ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 185 คุณฟังจือหันผู้อยู่ทุกที่ / ตอนที่ 186 ชอบเธอจนคลั่ง

ตอนที่ 185 คุณฟังจือหันผู้อยู่ทุกที่

 

 

บรรยากาศตกอยู่ในความกระอักกระอ่วน อวี๋กานกานเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร เธออายุน้อยไร้สำนักแล้วมันทำไมเหรอ ผู้หญิงที่สวมชุดชาแนลคนนี้ ดูแล้วก็ยังอายุไม่มาก หากจะวัดกันเรื่องอายุอย่างจริงจัง แพทย์แผนจีนที่มีอายุสามสิบกว่าปีถือว่าเป็นเพียงนักเรียนแพทย์ระดับต้น

 

 

หลังจากที่ได้ยินชื่ออวี๋กานกานรายงานตัว สุภาพสตรีสวมชุดสีฟ้า ดัดผมลอนท่านหนึ่ง กล่าวถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “หนูคือกานกานเหรอจ๊ะ นึกไม่เลยจริงๆ ว่าหนูจะวัยรุ่นขนาดนี้”

 

 

น้ำเสียงของเธอทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง

 

 

อวี๋กานกานรีบยื่นมือออกไปเชคแฮนด์ “สวัสดีค่ะ คุณหมอหวง”

 

 

เธอคือหวงไอ้เจินแพทย์แผนจีนของโรงพยาบาลประจำเมือง ก่อนหน้านี้ผู้อำนวยการเฉินเคยกำชับกับเธอว่าให้ศึกษาและแลกเปลี่ยนความรู้จากแพทย์ทั้งสองท่านของโรงพยาบาลประจำเมืองให้มาก

 

 

คนข้างๆ เห็นว่าพวกเขามีบัตรเชิญมาจากโรงพยาบาลเดียวกัน แต่กลับไม่รู้จักกัน จึงอดถามไม่ได้ “พวกคุณอยู่โรงพยาบาลเดียวกันแต่ไม่เคยเจอกันเลยเหรอ”

 

 

“ผู้อำนวยการเฉินเป็นคนแนะนำให้อวี๋กานกานมาร่วมงานก็จริง แต่เธอไม่ได้ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลของพวกเราค่ะ คุณหมอเยียไม่สะดวกทำให้มาไม่ได้ ผู้อำนวยการเฉินจึงให้อวี๋กานกานมาแทน แม้ว่าเธอจะอายุยังน้อย แต่ถือว่ามีประสบการณ์ทีเดียวค่ะ”

 

 

หวงไอ้เจินยิ้มพร้อมกับกุมมือของอวี๋กานกาน เอ่ยถ้อยคำชื่นชมยกยออวี๋กานกาน หวังว่าทุกคนจะช่วยดูแลชี้แนะอวี๋กานกาน

 

 

ทุกคนไม่สงสัยอะไรในอายุของอวี๋กานกานอีก พากันยิ้มอย่างเป็นมิตรให้อวี๋กานกานแต่ย่อมต้องมีคนเห็นต่าง สตรีสวมชุดชาแนลเมื่อครู่ แค่นเสียงดังหึ “จะมีประสบการณ์มากแค่ไหนกันเชียว นับตั้งแต่คลอดออกจากท้องแม่ฉันให้ไม่เกินยี่สิบปี”

 

 

สีหน้าของทุกคนค่อนข้างอิหลักอิเหลื่อ ผู้อาวุโสท่านหนึ่งยิ้มอย่างโอบอ้อมอารี กล่าว “เด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวควรจะเรียนรู้ให้มาก ต่อไปงานสัมมนาประเภทนี้ควรเชิญคนหนุ่มคนสาวมามากกว่านี้หน่อย ภายภาคหน้าจะได้ให้พวกเขาเป็นเสาหลักของแพทย์แผนจีน ส่งเสริมและพัฒนาสืบทอดต่อไป”

 

 

ผู้พูดเป็นผู้อาวุโสสวมชุดฉางเผา[1]สีน้ำเงินสดใส ไว้หนวดเครายาวเฟื้อย ให้ความรู้สึกโอบอ้อมอารีทว่าก็ดูน่าเกรงขาม ท่านผู้นี้คือแพทย์อาวุโสหวงถือเป็นนักวิชาการผู้ทรงอิทธิพลในวงการแพทย์แผนจีน ท่านไม่ได้อยู่ร่วมตลอดทั้งงาน น่าจะเข้าร่วมเพียงแค่สองถึงสามครั้ง

 

 

ทุกคนล้วนให้ความเคารพนับถือเขา เมื่อเขาพูดเช่นนี้ทุกคนต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย

 

 

อวี๋กานกานคลี่ยิ้มบางเบาให้ผู้อาวุโสหวง กล่าวขอบคุณ “ขอบคุณผู้อาวุโสหวงนะคะ”

 

 

ผู้อาวุโสหวงลูบหนวดเคราของตนเอง “พยายามเข้าล่ะ เด็กน้อย”

 

 

สตรีสวมชุดชาแนลหน้าแตกเล็กน้อย ถลึงตาใส่อวี๋กานกานด้วยสายตาคาดโทษ อวี๋กานกานหันไปสบตาเธอ ในใจของเธอเองก็รู้สึกไม่พึงพอใจเท่าไรนัก แต่ไม่ได้แสดงอาการใดๆ ผ่านออกมาทางสีหน้า

 

 

หลังจากรายงานตัวเสร็จแล้ว อวี๋กานกานลากกระเป๋าหอบตำราไปหอพักพร้อมกับหวงไอ้เจิน หวงไอ้เจินยังปลอบเธอว่าไม่ต้องเก็บเอามาใส่ใจ “การศึกษาไร้พรมแดน ไม่แบ่งแยกอายุ”

 

 

อวี๋กานกานส่ายมือเบาๆ สีหน้าไม่ถือสา เธอเองก็รู้ตัวดีว่าตนเองเด็กเกินไปหน่อย ฉะนั้นต่อหน้าผู้อาวุโสควรจะอ่อนน้อมถ่อมตน หากไม่จำเป็นต้องเผยคมเคี้ยวเธอก็จะไม่ทำอย่างเด็ดขาด

 

 

วันต่อมาเป็นพิธีเปิดงานสัมมนา หลังจากหัวหน้าสมาคมกล่าวจบแล้ว ทุกคนรวมกันเพื่อถ่ายรูป แถวหน้าสุดทั้งหมดเป็นแพทย์ชั้นนำในวงการ ตลอดจนกระทั่งผู้สนับสนุนให้จัดงานสัมมนาครั้งนี้ขึ้น

 

 

ทุกคนต่างพากันเกรงใจ ผลักที่นั่งให้แก่กันและกัน อวี๋กานกานยืนอยู่ด้านหลังสุด ใกล้กับประตู เธอทอดสายตามองออกไปด้านนอก เห็นผู้ชายสวมชุดสูทสีดำ ก้าวย่างอย่างสุขุมสง่างาม ริมฝีปากบางเม้มปิดสนิท บรรยากาศรอบๆ ตัวเย็นยะเยือกราวกับน้ำค้างแข็งหมื่นปีที่ยังไม่มลาย แผ่ไอเย็นปกคลุม

 

 

ฟะ ฟังจือหัน?

 

 

หัวใจของอวี๋กานกานสั่นไหว ดวงตาเบิกโพลงอ้าปากค้าง ฟังจือหันมาได้อย่างไร มาหาเธออย่างงั้นเหรอ แต่ว่าเธอทิ้งโน้ตให้เขาไว้แล้วนี่ เธอมาศึกษาเล่าเรียนนะ ไม่ได้มาเที่ยวเล่น ทำไมเขาถึงตามมาถึงที่นี่เนี่ย!

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] ฉางเผา ชุดคลุมผู้ชายปกตั้งที่ยาวลงมาถึงข้อเท้า 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 186 ชอบเธอจนคลั่ง

 

 

อวี๋กานกานลุกลี้ลุกลน มองซ้ายแลขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจเธอ จึงวิ่งจู๊ดออกไปขวางฟังจือหันเอาไว้ตรงระเบียงทางเดิน “นายมาที่นี่ได้ไงเนี่ย” น้ำเสียงแฝงแววตำหนิ แต่ไร้ซึ่งเจตนาหักหาญน้ำใจ มิหนำซ้ำยังเจือไว้ด้วยกลิ่นอายบางเบาของความออดอ้อน แม้จะไม่อยากให้เขามาก่อความวุ่นวายที่นี่ แต่ในใจจริงๆ ของเธอกลับรู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อย ผู้ชายคนนี้ต้องชอบเธอมากขนาดไหนกันนะ ชอบมากจนเหมือนกับแทบจะบ้าคลั่ง ถึงได้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นรีบตรงดิ่งมาหาเธอถึงที่นี่

 

 

นี่เธอมีเสน่ห์รุนแรงขนาดขนาดนั้นเชียวหรือ!

 

 

สายตาของฟังจือหันจดจ้องมายังใบหน้าของเธอ ยังคงเป็นสายตาที่เรียบนิ่งเฉยชาเหมือนอย่างเคย เขาเป็นคนที่แต่ไหนแต่ไรไม่เคยแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า อวี๋กานกานไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในอารมณ์ไหน จึงแสร้งทำเป็นโกรธ “ฉันมาสัมมนาจริงจังนะ นายตามมาไม่ได้ รีบกลับไปเร็ว” เธอเกรงว่าเขาจะไม่ยอม โวยวายจะอยู่ต่อให้ได้ จึงพูดเสริมอีกประโยค “เดี๋ยวจบงาน ฉันจะรีบไปหานายทันที”

 

 

ฟังจือหันยังคงไม่กระดิกกระเดี้ย ทำเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

 

 

อวี๋กานกานเริ่มโมโหขึ้นมาแล้ว ทำไมหมอนี้ถึงได้ดื้อดึงขนาดนี้ เธอไม่ได้มาเที่ยวเล่นนะที่จะพาคนในครอบครัว…เอ้ยไม่ใช่ ติดนิสัยเสียจากฟังจือหันจนพูดผิดบ่อยเสียแล้ว อย่างไรก็ตามเขาจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ เดิมทีเพราะอายุเธอก็ถูกคนอื่นดูถูกเหยียดหยามอยู่แล้ว ทั้งยังถูกคนตราหน้าหาว่าชุบตัวอีก หากเธอยังพาแฟนหนุ่มมาเข้าชั้นเรียนด้วย ทีนี้จะให้เหล่าผู้อาวุโสมองเธออย่างไร เธอมาศึกษาหาความรู้นะ

 

 

“คุณชายหัน ในที่สุดคุณก็มาถึงแล้ว” น้ำเสียงดีใจเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง

 

 

อวี๋กานกานหันศีรษะไปมอง เป็นผู้อำนวยการของสมาคมที่จัดงานสัมมนานี้ขึ้น เขาก้าวสับๆ ตรงไปหาฟังจือหัน ใบหน้ายิ้มแย้ม “เชิญครับ เชิญครับ…”

 

 

ตอนนี้เองที่ผู้อำนวยการเหลือบไปเห็นอวี๋กานกานที่ยืนอยู่ข้างๆ “คุณหมออวี๋ คุณจะไปไหนเหรอครับ อีกเดี๋ยวจะรวมตัวถ่ายรูปแล้วนะครับ”

 

 

ผู้อำนวยคิดเพียงแค่ว่าอวี๋กานกานและฟังจือหันทั้งสองคนแค่เดินสวนกันเฉยๆ ไม่ได้รู้จักกัน

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

นี่มันสถานการณ์อะไรกัน ฟังจือหันไม่ได้มาหาเธอ แต่มาเข้าร่วมงานสัมมนานี้

 

 

ผู้อำนวยการเห็นว่าสายตาของฟังจือหันจดจ้องอยู่ที่อวี๋กานกานตลอด รีบยิ้มแล้วกล่าว “คุณชายหัน นี่คือคุณหมออวี๋ เธอเป็นหนึ่งในคนที่เข้าร่วมงานสัมมนาครั้งนี้ครับ” จากนั้นหันไปยิ้มให้อวี๋กานกาน แนะนำฟังจือหัน “คุณหมออวี๋ ท่านนี้คือผู้ให้การสนับสนุนการจัดสัมมนาของพวกเราในครั้งนี้ ตัวแทนของบริษัทยาไป๋ฟัง”

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

ที่แท้ฟังจือหันเป็นตัวแทนของบริษัทยาไป๋ฟัง?

 

 

ความจริงปรากฏ! หน้าแตกจนเจ็บไปหมดแล้ว ภายในชั่วพริบตาเดียว อวี๋กานกานรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงเมื่อครู่ที่ตนเองคิดเองเออเองว่าเขาชอบเธอจนแทบคลั่งจึงรีบมาตามหา ตอนนี้เธออยากจะหารูสักรูเพื่อแทรกแผ่นดินหนี

 

 

อวี๋กานกานชำเลืองตามองฟังจือหันแวบหนึ่ง สีหน้าของเขายังคงนิ่งเรียบ ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับฉายแววเย้าหยอก

 

 

อวี๋กานกานใบหน้าร้อนผ่าว รู้สึกเคืองอยู่ในใจ ไม่ได้มาหาเธอแล้วทำไมไม่รีบพูดเล่า อีกอย่างก่อนหน้านี้ก็รู้อยู่ว่าเธอจะมาร่วมงานสัมมนานี้ ทำไมถึงไม่บอกเธอสักคำว่าเขาเป็นตัวแทนของผู้สนับสนุน

 

 

อวี๋กานกานโมโหจึงทำเมิน ไม่ยอมพูดจา ทว่ากลับเหลือบไปเห็นผู้อำนวยการที่จ้องเธอตลอด แววตาของเขาแฝงไว้ด้วยคำเตือน ราวกับกำลังพูดว่า ‘รีบทักทายสิ’

 

 

อวี๋กานกานหัวเราะอย่างเสแสร้ง จงใจทำตัวน่ารักออดอ้อน กล่าว “สวัสดีค่ะ คุณชายหัน”

 

 

เสียงเรียกคุณชายหันสามพยางค์เห็นได้ชัดว่าจงใจกดเสียงต่ำ ทั้งยังแฝงไว้ด้วยการยั่วโมโหแบบเด็กน้อย

 

 

มุมปากของฟังจือหันยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณหมอวัยรุ่นขนาดนี้ เรียนจบแล้วหรือครับ”

 

 

อวี๋กานกานเกือบสำลักน้ำลาย “…”

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset