตอบกลับมาประโยคหนึ่งอย่างคลุมเครือ “เรื่องที่คุณทำ เรียกได้ว่าลืมไม่ลงไปทั้งชีวิต”

 

 

อวี๋กานกานรู้สึกว่าขมับเต้นตุบตับจนรู้สึกปวดไปทั้งศีรษะ เธอขุดลึกเข้าไปในความทรงจำ ต้องการจะขุดเรื่องที่ทำให้คนคนหนึ่งลืมไม่ลงไปทั้งชีวิตออกมา แต่น่าเสียดายสิ่งที่ได้กลับมานอกการอาการปวดศีรษะแล้วก็ไม่ได้อะไรเลย อวี๋กานกานลนลานสุดชีวิต เม้นริมฝีปาก “หรือว่าฉัน เอ่อ…พรากอะไรจากนายไป”

 

 

ความหมายของเธอคือจุมพิต กอด หรือรั้งเขาไว้ไม่ให้ยอมไป ให้นอนด้วยกันทั้งคืน

 

 

ฟังจือหันเห็นว่าใบหน้าของอวี๋กานกานแดงแปร๊ดราวกับเลือดสามารถหยดออกมาได้ องศาปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย “น่าจะนับได้ว่า…เกือบได้ชีวิตใหม่”

 

 

น้ำเสียงของเขาหยุดลงกลางคัน เหมือนกับตอนก่อนหน้าที่เธอถาม เพียงแต่ว่านั้นเป็นเพราะเธอเขินอาย แต่ฟังจือหันหยอกล้อ

 

 

เกือบได้ชีวิตใหม่…ก็คือเกิดความสัมพันธ์ลึกซึ้งขึ้น จากนั้นก็ตั้งครรภ์มีเจ้าตัวน้อย? อวี๋กานกานลูบท้องของตัวเอง แม้ว่าเธอจะไม่มีประสบการณ์ แต่ก็เพราะไม่มีประสบการณ์นี่แหละ หลังจากผ่านครั้งแรกไปแล้ว ร่างกายไม่มีทางที่จะไม่หลงเหลือร่องรอยความรู้สึกใดๆ

 

 

หลอกลวง ฟังจือหันต้องจงใจอำเธอเล่นแน่ๆ อวี๋กานกานกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อย “คนโกหก”

 

 

ริมฝีปากของฟังจือหันเม้นแน่นเป็นเส้นตรง ราวกับกำลังข่มอารมณ์บางอย่างไว้ กล่าวอย่างเคร่งขรึมจริงจัง “ไม่เชื่อ คุณลองไปดูที่ห้องน้ำสิ”

 

 

ทำไมถึงต้องไปดูที่ห้องน้ำ เธองุนงงอยู่ครู่นึกก่อนจะนึกออก หรือว่าครั้งแรกจะเกิดขึ้นที่ห้องน้ำ เขาให้เธอไปดูคราบเลือด?

 

 

อวี๋กานกานหน้าร้อนหูร้อน ราวกับว่าเลือดในตัวถูกดูดออก ใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอซีดเซียว เชื่อไม่ลง น้ำเสียงสั่นคลอน “ปะ เป็นไปไม่ได้…ใครจะรู้ว่านายป้ายเลือดอะไรไว้ ไม่แน่อาจจะเป็นเลือดไก่ เลือดเป็ดหรือเลือดจากนิ้วก็เป็นได้”

 

 

มุมปากของฟังจือหันยกยิ้มขึ้น จากนั้นถามด้วยความสงสัย “เลือดอะไร?”

 

 

อวี๋กานกานหน้าแดงแปร๊ด กระอักกระอ่วนเป็นอย่างยิ่ง ทว่าก็ยังฝืนทนเอาไว้อย่างสุดความสามารถ “งั้นนายให้ฉันไปห้องน้ำทำไม”

 

 

ฟังจือหันเอ่ยเสียงนุ่ม “ผมให้คุณไปดูเสื้อตัวเมื่อคืนที่คุณอ้วกใส่ผม เหม็นจะแย่”

 

 

อวี๋กานกานตะลึงไปครู่หนึ่ง “หา?”

 

 

ฟังจือหันเอนตัวไปด้านหลังอย่างสบายใจพร้อมกับหุบรอยยิ้มขบขัน กล่าว “คุณต้องซักให้สะอาด”

 

 

อวี๋กานกานกะพริบตาปริบๆ เธอเพิ่งจะเข้าใจ ถาม “เมื่อกี้ที่นายพูดว่าฉันทำเรื่องล่วงเกินนาย ไร้มารยาท ทั้งยังเป็นเรื่องถึงชีวิต นั่นก็คือฉันอ้วกใส่นาย”

 

 

ฟังจือหันยกยิ้มขึ้น เจตนาหยอกล้อแปะไว้ตรงหางคิ้วที่ชี้ลงของเขา “แล้วจะให้เป็นเรื่องไหนล่ะ โรคจิตน้อย คุณคิดว่าผมจะให้คุณดูอะไร”

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

เธอรู้สึกว่าใบหน้าจิ้มลิ้มของตัวเอง ร้อนผ่าวยิ่งกว่าตอนแรกที่เข้าใจผิดนึกว่าเธอและฟังจือหันมีความสัมพันธ์กัน

 

 

หมอนี่จงใจปั่นหัวเธอแน่ๆ แซวเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ทั้งยังแสร้งทำตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ เรื่องเมื่อคืนเขาต้องปั่นหัวอะไรเธอแน่ เธอถึงได้พูด ‘นายชอบฉันใช่ไหม รักฉันตั้งแต่แรกพบ’ อะไรเทือกนี้ออกมา

 

 

ฟังจือหันลุกขึ้นยืน อวี๋กานกานจ้องไปที่แผ่นหลังของเขาด้วยความขุ่นเคือง จากนั้นกล่าวตำหนิ “คนอย่างนายเนี่ย จะพูดดีๆ หน่อยไม่ได้หรือยังไง ดื่มจนเมาแล้วอ้วกเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ เกือบได้ชีวิตใหม่อะไร นายมันโอเวอร์เกินไปแล้ว ผู้ชายเฮงซวย”

 

 

ฝีเท้าของฟังจือหันหยุดลง จากนั้นหันมามองทางอวี๋กานกาน กล่าว “หืม”

 

 

ทันทีที่สบเข้ากับแววตาของชายหนุ่ม ความโกรธที่อยู่บนใบหน้าของอวี๋กานกานถูกเก็บซ่อนอย่างฉับพลัน รีบกล่าวอย่างขอไปที “ไม่มีอะไร”

 

 

เธอไม่ได้ กะ กะ กลัวนะ ก็แค่เมื่อคืนเป็นเธอที่เสียมารยาทไปอ้วกใส่ฟังจือหันก่อน

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset