ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 213 อยู่ให้ห่างจากซย่าเฉิงโจว / ตอนที่ 214 อ่อ กอดมอบความอบอุ่น

ตอนที่ 213 อยู่ให้ห่างจากซย่าเฉิงโจว

 

 

เหตุการณ์ที่อวี๋กานกานช่วยชีวิตคุณป้าถูกถ่ายเก็บไว้ ทั้งยังมีคนทำเป็นคลิปวิดีโอสั้นๆ อัปโหลดขึ้นอินเทอร์เน็ต

 

 

ชาวเน็ตเมื่อได้เห็นคลิปวิดีโอนี้ ก็นึกออกได้ในทันทีว่าเป็นอวี๋กานกาน และเป็นอีกครั้งที่อวี๋กานกานขึ้นเทรนเวยปั๋วด้วยแฮซแท็ก [วิชาแพทย์ปาฏิหาริย์ของแพทย์แผนจีนที่มีรูปโฉมงดงามที่สุด]

 

 

ก่อนหน้านี้หลินจยาอวี่เคยช่วยอวี๋กานกานแก้ต่าง ชาวเน็ตหลายคนจึงแห่กันมาแสดงความคิดเห็นใต้เวยปั๋วของหลินจยาอวี่ บ้างว่าวิชาแพทย์ของอวี๋กานกานล้ำเลิศ บ้างฝากหลินจยาอวี่ไปบอกอวี๋กานกานให้สมัครเวยปั๋ว

 

 

“รีบชวนคุณหมออวี๋สมัครเวยปั๋วเร็ว ฉันชอบเธอมาก อยากติดตาม”

 

 

“สวยจังเลย วิชาแพทย์ก็ล้ำเลิศ คุณหมออวี๋สมัครเวยปั๋วเถอะนะ ฉันชอบคุณมากจริงๆ !”

 

 

“อวี้หมิงถางไม่เปิดหลายวัน ฉันก็ว่าอยู่คุณหมออวี๋ไปประชุมทางการแพทย์ที่ไหน ที่แท้ก็ไปปักกิ่งนี่เอง หรือว่าในอนาคตจะเปิดคลินิกที่ปักกิ่ง!”

 

 

“ถ้าคุณหมออวี๋อยู่ปักกิ่งก็ดีสิ ฉันอยู่ปักกิ่งพอดี ฉันจะไปหาคุณหมอให้คุณหมอช่วยตรวจชีพจรให้”

 

 

……

 

 

หลังจากที่หลินจยาอวี่เห็นข้อความ เธอกดบันทึกภาพหน้าจอเพื่อบันทึกข้อความใต้เวยปั๋วของเธอส่งให้อวี๋กานกาน

 

 

อวี๋กานกานถ่ายโฆษณาเสร็จแล้ว เพิ่งเห็นข้อความจากวีแชทของหลินจยาอวี่ เธอถูกชมจนเกิดอาการเขินอายเล็กน้อย เรื่องที่ช่วยคุณป้า ที่จริงแพทย์แผนจีนที่มีประสบการณ์ไม่ว่าคนไหนก็สามารถช่วยคุณป้าได้ทั้งนั้น อีกอย่างเธอเรียนแพทย์มาสิบกว่าปี นับว่าเป็นแพทย์ที่มีมากประสบการณ์ได้แล้ว

 

 

อวี๋กานกานตอบข้อความของหลินจยาอวี่ [ช่วงนี้เธอเป็นไงบ้าง เด็กล่ะ]

 

 

หลินจยาอวี่ [อีกสองวันฉันจะไปปักกิ่ง ไว้เธอเห็นฉันตอนนั้นเดี๋ยวเธอก็รู้เองว่าฉันสบายดีไหม]

 

 

อวี๋กานกานทั้งคาดไม่ถึงและดีใจมาก รีบถามหลินจยาอวี่ทันทีว่าจะมาถึงตอนไหน เธอจะได้ไปรับที่สนามบินด้วยตัวเอง เพียงแต่ว่าเธอยังไม่ทันได้ตอบ โทรศัพท์กลับถูกฟังจือหันแย่งไปเสียอย่างงั้น “มองทาง”

 

 

ตอนนี้เองที่อวี๋กานกานเพิ่งรู้สึกตัวว่าฟังจือหันโอบไหล่เธออีกแล้ว ท่าล่อแหลมแบบนี้ น่าจะมีแต่คู่รักสวีทหวานเท่านั้นที่ทำกัน แต่พวกเขาเป็นเพียงแค่คู่สามีภรรยากำมะลอ ทว่าเป็นอีกครั้งที่หัวใจของอวี๋กานกานกลับไม่เชื่อฟัง เต้นตึกตักตึกตักเหมือนกับกำลังจะทะลุออกมาจากหน้าอก

 

 

ใบหน้าของอวี๋กานกานขึ้นสีเล็กน้อย เบี่ยงไหล่ “นายทำแบบนี้มันจะดูไม่ดีนะ ฉันเองก็ไม่ใช่เพื่อนที่เป็นผู้ชาย การที่นายมาโอบลงโอบไหล่แบบนี้ มันเหมือนกับเอาเปรียบ แต๊ะอั๋ง”

 

 

“ผมหนาว”

 

 

ฟังจือหันตอบอย่างหนักแน่นมีเหตุผลจนไม่สามารถคัดค้านได้

 

 

“เดี๋ยวก็มีเสื้อให้ใส่แล้ว” ก่อนหน้านี้มีคนพูดว่าไม่หนาวไม่ใช่เหรอไง ให้ผ้าพันคอก็ไม่เอา ดูเหมือนแค่ยืมข้ออ้างที่มีเหตุผลมาใช้แต๊ะอั๋งมากกว่า

 

 

“แต่ตอนนี้ผมหนาวนี่”

 

 

อวี๋กานกานไม่รู้จะหาอะไรมาโต้แย้งอีก “…”

 

 

ช่างเถอะ ก่อนที่จะได้เสื้อโค้ทก็ตามใจหมอนี่ชั่วคราวไปก่อนแล้วกัน ใครให้ก่อนหน้านี้เธอดันไปใช้เสื้อโค้ทของเขาแล้วทำสกปรกจนเขาไม่มีเสื้อโค้ทให้ใส่ละ ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองมองเห็นลู่เสวี่ยเฉินที่นั่งอยู่ไกลออกไป

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินสวมสูทสีดำ คลุมทับด้วยเสื้อโค้ทสีดำ ทว่ากลับพันผ้าพันคอสีแดงเข้ม ขับให้เขาดูงดงามหยาดเยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยเสน่ห์ เรียกได้ว่าฆ่าเรียบทั้งชายและหญิง

 

 

อวี๋กานกานใช้ข้อศอกทุ้งหน้าอกของฟังจือหันเบาๆ “รีบปล่อยมือเร็ว คนอื่นเห็นมันจะไม่ดี”

 

 

ฟังจือหันขยับเข้ามาใกล้ใบหูของเธอแล้วกล่าว “ให้ผมปล่อยมือก็ได้ แต่คุณต้องรับปากผมเรื่องหนึ่งมาก่อน”

 

 

เรื่องปล่อยมือมันควรต้องปล่อยอยู่แล้วนี่ ทำไมต้องมาต่อรองอะไรกับเธออีก อวี๋กานกานไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนัก “รับปากเรื่องอะไร”

 

 

“อยู่ให้ห่างจากซย่าเฉิงโจว”

 

 

อวี๋กานกานเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง ค่อนข้างประหลาดใจ “ทำไมล่ะ”

 

 

“เขาไร้มารยาท”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 214 อ่อ กอดมอบความอบอุ่น

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

คำพูดคำจาและการกระทำของซย่าเฉิงโจวในตอนนั้นก็ไร้มารยาทจริงๆ นั่นแหละ ทั้งยังเกือบจะทำเธอหกล้ม แต่ก็ดูออกว่าที่เขาทำไปก็เพื่อต้องการจะช่วยชีวิตคุณป้าท่านนั้น

 

 

ซย่าเฉิงโจวประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ความสามารถโดดเด่นเหนือผู้อื่น อีกอย่างคนเก่งก็มักจะค่อนข้างทะนงตนอยู่แล้ว การที่ซย่าเฉิงโจวมีนิสัยแบบนี้ ก็ไม่ถือว่าแปลกอะไร ความจริงพวกเขาก็แค่เข้าร่วมงานสัมมนาในสายอาชีพเดียวกัน เดิมทีก็ไม่ได้รู้จักอะไรกันตั้งแต่แรกและในอนาคตก็น่าจะไม่ได้เจอกันอีก

 

 

ทั้งสองสนทนากันไปมาจนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลู่เสวี่ยเฉิน

 

 

ถึงแม้ฟังจือหันจะปล่อยมือแล้ว แต่ลู่เสวี่ยเฉินก็ยังยิ้มอย่างมีเลศนัย “โอ้ ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่วัน ติดหนึบเหมือนทากาวเลยนะ อีกนิดจะรวมร่างกลายเป็นแฝดสยามแล้ว”

 

 

ใบหน้าอวี๋กานกานขึ้นสีแดงระเรื่อ รีบส่ายมือปฏิเสธพัลวัน พูดติดๆ ขัดๆ “มะ ไม่ใช่นะ ไม่ใช่แบบที่นายคิด ความจริงคือ…เขาไม่มีเสื้อโค้ท เขาเลยหนาว”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินลากเสียงยาว“อ่อออออออออออ กอดมอบความอบอุ่น”

 

 

อวี๋กานกานมองสีหน้าฉันไม่เชื่อของลู่เสวี่ยเฉิน ทั้งยังรอยยิ้มแฝงเลศนัยนั่นอีก ทำให้จู่ๆ เธอก็รู้สึกขึ้นมาว่า ‘กอดมอบความอบอุ่น’ มันสองแง่สองง่ามยังไงชอบกล อวี๋กานกานเน้นย้ำ “ไม่มีอะไรจริงๆ” จากนั้นหันไปพูดกับฟังจือหัน “ใช่ไหม”

 

 

แววตาลึกซึ้งของฟังจือหันฉายประกายอะไรบางอย่าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าปกติอย่างรวดเร็ว พยักหน้า “คุณว่าใช่ก็ใช่”

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

 

 

อวี๋กานกานหน้าแดงแจ๋ “…ฉันว่าใช่ก็ใช่อะไรเล่า ก็ความจริงคือใช่”

 

 

ฟังจือหันยื่นมือมาลูบหัวเธออย่างเอ็นดู “อือ คุณว่าใช่ก็ใช่”

 

 

อวี๋กานกานเขินปนโกรธ แต่ก็โต้เถียงอะไรไม่ออก

 

 

ฟังจือหันก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าหยิบถุงที่อยู่ในมือลู่เสวี่ยเฉิน “ไสหัวไปได้แล้ว”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินส่งเสียงกระแอม ประณามด้วยความโกรธ “แหม่ ตอนใช้ล่ะพูดดี พอหมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่งเลยนะ พลิกลิ้นไวเสียยิ่งกว่าอะไร”

 

 

ฟังจือหันทำเป็นมองไม่ได้ยิน หยิบเสื้อโค้ทออกมาสวม

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินหันไปพูดกับอวี๋กานกาน “ปลาน้อย คนแบบนี้น่ะร้ายสุดๆ เธอต้องระวังตัวให้ดี อย่าให้โดนขายแล้วยังช่วยเขานับเงินล่ะ[1]”

 

 

ฟังจือหันเอ่ยเสียงเรียบ “วางใจได้ ฉันไม่ใช่นาย”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินถามกลับอย่างยียวน “ฉันทำไมหะ”

 

 

ฟังจือหันยกมุมปากขึ้น เหมือนยิ้มแต่ก็เหมือนไม่ยิ้ม พูดจาแฝงความนัย “ได้แล้วทิ้ง”

 

 

กำลังหมายถึงเรื่องวันไนท์แสตนด์กับสาวที่ผับนั่นแน่นอน…

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินขบฟันกรอด “แซ่ฟัง นายมันร้าย!”

 

 

นี่เป็นบาดแผลชั่วชีวิตของเขา!

 

 

ฟังจือหันพูดต่อ “นายยังมีนัดบอดอยู่อีกไม่ใช่เหรอ รีบไปเถอะ พวกเราไม่ต้องการแสงสว่างจากนาย”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉิน “…”

 

 

แสงสว่างเท่ากับกำลังว่าว่าเขาเป็นเสาไฟ[2]

 

 

อวี๋กานกานกลั้นขำไม่อยู่ หลุดหัวร่อออกมา เธอรีบกลั้นขัน หันไปหาลู่เสวี่ยเฉินถาม “เอ่อ นายมีนัดบอดเหรอ”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินถอนหายใจ “คนที่สิบของเดือนนี้แล้ว”

 

 

อวี๋กานกานอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึงและเหลือเชือ “…”

 

 

ทั้งสามขึ้นรถของฟังจือหัน ฟังจือหันยังไม่เหยียบคันเร่ง หันไปมองลู่เสวี่ยเฉินแล้วถาม “ไม่ได้ขับรถมา?”

 

 

รังเกียจเหลือเกินนะ ไม่ได้อยากให้เขาอยู่ด้วยแม้แต่น้อย “มีสาวแล้วลืมเพื่อน ให้ฉันลงที่ตึกฮุ่ยอวี้ด้านหน้า”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินทำหน้ากระเง้ากระงอด เขาหันไปเห็นอวี๋กานกานที่กำลังกอดและลูบหัวยาจุดกันยุง ส่วนยาจุดกันยุงก็คลอเคลี่ยอยู่ในอ้อมกอดของอวี๋กานกาน ทั้งยังส่งเสียงร้องน่ารักน่าชัง “เมี๊ยว~”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินค่อนข้างประหลาดใจ “ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ได้ เจ้าแมวแก่นี่ปกตินิสัยแย่มาก ไม่ต้องถึงขั้นกอดหรอก แค่หยอกเล่นยังไม่ได้เลย ทำไมมันถึงติดเธอขนาดนี้”

 

 

 

 

——

 

 

[1] โดนขายแล้วยังช่วยเขานับเงิน  หมายถึง ไม่รู้ตัวว่าโดนหลอกใช้ประโยชน์ แถมยังนึกว่าอีกฝ่ายกำลังช่วยตนเองอยู่ มีที่มาจากการค้ามนุษย์ในสมัยก่อน ที่บ่าวไพร่ไม่รู้ว่าตนโดนขายไปแล้ว ทั้งยังช่วยเจ้านายนับเงินที่ได้มาจากการที่ตนเองโดนขาย

 

 

[2] เสาไฟ  หมายถึง ก้างขวางคอ หรือ กขค

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset