ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 217 พี่เจียงในความฝัน / ตอนที่ 218 ทำไม่เป็น เดี๋ยวผมสอน

ตอนที่ 217 พี่เจียงในความฝัน

 

 

คุณป้าหูยกอาหารทั้งหมดมาจัดเรียงบนโต๊ะ จากนั้นกล่าวรายงานฟังจือหันสองสามประโยค ก่อนจะขอตัวกลับ

 

 

ตอนที่อวี๋กานกานกำลังรับประทานอาหารอยู่นั้น เธอบอกกับฟังจือหันว่าอีกเดี๋ยวเธอก็จะกลับแล้วเหมือนกัน ฟังจือหันไม่ขัดข้อง ทำเพียงแค่ให้กุญแจเธอไว้หนึ่งดอก เผื่อเธอมีเวลาว่างจะได้มาเยี่ยมยาจุดกันยุง

 

 

อวี๋กานกานชอบแมว โดยเฉพาะแมวน่ารักๆ แต่เธอไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อนเลย ตอนที่ย้ายบ้านเธอมีความคิดอยากจะเลี้ยงจึงถามเหอสือกุย แต่ว่าเหอสือกุยไม่ชอบแมว ยิ่งไม่ชอบให้ทั่วห้องห้องเต็มไปด้วยขนแมว โครงการนี้จึงถูกวางพักไว้ก่อน ถ้ามีเวลาว่างเธอจะมาหายาจุดกันยุงแน่

 

 

หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฟังจือหันเดินเข้าไปในห้องหนังสือ อวี๋กานกานคิดมาตลอดว่าฟังจือหันน่าจะอยู่ว่างๆ ไปวันๆ ไม่ทำอะไร จึงแอบดูจากด้านนอกอยู่หลายครั้ง ทว่าทุกครั้งที่ไปแอบดูกลับพบว่าเขาทำงานอยู่ตลอด นี่ก็สามทุ่มแล้ว แม้ว่าพรุ่งนี้ตอนเช้าจะไม่มีสัมมนา แต่เธอก็ควรจะกลับได้แล้ว

 

 

อวี๋กานกานเดินไปแอบดูฟังจือหันอีกครั้ง เขากำลังประชุมออนไลน์ผ่านวิดีโออยู่ซึ่งเธอก็ไม่กล้าเข้าไปขัดจังหวะ จึงไปนอนเล่นอยู่บนโซฟาห้องรับแขก ดูทีวีฆ่าเวลารอฟังจือหัน

 

 

เวลาล่วงเลยผ่านไป ความง่วงเริ่มเข้าครอบง่ำ เปลือกตาของอวี๋กานกานค่อยๆ ตกลง ก่อนจะหลับคาโซฟา

 

 

ฟังจือหันสะสางธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อออกมาก็มองเห็นอวี๋กานกานหลับอยู่บนโซฟา นอนบนโซฟาในห้องรับแขกตอนฤดูหนาว ต่อให้มีฮีตเตอร์ก็ยังเย็นมากอยู่ดี คนที่กลัวหนาวอย่างอวี๋กานกานจึงขดตัวเป็นวงกลม

 

 

ฟังจือหันหรี่สายตาลงมองอย่างไม่พอใจ เดินปรี่เข้าไปอุ้มอวี๋กานกานในท่าเจ้าสาว พาไปยังห้องนอน ตอนที่กำลังผ่านประตูห้องนอนนั้น แขนของอวี๋กานกานห้อยตกลงมากำลังจะฟาดเข้ากับวงกบประตู ฟังจือหันหมุนตัวอย่างรวดเร็วทำให้แขนของอวี๋กานกานไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ทว่าแขนของเขากลับกระแทกเข้ากับผนังห้องอย่างจังจนเกิดเป็นรอยช้ำหลายรอย

 

 

ฟังจือหันยังคงรักษาสีหน้าได้อย่างเรียบนิ่ง แม้แต่หางคิ้วก็ไม่กระตุก อุ้มอวี๋กานกานไปวางลงบนเตียง หลังจากที่ห่มผ้าให้แล้ว ฟังจือหันไม่ได้ออกจากห้องไปในทันที เขานั่งลงข้างเตียง นัยน์ตาลึกล้ำหลุบลงต่ำ จ้องไปที่ดวงหน้าของอวี๋กานกาน สายตาของเขาเปรียบเหมือนพู่กันและน้ำหมึกที่กำลังขีดเขียนอยู่บนใบหน้าของอวี๋กานกาน

 

 

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ฟังจือหันใช้นิ้วมือเรียวยาวเกลี่ยเส้นผมของอวี๋กานกานออกอย่างนุ่มนวล จากนั้นประทับจูบลงไปที่หน้าผากเบาๆ ราวกับแมลงปอบินระน้ำ เหมือนกลัวว่าจะปลุกอวี๋กานกานตื่น

 

 

 

 

อวี๋กานกานดำดิ่งลงไปในห้วงนิทรา เธอฝันอีกแล้ว เป็นฝันที่จะฝันถึงทุกครั้งเมื่อหิมะตก

 

 

ท่ามกลางหิมะ เด็กคนนั้นเอาแต่ตะโกนสั่งเธอ “รีบวิ่งสิ รีบวิ่ง…”

 

 

แต่กลับเธอวิ่งเข้าไปสวมกอดเด็กคนนั้นแน่น ร้องไห้งอแงพร้อมกับตะโกนเสียงดัง “พี่เจียง พี่เจียง…”

 

 

อวี๋กานกานตื่นจากความฝัน รู้สึกคัดจมูกและเวียนศีรษะเล็กน้อย เมื่อวานเธอใส่เสื้อบางไปหน่อย ทั้งยังถ่ายโฆษณาตั้งนาน บวกกับนอนบนโซฟาอีก น่าจะเริ่มจับไข้แล้ว มีสัญญาณที่จะป่วยเป็นหวัด

 

 

อวี๋กานกานพลิกตัว เหลือบไปเห็นยาจุดกันยุงที่นอนขดตัวอยู่ตรงมุมเตียง เธอคลี่ยิ้มออกมาทั้งที่ยังสะลึมสะลือ ยื่นมือไปลูบหัวเจ้ายาจุดกันยุง หิมะตกทีไร เธอมักจะฝันถึงเรื่องแปลกๆ เรื่องนั้นตลอด เวลาก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่เธอก็ยังฝันถึงเรื่องนั้นเรื่อยมา

 

 

เธอเคยถามซงฉยาไป๋และเหอสือกุย รวมทั้งคนอื่นๆ ว่าพวกเขายังหลงเหลือความทรงจำเมื่อตอนหกเจ็ดขวบไหม ส่วนใหญ่มักจะตอบว่าจำไม่ได้ คนเราเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นก็จะค่อยๆ ลืมเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมานานแล้ว ต่อให้จำได้ก็เป็นเพียงภาพความทรงจำเลือนรางเท่านั้น

 

 

เรื่องราวในวัยเด็กที่เธอจำได้มีน้อยมาก แต่ก็ไม่เข้าใจว่าผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมเธอถึงยังฝันถึงเรื่องนี้อยู่ตลอด

 

 

ทุกๆ ปีขอแค่หิมะตกหรือแค่มองเห็นหิมะ มันจะกระตุ้นให้เธอฝันถึงเหตุการณ์นั้น เธอเองก็ไม่รู้ว่าความฝันนั้นซ่อนอะไรไว้หรือเปล่า เช่น…แท้ที่จริงแล้วเธอเป็นใคร เพราะเธอเพิ่งมาอยู่กับคุณปู่เมื่อตอนอายุเจ็ดขวบ   

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 218 ทำไม่เป็น เดี๋ยวผมสอน

 

 

รุ่งอรุณของท้องฟ้าฤดูหนาวค่อนข้างอึมครึม ราวกับม่านหมอกยามค่ำคืนยังไม่จางหายไป

 

 

ประตูของนอนของฟังจือหันเปิดทิ้งไว้ อวี๋กานกานยืนอยู่ด้านนอกกำลังจะชะโงกศีรษะเข้าไปดู แต่ฟังจือหันเดินออกมาเสียก่อน “ตื่นแล้วเหรอ”

 

 

เสียงทุ่มต่ำของชายหนุ่มที่เพิ่งตื่นจากนิทราแฝงไว้ด้วยความแหบแห้งเซ็กซี่

 

 

อวี๋กานกานมองฟังจือหันแล้วกล่าว “เอ่อ ฉันจะกลับแล้ว ตอนบ่ายต้องเข้าสัมมนา นายยังไม่คืนโทรศัพท์ฉันเลย” อวี๋กานกานแบมือ

 

 

ฟังจือหันยืนผิงประตูด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย กล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ “เดี๋ยวผมไปส่ง”

 

 

“งั้นนายก็รีบไปล้างหน้าแปรงฟันซะ” อวี๋กานกานพูดพลางใช้นิ้วมือชี้ไปที่คางของตนเอง

 

 

คางของชายหนุ่มหลังตื่นนอนเริ่มมีไรหนวดเล็กๆ ขึ้น ดูรวมๆ แล้วให้ความรู้สึกดูดีแบบชายหนุ่มขี้เซา

 

 

ฟังจือหันยกมือขึ้นมาลูบคางของตัวเอง จ้องมองมาที่อวี๋กานกานเงียบๆ ด้วยสีหน้าเอื่อยเฉื่อย จากนั้นพูดขึ้นมา “คุณช่วยผมโกนสิ”

 

 

อะไรนะ ช่วยฟังจือหันโกนหนวด? ทีแรกอวี๋กานกานนึกว่าตัวเองฟังผิด เบิกตาโต “…”

 

 

ฟังจือหันยกแขนขึ้น แสดงความอ่อนแอ “แขนผมเจ็บ”

 

 

อวี๋กานกานเลื่อนสายตามองไปยังแขนของฟังจือหัน เหมือนไปขูดกับอะไรบางอย่าง มีรอยจ้ำเลือดอยู่หลายรอยจริงๆ ด้วย แต่นี่ไม่ถึงขั้นที่ทำให้เขาโกนหนวดด้วยตัวเองไม่ได้

 

 

อวี๋กานกานยกมือปฏิเสธ “นายโกนเองเถอะ ฉันทำไม่เป็น”

 

 

“ผมสอน”

 

 

อวี๋กานกานกำลังจะเดินหนี ฟังจือหันคว้าข้อมือของเธอไว้ ลากไปยังห้องอาบน้ำ

 

 

แสงไฟสีเหลืองสลัวๆ ในห้องน้ำส่องลงมาจากบนศีรษะของฟังจือหัน ฟังจือหันหลุบสายตาลงต่ำมองอวี๋กานกาน แววตาลึกซึ้งพราวเสน่ห์

 

 

อวี๋กานกานกระพริบตา เงยหน้าขึ้นมองผู้ชายตรงหน้า ปฏิเสธรอบสอง “ฉันทำไม่เป็นจริงๆ”

 

 

“หัด” ทั้งครีมโกนหนวดและมีดโกนถูกยัดใส่มืออวี๋กานกาน

 

 

“ทำไมฉันต้องหัดด้วย ฉันไม่มีหนวดซะหน่อย”

 

 

“ผมมี”

 

 

“นายมีนายก็โกนเองสิ”

 

 

“แขนผมเจ็บเพราะอุ้มคุณ…” ฟังจือหันเดินไปนั้งลงตรงขอบอ่างอาบน้ำที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นเงยคางขึ้นเล็กน้อย รออวี๋กานกาน

 

 

อวี๋กานกานรู้สึกว่าฟังจือหันน่าจะโกหก เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหา เธอบีบครีมโกนหนวดออกมาจากนั้นทาลงบนคางของฟังจือหัน ผ่านครีมโกนหนวดที่คั่นระหว่างกลาง อวี๋กานกานสัมผัสได้ถึงความรู้สึกทิ่มแทงเบาๆ จากไรหนวด เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง เหมือนกับในหัวใจโดนอะไรบางอย่างสะกิดจนเกิดความรู้สึกจั๊กจี้

 

 

หลังจากทาครีมโกนหนวดเสร็จเรียบร้อยแล้ว อวี๋กานกานกดเปิดเครื่องโกนหนวดไฟฟ้า ถึงเป็นเครื่องโกนหนวดไฟฟ้า อวี๋กานกานก็ยังไม่กล้าลงมือ “ถ้าบาดโดนนายขึ้นมา อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน”

 

 

“อือ”

 

 

ฟังจือหันหลับตา มอบทั้งหมดให้เป็นหน้าที่ของอวี๋กานกาน

 

 

อวี๋กานกากลั้นหายใจ เคลื่อนใบมีดโกนไปยังตำแหน่ง จากนั้นขยับอย่างระมัดระวัง

 

 

การโกนหนวดน่าจะเป็นเรื่องง่ายดายเรื่องหนึ่ง ทว่าอวี๋กานกานตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันช่างยากเย็นแสนเข็นซะเหลือเกิน แค่ไม่กี่นาทีเหมือนกับหลายเดือน

 

 

หลังจากที่โกนเสร็จ อวี๋กานกานถอนหายใจดังเฮือก เธอเงยหน้าขึ้น สบเข้ากับสายตาลึกซึ้งของฟังจือหันที่กำลังจ้องมาที่เธอ ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ลมหายใจร้อนผ่าวของฟังจือหันรดลงบนริมฝีปากของเธอ หัวใจเต้นสะเปะสะปะขึ้นมาอย่างกะทันหัน

 

 

อวี๋กานกานรีบก้าวถอยหลัง ทว่าเอวกลับถูกโอบเอาไว้ ตามด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลดึงเธอเข้าไป ในตอนที่เธอรู้สึกตัวก็พบว่าตัวเองนั่งอยู่ตักของฟังจือหันอย่างสุ่มเสี่ยง

 

 

นี่มันเป็นท่าที่ช่างยั่วยวนชวนให้คิดลึกจริงๆ

 

 

ฟังจือหันทั้งอันตรายและเผด็จการ แถมยังเป็นเด็กหวงของ

 

 

ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏอยู่ตรงหน้า ดวงตาของอวี๋กานกานเบิกโพลง ไม่กล้าขยับสุ่มสี่สุ่มห้า

 

 

ฟังจือหันกอดเธอเอาไว้แน่น จังหวะหายใจร้อนแรงและหนักหน่วง มืออีกข้างวางไว้บนท้ายทอยของเธอ จากนั้นออกแรงดันอย่างไม่ลังเลให้หน้าผากของอวี๋กานกานมาชนกับหน้าผากของตัวเอง

 

 

อวี๋กานกานกลืนน้ำลายตามสัญชาตญาณ รับรู้เพียงแค่ว่าร่างกายอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว หัวใจเต้นรัวประหนึ่งเสียงท้องฟ้าคำราม…

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset