ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 193 ดีเลิศทั้งด้านหน้าตาและความสามารถ / ตอนที่ 194 การพบกัน พรหมลิขิต

ตอนที่ 193 ดีเลิศทั้งด้านหน้าตาและความสามารถ

 

 

“เธอเรียกเหอสือกุยหมอนั่นว่าอาจารย์ แต่กลับเรียกฉันรุ่นพี่ ไม่เท่ากับว่าเขาอาวุโสกว่าฉันหนึ่งขั้นหรอกเหรอ ทำไมคุณปู่ของเธอถึงต้องให้เธอเรียกเหอสือกุยว่าอาจารย์กันนะ เขาแทบจะไม่เคยสอนวิชาแพทย์ให้เธอ เทียบกันกับระยะเวลาที่ฉันกับเธอเรียนแพทย์แผนจีนด้วยกันยังนานกว่าเสียอีก”

 

 

น้ำเสียงฟังดูเหมือนสงบนิ่ง ทว่ากลับมีความโกรธเคืองบางอย่างแฝงไว้อยู่ ซึ่งอวี๋กานกานและจังซ่าเห็นจนคุ้นชินแล้ว เนื่องจากเฉินฝูหลีนับว่ามีชื่อเสียงในระดับหนึ่งแล้ว แต่ทว่าชื่อเสียงของเขายังคงตามหลังเหอสือกุยอยู่ตลอด ทำให้เขาไม่ชอบที่จะอยู่ต่ำกว่าเหอสือกุย

 

 

เฉินฝูหลีและจังซ่าพาอวี๋กานกานไปยังร้านอาหาร มีรุ่นพี่อีกสามสี่คนที่รอพวกเขาอยู่ที่นั่น ทุกคนล้อมวงพร้อมหน้าพร้อมตากันรับประทานหม้อไฟ คึกคักเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จแล้ว เฉินฝูหลีวางแผนว่าจะไปร้องคาราโอเกะต่อ ส่วนรุ่นพี่คนอื่นๆ หากไม่ใช่ต้องไปอยู่เวรต่อ ก็มีเข้าเวรตอนเช้า หรือไม่ก็ติดธุระ จึงเหลือเพียงเฉินฝูหลีและจังซ่า

 

 

ร้านคาราโอเกะ ‘ทมิฬ’ เป็นร้านที่หรูหราที่สุดและตั้งอยู่ในเขตที่เจริญที่สุดของใจกลางเมืองปักกิ่ง ภายในร้านถูกตกแต่งอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา หรูหราโอ่อ่าราวกับพระราชวัง

 

 

จังซ่าจูงอวี๋กานกาน มองหน้าเฉินฝูหลี กล่าว “วันนี้ได้อาศัยบารมีของรุ่นพี่เฉิน ไม่เช่นนั้นเงินเดือนทั้งเดือนของหนูไม่พอจ่ายแน่ๆ”

 

 

เฉินฝูหลีชำเลืองมามองด้วยสายตาเย็นชา แก้ไขให้ถูก “เธอก็ต้องเรียกอาจารย์อา”

 

 

จังซ่าทำหน้าเหยเก “เว้นหนูไว้เถอะ หนูไม่ได้เรียกแพทย์เหอว่าอาจารย์เสียหน่อย”

 

 

มีรถบีเอ็มดับเบิลยูสีแดงคันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูง หอบโกยหิมะที่อยู่ข้างทางกระเด็นมาโดนอวี๋กานกานที่ยืนอยู่ริมสุด

 

 

อวี๋กานกานหลบเข้ามาด้านใน “นี่ไม่ใช่ทางด่วนสักหน่อย ทำไมถึงขับรถเร็วขนาดนี้” ในตอนที่เงยหน้าขึ้นมามองรถที่ขับอย่างอุกอาจคันนั้น กลับพบว่าหายลับไปจากสายตาแล้ว

 

 

จังซ่าแค่นเสียงหัวเราะเย็นยะเยือก “เหอะ ปักกิ่งเป็นเมืองหลวง พวกคนมีเงินมีอำนาจเยอะอย่างกับมด แต่ว่าโดยปกติแล้วคนที่รวยจริงๆ กลับอ่อนน้อมถ่อมตน พวกคนที่ทั้งเก่งทั้งหน้าตาดีก็สุดแสนจะลึกลับ อย่างจุฑาเทพทั้งสี่แห่งปักกิ่ง รถคันเมื่อกี้ที่ขับผ่านไปแค่ดูก็รู้ว่าพวกทำเป็นรวย กล้ามาขับรถซิ่งหน้าร้านคาราโอเกะ เกินไปหน่อยแล้ว”

 

 

อวี๋กานกานหัวเราะแล้วถาม “จุฑาเทพทั้งสี่แห่งปักกิ่ง? ทำไมชื่อยังกับวงบอยแบนด์ในวงการบันเทิง”

 

 

จังซ่ายักไหล่ “คนอื่นเขาเรียกกันมาแบบนี้ ฉันก็ไม่ได้รู้ลึก รู้เพียงแค่ว่าหนุ่มหล่อทั้งสี่คนนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ซับซ้อนมาก มีแบ็กอัปเป็นพวกมีอำนาจ น่าจะเป็นพวกลูกหลานตระกูลเก่าแก่ แต่พวกเขาต่างก็มีธุรกิจเป็นของตัวเอง เนื่องจากทั้งหน้าตาดีและมีความสามารถ จึงถูกขนานนามว่าสี่จุฑาเทพ”

 

 

เฉินฝูหลีเอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าให้ฉันพูดน่ะนะ คนพวกนี้ไม่มีอะไรน่าภาคภูมิใจหรอก ถ้าไม่ได้อาศัยแบ็กอัปและครอบครัวที่มีอำนาจก็ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จได้รวดเร็วแบบนี้” เขาพูดพลางมองไปทางอวี๋กานกาน “ศิษย์หลาน วันหน้าหาแฟน อย่าเอาพวกคนแบบนี้มาเป็นแฟนล่ะ คนพวกนี้ไม่อยู่กับร่องกับรอย เข้าใจไหม”

 

 

อวี๋กานกานหัวเราะคิกคัก ผายมือทั้งสองออกไปด้านข้าง กล่าว “ดูสภาพหนูซะก่อน พวกเขาคงจะชอบหนูอยู่หรอก”

 

 

“ก็มีโอกาสที่จะไม่ชอบจริงๆ นั่นแหละ จากที่ฉันรู้มาทั้งสี่คนนี้เป็นเกย์ ได้ยินมาว่าคุณชายที่แซ่ลู่ กับคุณชายฟังอะไรนั้น พวกเขาเป็นคู่รักกัน ส่วนที่เหลืออีกสองคนถึงแม้จะไม่ได้เป็นคู่รักกัน แต่ก็ชอบผู้ชายทั้งคู่ ฉะนั้นพวกเราหมดโอกาสแล้วล่ะ แต่ว่ายังมีใครบางคนที่มีโอกาส…” จังซ่าพูดถึงประโยคหลัง สีหน้าเผยความชั่วร้าย คิ้วของเธอเลิกขึ้นเล็กน้อย หรี่สายตาส่งสัญญาณให้อวี๋กานกานมองไปที่เฉินฝูหลี

 

 

อวี๋กานกานปิดปากกลั้นหัวเราะ เฉินฝูหลีเดินอยู่ด้านหน้า ไม่ได้สนใจทั้งสองคนที่ซุบซิบกันอยู่ด้านหลัง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 194 การพบกัน พรหมลิขิต

 

 

หลังจากที่ทั้งสามเข้าร้านคาราโอเกะแล้ว พวกเขาสั่งชาร้อนหนึ่งแก้วกับพนักงานเพื่ออบอุ่นอุณหภูมิร่างกาย จากนั้นจึงเปิดเพลง

 

 

“น้องสาวนั่งหัวเรือ ส่วนพี่ลากเรืออยู่บนฝั่ง รักเอย…[1]”

 

 

นึกไม่ถึงว่าเมื่อเสียงดนตรีดังขึ้นจะเป็นเพลงเพลงนี้ ทั้งสามคนหัวเราะลั่น อวี๋กานกานส่งไมค์ให้กับจังซ่าและเฉินฝูหลี ทั้งสองคนเริ่มร้อง เมื่อถึงท่อนที่โน้ตสูงที่สุดไมค์ถูกยื่นมาตรงหน้าอวี๋กานกาน อวี๋กานกานตะเบ่งเสียงสูงร้อง “รอเพียงดวงอาทิตย์ลาลับหุบเขา จะให้พี่จุมพิตจนกว่าจะพึงพอใจ~”

 

 

พยางค์สุดท้ายร้องลากเสียงยาวเหยียดจนแทบจะหมดลม อวี๋กานกานถึงยอมหยุด จังซ่าฉวยโอกาสแอบขโมยหอมแก้มอวี๋กานกาน บรรยากาศภายในห้องคาราโอเกะครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง เฉินฝูหลีเริ่มบีบเสียงร้องเพลง ‘กุ้ยเฟยร่ำเมรัย[2]’

 

 

จังซ่านั่งลงข้างๆ อวี๋กานกาน กระซิบ “ปลาเค็มน้อย วันหน้าหาแฟน อย่าหาคนแบบเฉินฝูหลีเป็นอันขาดเชียวนะ ดูแวบแรกก็รู้ว่าเป็นรับชัวร์ป้าบ”

 

 

อวี๋กานกานขำพรืด เธอช่วยพูดแก้ตัว “รุ่นพี่เฉินเขาค่อนข้างทะนงตัว รู้หน้าที่ของตนเอง วันๆ ก็ยุ่งอยู่แต่กับงาน เลยไม่มีเวลาหาสาวๆ นะสิ พี่อย่าเดาสุ่มสี่สุ่มห้าเลย”

 

 

จังซ่าขยับเข้าไปกระซิบข้างหู “ฉันสงสัยมาตลอดว่าเขาแอบชอบอาจารย์ของเธอหรือเปล่า เธอต้องระวังไว้นะ จับตาดูอาจารย์ให้ดี อย่าปล่อยให้เขาทำให้อาจารย์เธอเบี่ยงเบนสำเร็จ”

 

 

อวี๋กานกานหัวเราะลั่น เกือบจะสำลักความสุขตาย ทว่าหลังจากที่หัวเราะจบแล้ว เธอรู้สึกว่าสิ่งที่จังซ่าพูดมาก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความเป็นไปได้ไปเสียหมด

 

 

เฉินฝูหลีกับอาจารย์ของเธอเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน ทั้งคู่มีกลิ่นอายของความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งเกลียดอยู่นิดหน่อยจริงๆ  แม้ว่าอาจารย์คนสวยจะหน้าตางดงามแต่ก็มาดแมน เคยมีแฟนสาวหรือเปล่าข้อนี้เธอเองก็ไม่เคยถาม แต่ว่าสาวๆ ที่เคยผ่านเข้ามาก็นับได้ว่าเยอะทีเดียว ความจริงอาจารย์จะชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย เธอไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แค่อาจารย์มีความสุขก็พอ

 

 

ทว่าอาจารย์เป็นถึงลูกชายที่คุณปู่รักและเอ็นดูมากที่สุด ในตอนที่คุณปู่รวยรินท่านตัดพ้อตลอดว่าไม่ได้อยู่ถึงเห็นอาจารย์เป็นฝั่งเป็นฝามีครอบครัว ดังนั้นเธอต้องเป็นหูเป็นตาให้คุณปู่ จะยอมให้อาจารย์เบี่ยงเบนไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้อาจารย์จะเบี่ยงเบน ก็ต้องให้เขามีหลานชายก่อนสักคนแล้วค่อยเบี่ยงเบน ไม่เช่นนั้นวันข้างหน้าเมื่อเธอไปเยือนปรโลก เธอคงไม่มีหน้าไปเจอคุณปู่

 

 

หลังจากที่ร้องเพลงกุ้ยเฟยร่ำเมรัยจบ จังซ่าและเฉินฝูหลีร่วมกันร้องเพลงรักอีกหนึ่งเพลง เมื่อเห็นว่าขนมและเครื่องดื่มบนโต๊ะลดลงไปพอสมควรแล้ว อวี๋กานกานเตรียมจะเอามาเติม แต่ไม่ได้สั่งผ่านพนักงาน เธอลงไปร้านสะดวกซื้อเล็กๆ ของร้านคาราโอเกะด้วยตัวเอง กะว่าจะซื้อขนมนมเนยสักสามสี่อย่างที่ทุกคนชอบกิน

 

 

อวี๋กานกานถือตระกร้า เลือกไปพลางบ่นพึมพำไปพลาง “รุ่นพี่เฉินชอบดื่มนม ยี่ห้อนี่น่าจะอร่อย รุ่นพี่จังชอบกินเท้าไก่ดองพริกกับถั่ว…ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เธออีกสักขวดก็แล้วกัน”

 

 

อวี๋กานกานเดินทั่วร้านสะดวกซื้อหนึ่งรอบ หลังจากที่เลือกเสร็จแล้วกำลังเตรียมจะไปชำระสินค้า ในจังหวะที่เธอหมุนตัว จมูกชนเข้ากับหน้าอกของคนคนหนึ่งเข้าไปเต็มๆ

 

 

อวี๋กานกานเจ็บจี๊ด ถอยหลังไปหลายก้าวตามปฏิกิริยาของร่างกาย เหลือบสายตาขึ้นสบเข้ากับดวงตาแสนล้ำลึกคู่หนึ่งที่ฉายประกายแสงเย็นยะเยือก ทั้งยังแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายอันตราย

 

 

ก่อนหน้านี้ที่จะแยกจากกัน เธอยังจำประโยคนั้นที่เขาพูดไว้ได้ดี ‘ถ้าผมกดคุณไว้กับกำแพงตั้งแต่ตอนนี้แล้วปิดปากคุณซะ หรือลากคุณขึ้นเตียงแล้วปลดเสื้อผ้าออก คุณก็จะเชื่อผมใช่ไหม

 

 

เมื่อนึกถึงประโยคนี้ก็เหมือนกับสายพิณถูกบรรเลง เย้าหยอกหัวใจ

 

 

อวี๋กานกานก้าวถอยหลังอัตโนมัติ “ทำไมนายมาอยู่ที่นี่”

 

 

เธอถูกฟังจือหันบีบจนหลังติดกับชั้นวางสินค้า กล่าวออกมาพร้อมกัน “ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่”

 

 

 

 

——

 

 

[1] เป็นเพลงชื่อ 纤夫的爱 (ความรักของหนุ่มรับจ้างลากเรือ) เป็นอาชีพของชาวจีนสมัยก่อน ที่รับจ้างลากเรือที่ติดโขดหิน ตอไม้ เป็นต้น เนื้อเพลงเกี่ยวกับหนุ่มลากเรือร้องเพลงจีบสาวที่นั่งอยู่บนเรือ ตอบโต้กันไปมา ร้องโดย อิ่นเซียงเจี๋ยและอวี๋เหวินหวา

 

 

[2] กุ้ยเฟ้ยร่ำเมรัย (贵妃醉酒) ร้องโดย หลีอวี๋กัง เป็นการร้องแบบแนวเพลงสมัยใหม่รวมเข้ากับงิ้วจีน โดยหลีอวี๋กังรับบทร้องสองเสียงคือเสียงผู้ชายร้องแบบแนวเพลงสมัยใหม่ และเสียงผู้หญิงร้องแบบงิ้วจีน ซึ่งเป็นโน้ตที่เสียงสูงมาก

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset