ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 215 กลับบ้านกับผมซะโดยดี / ตอนที่ 216 เป็นสามีคืองานหลัก

ตอนที่ 215 กลับบ้านกับผมซะโดยดี

 

 

อวี๋กานกานกำลังจะตอบลู่เสวี่ยเฉินว่า เพราะพวกเราถูกชะตากัน แต่ฟังจือหันชิงพูดขึ้นมาก่อน “เพราะมันเป็นลูกชายของเธอ”

 

 

ในขณะเดียวกันดวงตากลมโตราวกับอำพันของยาจุดกันยุงก็จ้องเขม็งไปที่ลู่เสวี่ยเฉิน จากนั้นแยกเขี้ยวเหมือนกับกำลังขู่ลู่เสวี่ยเฉิน ท่าทางเหมือนเด็กตัวเล็กๆ กำลังงอแง ไม่ต่างอะไรกับตอนที่อวี๋กานกานดุฟังจือหัน

 

 

ฟังจือหันยื่นมือมายีหัวอวี๋กานกานด้วยความเอ็นดู จากนั้นพูดกับยาจุดกันยุง “เรียกแม่”

 

 

ปฏิกิริยาของยาจุดกันยุงโอนอ่อนลงทันที หันไปมองอวี๋กานกานแล้วร้อง “เมี๊ยว~”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินเอือมระอาเป็นอย่างยิ่ง “…”

 

 

อวี๋กานกานเป็นแม่ ส่วนใครเป็นพ่อไม่จำเป็นต้องถาม ฉากนี่มันช่างอบอุ่นเสียนี่กระไร ยังกับพ่อแม่ลูก หนุ่มโสดหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างเขาเห็นแล้วก็ชอกช้ำ

 

 

เมื่อถึงตึกฮุ่ยอวี้ ลู่เสวี่ยเฉินลงจากรถทันที โดยไม่ต้องรอให้ฟังจือหันเอ่ยปากไล่

 

 

เจ็บกระดองใจ! เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีอวี๋กานกาน เขาและฟังจือหันอยู่ด้วยกัน ให้ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นหนุ่มโสดไฮโซ มาวันนี้ รู้สึกได้แค่เพียงความเป็นหนุ่มโสดที่ไม่เหลือเค้าไฮโซ นัดบอดเถิด จงนัดบอดต่อไป…

 

 

อวี๋กานกานโบกมือบ๊ายบายลู่เสวี่ยเฉินผ่านทางกระจกรถ เธอหันหน้าไปหาฟังจือหัน ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “จริงเหรอที่ลู่เสวี่ยเฉินนัดบอดอยู่ตลอด”

 

 

ฟังจือหันเหลือบไปมองอวี๋กานกานด้วยสายตาประหลาดใจเล็กน้อย อาจเป็นเพราะว่าเขาคาดไม่ถึงว่าอวี๋กานกานเองก็มีช่วงที่ขี้เมาท์เหมือนกัน ดูๆ แล้วเรื่องซุบซิบคงเป็นนิสัยติดตัวมาตั้งแต่เกิดของผู้หญิงทุกคน เป็นคำสาปที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนหนีพ้น

 

 

อวี๋กานกานมองฟังจือหันด้วยสายตาเป็นประกาย พูดต่อ “ฉันนึกว่าคนที่เกิดมาหน้าตาดีไม่ต้องนัดบอดซะอีก นึกไม่ถึงว่าอย่างลู่เสวี่ยเฉินก็ต้องนัดบอด หรือเป็นเพราะว่าเขาสวยเกินไปเลยต้องนัดบอด”

 

 

ใบหน้าจิ้มลิ้มของอวี๋กานสดใสราวกับได้ตากลมในฤดูใบไม้ผลิ[1] เหมือนกับได้กินแตงโมเย็นๆ ช่ำๆ ตอนฤดูร้อน ฟังจือหันยกยิ้มขึ้นอย่างมีความสุข ตอบกลับเสียงเรียบ “ไม่สวยเท่าคุณหรอก”

 

 

อวี๋กานกานชะงักไปเล็กน้อย ถึงได้เข้าใจว่าฟังจือหันหมายถึงอะไร ถึงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกคนอื่นชมว่าสวย แต่เธอก็ยังขวยเขินอยู่ดี ทีแรกเธอนึกว่าฟังจือหันคงหยอกเล่น ทว่าเขาเอาแต่มองทางด้านหน้า จดจ่ออยู่กับการขับรถ ไม่เห็นวี่แววของการหยอกล้อแม้แต่น้อย

 

 

อวี๋กานกานเอนตัวพิงเบาะรถ เอียงศีรษะมองออกไปนอกหน้าต่าง ลูบใบหน้าของตนเองอย่างเนียมอาย ร้อนจัง

 

 

แม้ว่าฟังจือหันจะไม่ได้หันมามอง แต่เขาเห็นใบหน้าสีแดงระเรื่อและท่าทางเขินอายของอวี๋กานกานจากกระจกมองหลัง รอยยิ้มมุมปากของฟังจือหันเด่นชัดขึ้น สีหน้าเอิบอิ่มมีความสุข

 

 

รถยนต์เคลื่อนตัวไปได้ระยะหนึ่งแล้ว อวี๋กานกานที่เพิ่งหลุดออกจากภวังค์ค้นพบว่านี่ไม่ใช่ทางกลับไปงานสัมมนา เธอหันควับไปถามฟังจือหันทันที “นี่พวกเราจะไปไหน”

 

 

“กลับบ้าน”

 

 

“บ้านนายอะนะ ฉันไม่ไป กลับรถ”

 

 

“นี่มันบนทางด่วน”

 

 

อวี๋กานกานกัดปาก ไม่พูดอะไรต่อ

 

 

ฟังจือหันเห็นว่าเธอดูกระวนกระวายจึงเอื้อมมือมาลูบศีรษะเบาๆ “กลัวอะไร”

 

 

อวี๋กานกานกระพริบตาปริบๆ พูดอย่างเคร่งขรึมจริงจัง “เมื่อกี้ลู่เสวี่ยเฉินพูดว่านายจะขายฉัน ฉันยังต้องช่วยนายนับเงินอีก ถ้านายขายฉันขึ้นมาจริงๆ จะทำยังไง”

 

 

“ถ้าแบบนั้นก็ต้องใช้หนี้ผมก่อน วางใจ ตอนนี้ยังไม่ขาย”

 

 

“นายต่างหากที่ติดค่าห้องฉัน ฉันควรจะเป็นเจ้าหนี้สิ ตอนนี้เจ้าหนี้สั่งให้นายกลับรถ”

 

 

“คุณไม่รู้หรอกเหรอว่าสังคมสมัยนี้ ลูกหนี้ต่างหากที่เป็นนาย”

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] ราวกับได้ตากลมในฤดูใบไม้ผลิ  อุปมาถึง สีหน้าและอารมณ์ที่สดใสมีชีวิตชีวา เหมือนกับกำลังอยู่ท่ามกลางสายลมอันสดชื่น เย็นสบายของฤดูใบไม้ผลิ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 216 เป็นสามีคืองานหลัก

 

 

ไม่กี่นาทีต่อมารถยนต์เคลื่อนตัวเข้ามาในย่านย่านหนึ่ง ต่อให้อวี๋กานกานไม่ใช่คนที่อาศัยอยู่ในปักกิ่ง ก็ยังรู้ได้ว่าที่ดินและอาคารบ้านเรือนในย่านนี้แพงหูฉี่

 

 

เธอทำหน้าจริงจังพูดกับฟังจือหัน “ดูๆ แล้วนายน่าจะเป็นคนมีสตางค์ แล้วทำไมนายต้องมาอาศัยห้องฉันอยู่ด้วย”  

 

 

ฟังจือหันตอบกลับ “ผมไม่มีบ้านที่ไป๋หยาง”

 

 

อวี๋กานกานเบ้ปาก ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะถามต่อ “นายทำตำแหน่งอะไรในบริษัทยาไป๋ฟัง เป็นตัวแทนผู้สนับสนุน ยังไงก็น่าจะต้องระดับซุปเปอร์ไวเซอร์ขึ้นไป”

 

 

“งานบริษัทยาไป๋ฟังถือว่าเป็นงานเสริมของผมงานหนึ่ง ตำแหน่งที่พวกเขาให้ผมน่าจะเป็นผู้จัดการล่ะมั้ง”

 

 

ฟังจือหันพูดกับอวี๋กานกานว่าผู้จัดการเป็นงานเสริมด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ไม่ทุกข์ร้อน ทำให้อวี๋กานกานรู้สึกช็อกและเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากคนธรรมดาทั่วไปต้องต่อสู้ดิ้นรนหลายปี ใช้ความพยายามและความสามารถทั้งหมดที่มีจึงจะได้มาซึ่งตำแหน่งผู้จัดการ ระหว่างทางอาจจะสูญเสียและทุ่มเทอะไรไปมากมาย แต่ฟังจือหันกลับทำตำแหน่งผู้จัดการโดยที่เป็นงานเสริมได้ เหมือนกับแค่เล่นๆ ปัญหาคือบริษัทที่เขาทำงานเสริมยังดันเป็นบริษัทยาไป๋ฟัง บริษัทผลิตยาระดับแนวหน้าของประเทศ

 

 

“ผู้จัดการบริษัทยาไป๋ฟังเป็นงามเสริม แล้วงานหลักของนายทำอะไร”

 

 

ฟังจือหันครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นตอบ “เป็นสามีคุณไง”

 

 

อวี๋กานกานอึ้งค้างไปเป็นที่เรียบร้อย เธอนึกว่าตัวเองอาอาจจะหูแว่ว จ้องเขม็งไปที่ฟังจือหัน ทว่าสีหน้าของฟังจือหันกลับเคร่งขรึมจริงจังยากที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบ อวี๋กานกานไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี เธอรู้สึกว่าตอนนี้ฟังจือหันดูเหมือนคนที่ภายนอกนิ่งๆ ไม่มีอะไร แต่ภายในอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้าย เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา กล่าว “ฉันไม่ไปบ้านนายนะ ฉันจะเรียกแท็กซี่กลับ”

 

 

“ไม่ใช่บ้านผม บ้านของเราต่างหาก”

 

 

ฟังจือหันแย่งโทรศัพท์มาจากอวี๋กานกาน จากนั้นเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงของตัวเอง

 

 

กระเป๋ากางเกงเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างกระอักกระอวนและชวนให้รู้สึกลำบากใจ อวี๋กานกานอยากจะแย่งกลับมา ทว่าก็ไม่กล้า

 

 

ฟังจือหันพูดด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า “วางใจ ผมไม่กินคุณหรอก” จากนั้นจึงเปิดประตูลงจากลงไป

 

 

อวี๋กานกานไม่มีโทรศัพท์ สิ้นไร้ไม้ตอกที่จะเรียกแท็กซี่ อีกอย่างดูท่าในย่านนี้ก็ไม่มีแท็กซี่ให้โบกด้วย และแน่นอนว่าเธอจะนั่งอยู่ในรถไปตลอดไม่ได้ สุดท้ายจึงทำได้เพียงจำใจลงจากรถ อุ้มยาจุดกันยุง เดินตามฟังจือหันไป

 

 

บ้านและอาหารของยาจุดกันยุงทั้งหมดวางอยู่กระโปรงหลังบ้าบออะไร เรื่องหลอกหลวงทั้งนั่น ฟังจือหันวางแผนมาตั้งแต่แรกแล้ว

 

 

 

 

คอนโดของฟังจือหันเป็นแบบดูเพล็กซ์[1] ตกแต่งด้วยสีดำ ขาวและเทา สไตล์มินิมอล เหมือนกับนิสัยของเขาเย็นชาและไม่น่าเข้าใกล้

 

 

ทันทีที่พวกเขาเดินเข้าห้องก็มีคุณป้าท่านหนึ่งเดินออกมาจากห้องครัว เมื่อเห็นพวกเขาเธอก็คลี่ยิ้มออกมา “คุณฟัง คุณผู้หญิงฟัง กลับมากันแล้วหรือคะ” เธอเช็ดมือของตนเองบนผ้ากันเปื้อน “อาหารใกล้เสร็จแล้วค่ะ รอสักครู่นะคะ”

 

 

คุณผู้หญิงฟัง ? !

 

 

อวี๋กานกานช็อกไปเป็นที่เรียบร้อย ใบหน้าแดงแจ๋ เธออยากจะอธิบายกับคุณป้า แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร คุณป้าก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องครัว

 

 

อวี๋กานกานมองฟังจือหัน “คุณป้าเขา…”

 

 

ฟังจือหันเอ่ยเสียงเรียบ “เขาชื่อป้าหู มีหน้าที่ดูแลความสะอาด แต่คุณป้าไม่ได้พักอยู่ที่นี่ ในหนึ่งอาทิตย์จะมาแค่สามวันเท่านั้น”

 

 

ใครถามเรื่องนั้นกันเล่า อวี๋กานกานเบิกตาโต กล่าว “คุณป้าเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”

 

 

ฟังจือหันคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ถอดเสื้อโค้ทออก โยนทิ้งไว้บนโซฟา

 

 

อวี๋กานกานมองแผ่นหลังของฟังจือหันอย่างคับแค้นใจ ชีวิตวัยใสของเธอ ไม่เคยมีความรักเลยสักครั้ง กลับต้องมาถูกหมอนี่ประทับตราว่าแต่งงานแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่น่าประหลาดก็คือ คุณป้าหูท่านนี้ปฏิบัติต่อเธอไม่เหมือนเธอเป็นคนแปลกหน้าสักนิด

 

 

หรือว่าผู้หญิงที่ฟังจือหันพากลับบ้านทุกคน ป้าหูล้วนเรียกว่าคุณผู้หญิงฟังทั้งหมด?

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] ดูเพล็กซ์  คือ คอนโดแบบมีชั้นลอยหรือมีสองชั้น 

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset