ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 235 เด็กหนุ่มผู้คลั่งไคล้ฟังจือหัน / ตอนที่ 236 กลับตาลปัตร

ตอนที่ 235 เด็กหนุ่มผู้คลั่งไคล้ฟังจือหัน

 

 

ในตอนที่อวี๋กานกานโดนฟังจือหันกอดไว้ในอ้อมอก มีประโยคหนึ่งปรากฏขึ้นมาในหัวโดยอัตโนมัติ  ทำไมหมอนี่กอดเธออีกแล้ว

 

 

ร่างกายที่ถูกโอบกอดด้วยเสื้อโค้ทอุ่นขึ้นมามาก ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเข้มข้นแฝงไว้ด้วยความแข็งกร้าวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฟังจือฟัน ใบหน้าจิ้มลิ้มของอวี๋กานกานขึ้นสีแดงระเรื่อ จังหวะการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

 

 

กลิ่นกายของฟังจือหันหอมมากจริงๆ ไม่ใช่กลิ่นเหงื่อบนร่างของผู้ชายทั่วไป แล้วก็ไม่เหมือนกลิ่นยาจางๆ บนร่างของอาจารย์ กลิ่นกายของฟังจือหันค่อนข้างบรรยายยาก ไม่สามารถใช้คำไหนมาอธิบายได้ รู้เพียงแค่ว่าสะอาดสดชื่น นอกจากหอมแล้ว ยังชวนให้รู้สึกหลงใหลมัวเมา

 

 

หมอนี่ชอบกอดเธอแบบนี้บ่อยๆ ไม่ได้การล่ะ

 

 

แต่พอนานวันเข้า เธอเองก็ไม่ขัดขืนเสียอย่างงั้น ทว่าแบบนี้มันไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม

 

 

ในตอนที่อวี๋กานกานกำลังจะอ้าปากพูดให้ฟังจือหันปล่อยเธอ ทันใดนั้นก็มีน้ำเสียงสดใสเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านข้าง

 

 

“เฮีย!”

 

 

น้ำเสียงค่อนข้างคุ้นหู อวี๋กานกานให้ไปตามสัญชาตญาณ พลันเห็นเยี่ยซีวิ่งเข้ามาด้วยความเร็ว สายตามองฟังจือหันด้วยใบหน้าเลื่อมใสศรัทธาเคารพยกย่อง “ไม่ได้เจอกันนานนะครับ”

 

 

อวี๋กานกานตะลึงงันไปเล็กน้อย “…”

 

 

ฟังจือหันรู้จักกับเยี่ยซี?

 

 

แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ สีหน้าเย็นชาของฟังจือหันไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ ไม่เหมือนกับเยี่ยซีที่มีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ แววตาเย็นยะเยือกของฟังจือหันแฝงไว้ด้วยความเคลือบแคลงใจจ้องมองไปยังเยี่ยซี  

 

 

เยี่ยซีกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย ดวงตาทั้งสองเปล่งประกายไปด้วยแสงแห่งความตื่นเต้น ยื่นมือออกมา ถามด้วยความเร่าร้อนอันแรงกล้า “เฮีย ผมขอจับมือหน่อยได้ไหมครับ”

 

 

เยี่ยซีพูดอย่างระมัดระวัง เหมือนกลัวไม่เคารพฟังจือหัน

 

 

อวี๋กานกานช็อกไปเป็นที่เรียบร้อย “…”

 

 

นี่มันแฟนบอยของฟังจือหัน

 

 

อวี๋กานกานชำเลืองมองฟังจือหัน ดวงตาเย็นชากับสีหน้าเรียบนิ่งนั่น ไม่ได้บ่งบอกว่าฟังจือหันรู้จักเด็กหนุ่มตรงหน้าแม้แต่น้อย

 

 

กระอักกระอวนซะแล้วสิ

 

 

เยี่ยซีที่ถูกเมินกลับไม่โกรธ เพียงแต่เกาศีรษะด้วยท่าทีเขินอาย “คือผมตื่นเต้นไปหน่อยที่ได้เจอเฮีย เอ่อ…เฮียช่วยเซ็นลายเซ็นให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”

 

 

ฟังจือหันปฏิเสธอย่างเย็นชา “ไม่ได้”

 

 

เยี่ยซีถามต่อ “งั้นผมเชิญไปรับประทานอาหารสักมื้อได้ไหมครับ”

 

 

ฟังจือหันยังคงปฏิเสธ “ไม่มีเวลา”

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

เหมือนกับว่าได้อยู่ในเหตุการณ์แฟนคลับเจอดาราอย่างไรอย่างงั้น

 

 

เยี่ยซีเริ่มรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาบ้างแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาของเขาย่นเข้าหากันจนเกิดเป็นริ้วรอย ถามหยั่งเชิงฟังจือหัน “เฮีย เฮียยังจำเด็กชายที่ทะเลสาปต้าหมิง[1]เมื่อปีนั้นได้ไหม…” เยี่ยซีตื่นเต้นมากจริงๆ จนพูดผิด เมื่อรู้ตัวก็รีบอธิบายด้วยใบหน้าที่แดงแจ๋ทันที “เฮียยังจำเด็กชายที่ภูเขาต้าซิ่งเมื่อปีนั้นได้ไหม”

 

 

ดวงตาดำขลับล้ำลึกของฟังจือหันยังคงเย็นชาเย่อหยิ่ง

 

 

เมื่อเยี่ยซีเห็นว่าฟังจือหันยังนึกไม่ออก ไม่สนว่าอากาศจะหนาวเหน็บเพียงไหน ถกแขนเสื้อขึ้น ชี้ไปที่รอยแผลเป็นบนแขน พูดกับฟังจือหันอย่างร้อนรนประหนึ่งโดนไฟแผดเผา “ห้าปีก่อนผมโดนจับตัวเรียกค่าไถ่ คนพวกนั้นได้เงินจากพ่อผมไปแล้วยังต้องการฆ่าปิดปาก เหตุเกิดที่คลังสินค้าบนภูเขาต้าซิ่ง ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองคงตายแน่ คงไม่ได้กลับไปเจอพ่อกับย่าอีก เป็นเฮียที่สวมชุดทหารสีเขียวทั้งตัว ถือปืนกลเบาพุ่งเข้ามา ทั้งยังตะลุมบอนกับพวกโจรลักพาตัวด้วยมือเปล่า แต่ว่าพวกโจรมีมากเกินไป หนึ่งในโจรลักพาตัวคิดอาศัยจังหวะที่เฮียกำลังโดนล้อมลงมือฆ่าผม ยังดีที่ปฏิกิริยาของเฮียรวดเร็ว เข้ามาดึงผมได้ทัน ลูกกระสุนเลยถากโดนแขนของผม ไม่อย่างงั้นผมคงตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”

 

 

ผ่านไปแล้วห้าปี แต่เยี่ยซีไม่มีทางลืมเลือนวันวานอันมืดมัวขมขื่นตอนอายุสิบห้าปีที่ตนถูกจับตัว

 

 

ตอนนั้นเขาคิดจริงๆ ว่าชีวิตนี้คงจะจบสิ้นแล้ว!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 236 กลับตาลปัตร

 

 

ผลปรากฏว่ามีชายคนหนึ่งชื่อฟังจือหันลงมาจากฟากฟ้า ราวกับเป็นพระเจ้าลงมาช่วยชีวิต ราวกับคนตาบอดที่ได้เห็นแสงอาทิตย์แรกอรุณอีกครั้ง ราวกับคนหลงทางได้พบพระเยซู

 

 

ซาบซึ้ง เลื่อมใส ถึงขั้นอยากติดตามฟังจือหัน ทว่าตอนที่คนของเยี่ยซีตามสืบจนรู้หน่วยสังกัดของฟังจือหัน กลับพบว่าฟังจือหันออกจากราชการทหารไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว

 

 

หลังจากนั้นร่องรอยก็เลื่อนลาง ไม่มีใครรู้ว่าฟังจือหันไปอยู่ที่ไหน เยี่ยซีอยากเจอฟังจือหันมาห้าปี ใช้ทุกวิถีทางแล้วก็ยังสืบหาไม่เจอ

 

 

วันนี้จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว กำลังโอบกอดคุณหมอที่เพิ่งออกมาจากคฤหาสน์ของเขา เยี่ยซีตกใจจนเกือบจะลืมแสดงสีหน้าท่าทาง

 

 

เมื่อเยี่ยซีได้ยินฟังจือหันร้อง “อ่อ” ดวงตาของเขาเป็นประกาย ถามอย่างใจจดใจจ่อ “เฮีย เฮียจำผมได้แล้วใช่ไหม”

 

 

ฟังจือหันนึกออกแล้ว นั่นเป็นภารกิจสุดท้ายที่เขายังอยู่ในกองทัพ ช่วยเหลือเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ถูกโจรลักพาตัว “ที่แท้ก็เป็นนาย”

 

 

ฟังจือหันพูดพลางนึกถึงตอนที่หลินจยาอวี่โทรศัพท์มาหาเขา น้ำเสียงหลินจยาอวี่ตึงเครียดตอนพูดชื่อเยี่ยซี จึงเอ่ยปากถามดู “นายคือเยี่ยซี?”

 

 

เยี่ยซีมองหน้าฟังจือหันด้วยความตื่นเต้น “ใช่ใช่ใช่ ผมคือเยี่ยซี”

 

 

ที่แท้ฟังจือหันก็รู้จักชื่อของเขา ประทับใจซะจนอยากโยนกลีบดอกไม้ขึ้นฟ้า

 

 

ฟังจือหันครุ่นคิด แววตาเย็นเยียบอย่างฉับพลัน ถามอวี๋กานกาน “หมอนี่รังแกคุณหรือเปล่า”

 

 

ใบหน้าของเยี่ยซีขาวซีดในทันที ไม่รอให้อวี๋กานกานอ้าปากพูด ส่ายมือทันควัน “ไม่มีๆ ผมจะไปรังแกซ้อได้ไง เฮียผมจะบอกอะไรให้ ซ้อของผมเก่งสุดๆ ไปเลย เมื่อกี้ฝังเข็มไปเข็มเดียว ย่าผมหายเจ็บทันทีเลย เซียนจุติลงมาเกิดยังโลกมนุษย์ชัดๆ”

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

เมื่อครู่เจ้าเด็กนี่ไม่ได้พูดแบบนี้ ท่าทีก็ไม่ได้เชื่องขนาดนี้

 

 

เยี่ยซีนึกถึงพฤติกรรมของตนก่อนหน้านี้ ในใจเรียกได้ว่ารู้สึกผิด ผิดมหันต์ กลัวว่าอวี๋กานกานจะผูกอาฆาต ในอนาคตไม่รู้ว่าอวี๋กานกานจะยังคบกับเฮียของเขาอยู่ไหม แต่ตอนนี้อวี๋กานกานเป็นผู้หญิงของเฮีย เขาต้องให้ความเคารพแน่นอนอยู่แล้ว

 

 

ที่แท้ทั้งเขาและเฮียต่างก็เก่งกาจไม่แพ้กัน แม้แต่ชอบผู้หญิงก็ยังชอบคนเดียวกัน

 

 

อย่างไรก็ตามฟังจือหันเป็นเฮียของเขา เฮียอายุเยอะแล้วหาผู้หญิงยาก งั้นเขายอมถอยดีกว่า อย่างไรซะผู้หญิงที่ชื่นชอบเขาก็มีตั้งมากมาย เยี่ยซีคิดพลางส่งสัญญาณผ่านทางสายตาให้อีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ “พวกนายว่าจริงไหม”

 

 

เสิ่นตงชิงรับสัญญาณจากเยี่ยซี รีบก้าวเข้ามาข้างหน้า พูดประจบ “ใช่ใช่ใช่ ซ้อทั้งเก่งทั้งเท่ เสน่ห์ล้นเหลือจนแทบทะลุขอบฟ้า”

 

 

เฉินมั่วรีบประจบต่อ “ทั้งยังเหมาะสมกับเฮียเหมือนกิ่งทองใบหยก คู่สวรรค์สร้าง”

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

อวยเวอร์เกินไปแล้ว!

 

 

เยี่ยซีฉีกยิ้มอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ พูดกับอวี๋กานกาน “ว่างเมื่อไรครับ พวกเราไปกินข้าวกันสักมื้อจะได้คุยเรื่องวิธีรักษาอาการป่วยของย่าผม?” 

 

 

อวี๋กานกาน “…”

 

 

ไม่ใช่ว่าเขาลังเลอยู่หรอกเหรอ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อฝังเข็มเชิงวิสัญญีหรอกเหรอ ไม่ใช่ว่าขอคิดก่อนหรอกเหรอ

 

 

อวี๋กานกานพูดอย่างเอือมระอา “รอหมอที่นายเชิญมาถึงก่อนแล้วค่อยปรึกษากันอีกที”

 

 

เยี่ยซีระบายยิ้มตอบ “ได้ครับ งั้นผมนัดพรุ่งนี้นะ”

 

 

ขอแค่คบหาสมาคมกับอวี๋กานกานไว้ เขาย่อมได้เจอเฮียอีก พูดถึงเรื่องนี้ เฮียของเขามีครบครันทั้งหน้าตาความสามารถและฐานะอันสูงส่ง ผู้หญิงที่อยากแต่งงานกับเฮียมีมากมายจนนับไม่หมด ทำไมถึงมาคบกันหมอบ้านๆ ธรรมดาๆ

 

 

หมอคนนี้เก่งจริงๆ ไม่รู้ว่าวางยาอะไรใส่เฮีย

 

 

แต่วางได้ดี! หลงได้เยี่ยม!

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะอวี๋กานกานวางยาเสน่ห์ใส่ไอดอลเขา ตอนนี้เขาก็คงยังไม่ได้เจอไอดอลที่แสนลึกลับคนนี้

 

 

 

 

——

 

 

[1] ยังจำเด็กชายที่ทะเลสาปต้าหมิงเมื่อปีนั้นได้ไหม  เป็นประโยคโด่งดังจากหนังเรื่ององค์หญิงกำมะลอ มาจากตอนที่จื่อเวยตรัสกับฮ่องเต้ว่า ‘ฮ่องเต้ พระองค์ยังจำซย่าอวี๋เหอที่ทะเลสาปต้าหมิงเมื่อปีนั้นได้หรือไม่’ ซึ่งซย่าอวี๋เหอก็คือมารดาของจื่อเวยที่พบรักกับฮ่องเต้ที่ทะเลสาปต้าหมิง แต่หลังจากที่เข้าวังมาฮ่องเต้กลับไม่ได้สนใจใยดีนางเหมือนดั่งที่เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ ประโยคนี้จึงมีไว้เสียดสีคนที่ทำผิดสัญญา โดยวิธีใช้คือให้เปลี่ยนชื่อบุคคล เช่น ยังจำXXที่ทะเลสาปต้าหมิงเมื่อปีนั่นได้ไหม  

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset