ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 231 ยัยผู้หญิงหน้าไม่อาย / ตอนที่ 232 แพทย์แผนบูรณาการ

ตอนที่ 231 ยัยผู้หญิงหน้าไม่อาย

 

 

เยี่ยซีจะร้องไห้อยู่รอมร่อ!

 

 

เขามองอวี๋กานกานอย่างหวาดหวั่น นิ้วมือสั่นเทาชี้ไปที่อวี๋กานกาน “ทะ ทะ ทะ เธอ…” เยี่ยซีติดอ่างพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าแดงแจ๋ “ยัยผู้หญิงหน้าไม่อาย!”

 

 

อวี๋กานกานมองหน้าเยี่ยซี เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คนเราหากตกอยู่ในภาวะอารมณ์สีเทาเป็นระยะเวลานาน ความต้องการทางเพศจะถดถอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเศร้าโศกหรือโมโหฉุนเฉี่ยวถึงขีดสุด หากอาการรุนแรง อาจทำให้สูญเสียความต้องการทางเพศไปอย่างถาวร ดูๆ แล้วนายทั้งโมโหทั้งฉุนเฉี่ยวง่าย เกรงว่าสมรรถภาพคงเสื่อมหมดแล้วล่ะ ถ้าเสื่อมไปหมดแล้วจริงๆ จะรักษาก็…”

 

 

เยี่ยซีหน้าแดงแจ๋ พูดแทรกอวี๋กานกานเสียงดังลั่น “ฉันเปล่า ฉันยังแข็งแรงดี”

 

 

สายตาของอวี๋กานกานจดจ้องมาที่เยี่ยซีนิ่งๆ ไม่พูดอะไร เหมือนกับกำลังสำรวจตรวจสอบ!

 

 

ก่อนหน้านี้ เยี่ยซีคิดว่าที่อวี๋กานกานมองเขานั้นเป็นเพราะเสน่ห์ของตน แต่ว่าสายตาของอวี๋กานกานที่จดจ้องมาที่เขาในตอนนี้ ทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนทั่วทั้งร่างกำลังถูกเครื่องจักรแสกนตรวจ อึดอัดและทรมาน

 

 

เยี่ยซีถีบเฉินมั่วที่อยู่ข้างๆ “ตานายแล้ว เร็ว”

 

 

เฉิ่นมั่วเองก็ช็อกอยู่กับคำพูดเมื่อครู่ เมื่อสติคืนกลับมา เขามองหน้าอวี๋กานกานแล้วกล่าว “ฉะ ฉะ ฉะ ฉัน…”

 

 

ยังไม่ทันไม่ได้พูดอะไรต่อ เสียงของเยี่ยจยาเซิงดังแทรกขึ้นมา “ฉะ ฉะ ฉะ ฉันอะไร ฉันเชิญคุณหมออวี๋มาตรวจให้พวกแกหรือยังไง”

 

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเยี่ยจยาเซิงผู้เข้มงวด เฉินมั่วเกาหัวแกรกๆ หัวเราะแห้งๆ สองที เห็นได้ชัดว่ากลัวจนหัวหด

 

 

เยี่ยจยาเซิงหันไปยิ้มให้อวี๋กานกาน “คุณหมออวี๋ รบกวนด้วยนะครับ”

 

 

น้ำเสียงของเยี่ยจยาเซิงนอบน้อมกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด

 

 

ความจริงคือตอนที่เยี่ยจยาเซิงเดินออกมา เขาได้ยินอวี๋กานกานที่กำลังตรวจอาการให้เยี่ยซีกับเสิ่นตงชิงพอดี เขาจงใจไม่เดินออกมาเพื่อจะทดสอบว่าอวี๋กานกานมีความสามารถจริงหรือเปล่า

 

 

ดูท่าแล้วเหมือนจะมีความเป็นมืออาชีพมากทีเดียว คนที่ผู้จัดการหลี่ว์เชิญมา อย่างไรก็น่าจะเป็นคนที่มีความสามารถ

 

 

อวี๋กานกานลุกขึ้นยืนตัวตรง มือถือกล่องอุปกรณ์ คลี่ยิ้มบางๆ “ค่ะ”

 

 

แม้ว่าเมื่อครู่เยี่ยจยาเซิงจะยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร พูดกับเธอว่ารบกวนด้วยนะ แต่อวี๋กานกานก็มองออกถึงความถือตัวและสายตาดูถูกที่เยี่ยจยาเซิงมีต่อเธอ แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ อวี๋กานกานรู้ดีว่าตนเองอายุยังน้อย และเนื่องจากอายุน้อย เธอมักจะถูกต่อต้านจากบรรดาญาติๆ ของคนไข้อยู่บ่อยๆ แต่จะโทษญาติคนไข้ก็ไม่ได้ อวี๋กานกานเข้าใจว่าพวกเขาเป็นห่วงคนที่ตนเองรัก ลองเปลี่ยนมุมมอง ให้เธอมอบคนที่รักที่สุดสนิทที่สุดของเธอไว้ภายใต้เงื้อมือของแพทย์ที่เธอไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าวิชาแพทย์ของเขาเป็นอย่างไร เธอเองก็คงหวาดระแวงไม่ไว้วางใจ

 

 

หลังจากที่อวี๋กานกานเดินไปกับเยี่ยจยาเซิง สามหน่อต๊องกลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง

 

 

เสิ่นตงชิงพูด “ฉันรู้สึกว่ายัยนั่นเก่งสุดๆ ไปเลย”

 

 

เฉินมั่วพยักหน้า “เอ่อพี่ซี นายไม่มีน้ำยาแล้วจริงๆ เหรอ”

 

 

เยี่ยซีมะเหงกหัวเฉินมั่วอย่างแรง ความโกรธพุ่งพรวด “เมื่อกี้ยัยนั่นจงใจยั่วโมโหฉันก็เพื่อเรียกร้องความสนใจ ยัยนั่นโดนความหล่อเหลาของฉันสะกดไว้แล้ว พวกนายดูไม่ออกหรือไง”

 

 

เฉินมั่ว “…”

 

 

เสิ่นตงชิง “…”

 

 

ดูไม่ออกสักกะนิด! ทั้งคู่คิดตรงกัน แต่ไม่มีใครพูดออกมา พวกเขารีบเดินตามเยี่ยซี เข้าไปดูอวี๋กานกานที่กำลังจะตรวจอาการให้แม่เฒ่าเยี่ย

 

 

แม่เฒ่าเยี่ยนอนขดร่างกายที่ค่อนข้างอวบอยู่บนเตียงผู้ป่วย สีหน้าซีดเซียว คิ้วขมวดแน่นเป็นปม ท่าทางเหมือนกำลังอดทนอดกลั้น

 

 

อวี๋กานกานไม่รีบร้อนตรวจชีพจร เธอเปิดอ่านผลการตรวจร่างกายเป็นสิ่งแรก

 

 

เยี่ยจยาเซิงที่ยืนอยู่ด้านข้างถามอย่างร้อนรน “คุณหมออวี๋ เป็นไงครับ ต้องทานยาอะไรถึงจะหายได้เร็วที่สุด”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 232 แพทย์แผนบูรณาการ[1]

 

 

หลังจากที่อวี๋กานกานอ่านผลตรวจเสร็จแล้ว เธอหันไปมองแม่เฒ่าเยี่ย ถาม “ถึงแม้จะรับประทานยาไปแล้ว แต่บางครั้งก็จะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาเป็นระยะๆ อย่างไม่มีสาเหตุใช่ไหมคะ”

 

 

แม่เฒ่าเยี่ยไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่พยักใบหน้าที่ซีดเซียว

 

 

อวี๋กานกานไม่ได้ตรวจชีพจร เธอยื่นผลการตรวจส่งคืนให้เยี่ยจยาเซิง กล่าว “อาการของแม่เฒ่าหนักมาก ทางรักษาที่ดีและรวดเร็วที่สุดคือการผ่าตัดค่ะ”

 

 

เยี่ยจยาเซิงอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาเชื่อว่าก่อนหน้าจะมาที่นี่ ผู้จัดการหลี่ว์ต้องเล่าอาการของแม่เฒ่าให้อวี๋กานกานฟังแล้วอย่างแน่นอน แล้วทำไมถึงยังแนะนำให้ผ่าตัด ถ้าหากสามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ กับอีแค่ไส้ติ่งอักเสบเขาจะเชิญแพทย์แผนจีนมาที่คฤหาสน์ตั้งมากมายทำไม ตกลงว่าเด็กสาวหญิงคนนี้เป็นแพทย์แผนจีนจริงหรือเปล่า ทำไมถึงไม่ตรวจชีพจรดูสักนิด เมื่อครู่ที่อธิบายอาการให้เจ้าเด็กสองคนนั่น หลงนึกว่าจะพอมีวิชาอยู่บ้าง

 

 

ที่แท้ก็…

 

 

ดูๆ แล้วสิ่งที่เด็กสาวคนนี้พูดไปเมื่อครู่ ทั้งหมดก็แค่เป็นการพูดคาดเดาไปมั่วซั่ว

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์พูดอย่างอึกๆ อักๆ “คุณหมออวี๋ ผมแจ้งคุณหมอแล้วไม่ใช่หรือว่าแม่เฒ่าแพ้ยาชาและยาสลบ ถ้าใช้…”

 

 

อวี๋กานกานพูดตัดบท “แทนที่จะหยุดน้ำเดือดโดยการตักฟอง มิสู้หยิบฟืนใต้เตาออกเสีย[2] อาการของแม่เฒ่าหนักมาก หากรักษาแบบแพทย์แผนจีนต้องใช้เวลานาน อายุของแม่เฒ่าก็มากแล้ว การฟื้นตัวของร่างกายก็จะยิ่งช้าเข้าไปอีก ฉันทราบค่ะว่าแม่เฒ่าแพ้ยาชาและยาสลบ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะเข้ารับการผ่าตัดไม่ได้”

 

 

เยี่ยจยาเซิง “ทำยังไง ไม่ใช่ยาชาหรือยาสลบในการผ่าตัดเจ็บตายพอดี”

 

 

อวี๋กานกานตอบ “สมัยนี้ใช้วิธีแบบแพทย์แผนบูรณาการกันหมดแล้วค่ะ ใช้การฝังเข็มเชิงวิสัญญี[3]ร่วมกับการผ่าตัดเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ไม่มีปัญหาค่ะ”

 

 

เยี่ยจยาเซิงไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก เขาหันไปมองผู้จัดการหลี่ว์

 

 

แม้ว่าผู้จัดการหลี่ว์จะทำงานอยู่ในสมาคมแพทย์แผนจีน แต่เขาก็เป็นแค่พนักงานฝ่ายบริหารคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าฝังเข็มเชิงวิสัญญีคืออะไร

 

 

เนื่องจากอาการป่วยของคุณย่า ช่วงนี้เยี่ยซีจึงอ่านข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตมาไม่น้อย แน่นอนว่าเขาเคยค้นหาฝังเข็มเชิงวิสัญญี เยี่ยซีโกรธจนใบหน้าหล่อเหลากลายเป็นสีเขียว “ฝังเข็มเชิงวิสัญญีเป็นเรื่องหลอกหลวง ระงับความเจ็บปวดไม่ได้ด้วยซ้ำ ใครๆ ก็บอกว่าเหมือนกับผู้หญิงกัดท่อนไม้ไว้ในปากตอนคลอดลูก ประสิทธิภาพพอมีอยู่หรอก แต่สิ่งสำคัญคือความสามารถในการทนเจ็บของคนไข้” พูดพลางใช้นิ้วมือชี้หน้าอวี๋กานกาน “ออกไปเลยนะ ไม่งั้นเธอเจอดีแน่!”

 

 

ผู้จัดการหลี่ว์หน้าซีด ภาพเหตุการณ์นี้ ขอให้อย่าคุ้นตาไปมากกว่านี้เลย เขารีบเดินเข้ามา กล่าว “คุณชายเยี่ย คุณหมออวี๋ไม่มีทางพูดสุดสี่สุดห้าหรอก เธอ…”

 

 

ไม่ต้องรอให้ผู้จัดการหลี่ว์พูดจบ เยี่ยซีถีบเขาเข้าไปเต็มบาทา “คุณก็ไสหัวไป”

 

 

เยี่ยจยาเซิงมองหน้าลูกชายอย่างเหนื่อยหน่าย “เจ้าเด็กบ้านี่สร้างเรื่องอีกแล้ว”

 

 

ทว่าเขาก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร เห็นได้ชัดว่าเขาเห็นด้วยกับลูกชายของตัวเอง

 

 

อวี๋กานกานถามผู้จัดการหลี่ว์ว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ผู้จัดการหลี่ว์ส่ายหน้า เธอกล่าว “’งั้นพวกเรากลับเถอะค่ะ”

 

 

จะรับฟังหรือไม่ก็ตามใจของพวกเขา

 

 

แม่เฒ่าที่นอนซมอยู่บนเตียง มองหน้าหลานชายด้วยความรักใคร่เอ็นดู เหมือนกับอยากจะบอกหลานชายว่าอย่าโกรธไปเลย ปรากฏว่าขยับร่างกายเพียงนิดเดียวความรู้สึกเจ็บปวดก็แล่นขึ้นมา ทนไม่ไหวจนหลุดร้องโอ้ยออกมา

 

 

ใบหน้าหล่อเหลาของเยี่ยซีเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เขานั่งยองๆ ลงข้างเตียง จับมือของย่าไว้ พูดอย่างเจ็บปวด “ย่า ทนอีกวันนะครับ ผมไปเชิญหมอทางเดินอาหารที่เก่งที่สุดมาแล้ว เขาจะมาถึงวันพรุ่งนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไม่เจ็บแล้วนะครับ”

 

 

แม่เฒ่ายิ้มอย่างอ่อนแรงให้เยี่ยซี “ย่าไม่เจ็บหรอก”

 

 

เยี่ยซีจีบแขนของคุณย่า พร้อมกับนวดเบาๆ ให้รู้สึกผ่อนคลายเพื่อบรรเทาความปวด 

 

 

อวี๋กานกานมองภาพเหตุการณ์ทั้งหมดตรงหน้า ค่อนข้างประหลาดใจ

 

 

 

 

——

 

 

[1] แพทย์แผนบูรณาการ  คือ การผสมผสานกันของวิธีการรักษาแบบแพทย์ทางเลือกและแพทย์แผนปัจจุบัน

 

 

[2] แทนที่จะหยุดน้ำเดือดโดยการตักฟอง มิสู้หยิบฟืนใต้เตาออกเสีย  หมายถึง ให้จัดการปัญหาที่ต้นตอ

 

 

[3] การฝังเข็มเชิงวิสัญญี  หมายถึง การฝังเข็มให้เกิดอาการชาเพื่อระงับอาการปวดในการผ่าตัด โดยฝังเข็มลงจุดที่เลือกตามแนวเส้นลมปราณ จุดที่เลือกจะอิงจากการวิเคราะห์อาการของโรคและจุดใกล้ 

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset