ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ – ตอนที่ 237 โชคชะตาหรือสะกดรอย / ตอนที่ 238 คนนี้คือแฟนผม

ตอนที่ 237 โชคชะตาหรือสะกดรอย

 

 

“เมื่อก่อนนายเคยเป็นทหารด้วยเหรอ” อวี๋กานกานหันไปมองฟังจือหันที่กำลังขับรถอยู่ ค่อนข้างคิดไม่ถึง เขาแค่คนเดียวก็สามารถช่วยเยี่ยซีได้แล้ว มิน่าล่ะถึงได้ต่อสู้เก่งขนาดนั้น

 

 

“อืม”

 

 

“แล้วนายเป็นทหารอยู่กี่ปี”

 

 

“แปดปี”

 

 

นานขนาดนั้นเชียว? ปีนี้ฟังจือหันอายุยี่สิบหก ห้าปีก่อนอายุยี่สิบเอ็ดปลดประจำการ ถ้าอย่างงั้น…อวี๋กานกานตกตะลึง “ตอนสิบสามปีนายก็เป็นทหารแล้วเหรอ”

 

 

“ถือว่าใช่”

 

 

ตอนอายุสิบสามเขาก็ตามคุณตาเข้ามาในกองทัพ หลังจากนั้นก็อยู่ในกองทัพตลอด แม้ว่าจะยังต้องไปเข้าเรียนตามปกติ แต่เรียกได้ว่าเป็นทหารเต็มตัวแล้ว

 

 

อวี๋กานกานยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งไว้ เอียงลำตัวแล้วถาม “งั้นนายก็โตในค่ายทหารน่ะสิ แล้วทำไมจู่ๆ ถึงลาออกจากราชการซะล่ะ”

 

 

สายตาลึกล้ำของฟังจือหันจ้องมองมาที่เธอ มุมปากแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง “อยากรู้อดีตของผม แสดงว่ายอมรับผมเป็นสามีแล้วน่ะสิ?”

 

 

อวี๋กานกานเหนื่อยหน่ายเป็นอย่างยิ่ง หมอนี่ทุกวินาทีคิดแต่จะแทะโลมเธอ  

 

 

ทำไมต้องย้ำนักย้ำหนาว่าเขาเป็นสามีของเธอ

 

 

เธอไม่เคยคบหากับผู้ชายที่ไม่รู้จักและไม่เคยถอดทิ้งสามีที่มาจากตระกูลเศรษฐีเสียหน่อย

 

 

“คุณย้ายมาบ้านผม” ฟังจือหันพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

 

 

สายตาของอวี๋กานกานเต็มไปด้วยความตะลึงงัน สบตากับฟังจือหันนิ่งๆ สายตาเรียบเฉยและเย็นชาคู่นั้นของฟังจือหัน เหมือนกับแอบซ่อนความเร่าร้อนไว้ ราวกับว่าขอแค่เธอจุดประกายไฟเพียงน้อยนิด มันก็จะแผดเผาเธอไปทั่วร่าง 

 

 

จู่ๆ ก็รู้สึกคอแห้งขึ้นมา บรรยากาศภายในรถเงียบลงกะทันหัน จนกระทั่งโทรศัพท์มือถือของอวี๋กานกานดังขึ้น 

 

 

อวี๋กานกานรีบกลับมานั่งตัวตรง หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า ทันทีที่กดรับเสียงของหลินจยาอวี่ดังขึ้นจากอีกฝากหนึ่งของโทรศัพท์ “กานกาน สามีเธอไปรับเธอแล้วยัง”

 

 

อวี๋กานกานรู้สึกขวยเขินขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

 

 

หลินจยาอวี่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่คนไข้ของเธอแล้ว แต่เป็นเพื่อนของเธอด้วย ฉะนั้นเธอควรจะอธิบายกับหลินจยาอวี่ให้ชัดเจนว่าเธอกับฟังจือหันไม่ได้เป็นอะไรกัน

 

 

“ออกมาจากตระกูลเยี่ยแล้ว เธอกินข้าวแล้วยัง”

 

 

“ยังเลย รอเธออยู่นี่ไง”

 

 

อวี๋กานกานหันไปมองฟังจือหัน ฟังจือหันผงกศีรษะเชิงว่าตกลง เธอจึงพูดต่อ “งั้นเดี๋ยวพวกเราไปรับเธอแล้วไปกินข้าวพร้อมกัน”

 

 

ฟังจือหันเป็นคนเลือกร้านอาหาร เป็นหนึ่งในภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อของปักกิ่ง

 

 

ระหว่างทางฟังจือหันบอกอวี๋กานกานว่าตอนนี้ลู่เสวี่ยเฉินเองก็อยู่ในภัตตาคารแห่งนี้ด้วย อีกทั้งยังกำลังนัดบอดอยู่

 

 

อวี๋กานกานอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างยิ่ง เธอนั่งเยื้องๆ กับลู่เสวี่ยเฉิน ตรงกลางคั่นไว้ด้วยฉากกั้นฉลุลวดลายดอกไม้

 

 

ในตอนที่ลู่เสวี่ยเฉินเห็นอวี๋กานกานเดินเข้ามา เขาไม่ตกใจแม้แต่น้อย เพราะเขาเป็นคนเรียกฟังจือหันมาเอง ทว่าตอนที่เห็นว่าคนข้างๆ อวี๋กานกานคือหลินจยาอวี่ เขามีสีหน้าที่ค่อนข้างอธิบายได้ยาก

 

 

ในใจของเขามีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่าผู้หญิงเย็นชาคนนี้ต้องแอบหัวเราะเยาะเขาที่มานัดบอดแน่

 

 

แต่ความเป็นจริง หลินจยาอวี่นั่งหันหลังให้ลู่เสวี่ยเฉิน…

 

 

ตรงหน้าลู่เสวี่ยเฉินมีผู้หญิงสาวสวยสวมชุดเดรสสีเบจคนหนึ่งนั่งอยู่

 

 

หญิงสาวมองลู่เสวี่ยเฉินอย่างเนียมอายพร้อมกล่าว “เสวี่ยเฉิน บังเอิญจังเลยนะคะ ฉันไม่คิดเลยว่าพอนัดบอดครั้งใหม่จะเป็นคุณอีกครั้ง…”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก เกรงว่าผู้หญิงคนนี้คงตามตอแยเขาไม่เลิก

 

 

“…ไม่พูดไม่ได้ว่าพวกเราช่างมีชะตาต่อกันจริงๆ เมื่อคืนก่อนฉันก็เจอคุณที่ผับไป๋ชวน แต่ว่าตอนนั้นแสงไฟในผับมืดเกินไปก็เลย…”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินนั่งผิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบเจือติเตียน “ตกลงว่าเป็นโชคชะตา หรือคุณสะกดรอยตามผมกันแน่”

 

 

สีหน้าของเหวินซินเม่ยเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว “เสวี่ยเฉิน ฉันเปล่านะคะ ทั้งหมดเป็นความบังเอิญจริงๆ ฉันรู้สึกจริงๆ นะคะว่าพวกเราควรจะลองคบหาเรียนรู้กันและกันดู”  

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 238 คนนี้คือแฟนผม

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินมองหน้าเธอ พูดอย่างหมดความอดทน “ขอโทษนะ ผมมีแฟนอยู่แล้ว”

 

 

ตอนนัดบอดที่เจอเหวินซินเม่ยครั้งแรก เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เลวเลยทีเดียว ดูอ่อนหวานสุภาพเรียบร้อย คิดอยากลองคบหาดูสักตั้ง ทว่าตอนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลองคบหาดูใจกัน เขากลับพบว่าหวังซินเม่ยให้คนสะกดรอยตาม รู้ข้อมูลการเดินทางของเขาทุกก้าวเป็นอย่างดี หากเขาสนทนากับผู้หญิงคนไหนนานหน่อย เหวินซินเม่ยก็จะสั่งให้คนไปเตือนผู้หญิงคนนั้น ถึงขั้นตอนไปบ้านของเขา เหวินซินเม่ยยังแอบขโมยเสื้อเชิ้ตและกางเกงชั้นใน

 

 

นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!

 

 

ต่อให้เขาต้องโสดไปชั่วชีวิตก็จะไม่แต่งกับผู้หญิงแบบนี้เด็ดขาด

 

 

ช่วงนี้ที่เขาตอบตกลงนัดบอดอยู่ตลอด ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะต้องการหนีเหวินซินเม่ย แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่ปฏิเสธไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้ยังใช้สารพัดวิธีจับคู่นัดบอดขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

สีหน้าของเหวินซินเม่ยซีดลงไปเล็กน้อย “ไม่ เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เห็นรู้ว่าคุณมีแฟนแล้ว”

 

 

“ก่อนหน้านี้ผมไปเมืองไป๋หยางพักอยู่ที่นั่นระยะหนึ่ง ผมรักเธอตั้งแต่แรกพบ ช่วงนี้ที่นัดบอดเป็นเพราะว่าพวกเราทะเลาะกัน แต่ตอนนี้คืนดีกันแล้ว อีกไม่กี่วันผมจะพาเธอไปพบคุณแม่”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินพูดพลางยืนขึ้น จากนั้นเดินตรงไปทางโต๊ะของฟังจือหัน

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่อวี๋กานกานได้เห็นการนัดบอดด้วยตาของตัวเอง แม้ว่าจะไม่ได้ยินว่าพวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกัน ทว่าก็มองดูด้วยความตื่นเต้นสนุกสนาน

 

 

เมื่อเห็นว่าลู่เสวี่ยเฉินกำลังเดินมาทางนี้ อวี๋กานกานรีบนั่งตัวตรง แกล้งทำเป็นคุยกับหลินจยาอวี่ “จานนี้อร่อยนะจยาอวี่ กินเยอะๆ…”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินเคาะโต๊ะ “พอได้แล้วหน่า ไม่ต้องทำมาเนียน ฉันเห็นนะว่าเธอแอบมองอยู่ตลอด”

 

 

อวี๋กานกานคลี่ยิ้ม “ก็แค่อยากรู้นิดหน่อยเอง เป็นไงนัดบอดวันนี้ราบรื่นดีไหม ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาสวยดีนี่ ทั้งสวยทั้งอ่อนหวาน”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินถอนหายใจเบาๆ “เธอช่วยฉันหน่อยสิ”

 

 

ตอนอยู่ไป๋หยางลู่เสวี่ยเฉินช่วยเธอไว้ไม่น้อย แน่นอนว่าอวี๋กานกานไม่ปฏิเสธ พยักหน้าตอบรับทันที

 

 

ทว่ากลับถูกฟังจือหันขัดขึ้นมาก่อน “เธอไม่เหมาะ”

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินถลึงตาใส่ฟังจือหัน “อย่าขี้งกไปหน่อยเลยหน่า”

 

 

“คุณหนูหลินเหมาะกว่า” ฟังจือหันพูดจบ สายตาหันไปมองหลินจยาอวี่

 

 

อวี๋กานกานคาดเดาด้วยความสงสัยใคร่รู้ ลู่เสวี่ยเฉินต้องการให้ช่วยเรื่องอะไรกันแน่นะ ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจขึ้นมาทันที ลู่เสวี่ยเฉินไม่ได้ชอบอีกฝ่าย หวังจะใช้หญิงสาวสักคนเพื่อให้อีกฝ่ายถอดใจเสีย

 

 

ลู่เสวี่ยเฉินไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่หันไปมองหลินจยาอวี่ “…”

 

 

เขารู้อยู่แล้วว่าหลินจยาอวี่เหมาะสมกว่า เดิมทีคนที่เขาจะมาขอความช่วยเหลือก็คือหลินจยาอวี่ แต่ว่านิสัยของผู้หญิงคนนี้เย็นชาจืดชืด ผีก็ยังรู้ว่าหลินจยาอวี่ไม่ยอมตอบตกลงแน่

 

 

ถ้าเขาเอ่ยปากขอความช่วยเหลือแล้วถูกปฏิเสธ นั่นคือขายขี้หน้าสุดๆ ดังนั้นเขาก็เลยจงใจมาขอความช่วยเหลือจากอวี๋กานกานก่อน ฟังจือหันฉลาดเป็นกรดขนาดนั้น ทั้งยังรู้จักเขาเป็นอย่างดี ย่อมมองออกแต่แรกว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเขาคืออะไร นับว่าแซ่ฟังยังมีคุณธรรมที่ยอมเต็มใจช่วยเขาในเวลาแบบนี้

 

 

หลินจยาอวี่มองตาของพวกเขา ค่อนข้างลังเลใจ…

 

 

ส่วนเหวินซินเม่ยเห็นลู่เสวี่ยเฉินลุกออกไปยืนอยู่อีกโต๊ะนานสองนาน ทั้งยังคุยกับผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่โต๊ะนั้น ผู้หญิงหนึ่งในนั้นที่นั่งอยู่คนเดียว มีออร่าเยือกเย็นและหน้าตาสะสวย

 

 

สัญญาณอันตรายพวยพุ่งขึ้น เหวินซินเม่ยอดทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว ลุกพรวดเดินเข้าไปยืนข้างๆ ลู่เสวี่ยเฉิน หมายจะคล้องแขนลู่เสวี่ยเฉินแนะนำตัวเอง

 

 

ผลปรากฏว่าลู่เสวี่ยเฉินนั่งลงข้างๆ หลินจยาอวี่ทันที แขนโอบไหล่หลินจยาอวี่ ยิ้มอย่างชั่วร้าย “แนะนำให้รู้จักนะครับ คนนี้คือแฟนผม”

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

“ขอโทษนะคะ คุณคือ…” “ฟังจือหัน สามีเธอไง” นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย! นั่งในบ้านอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีสามีซะยังงั้น! อวี๋กานกาน เป็นแพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เมื่อครึ่งเดือนก่อน เธอประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนเข้าจนหมดสติไป หลังจากฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล บาดแผลไม่ได้สาหัส แต่กลับต้องนอนพักฟื้นเป็นครึ่งค่อนเดือน หลังจากที่เธอฟื้น กลับมีผู้ชายคนหนึ่งดันมายืนตรงหน้าเธอ บอกว่าเธอความจำเสื่อม และยังบอกอีกว่าเขาเป็นสามีของเธอ! เธอคนที่ไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน จะไปมีสามีได้ยังไงกัน… “คุณเป็นใครกันแน่” “ฟังจือหัน สามีเธอไง!” เจ็ดพยางค์เหมือนเมื่อกี้เป๊ะ… สรุปแล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นระหว่างที่เธอหมดสติไปกันเนี่ย ในเมื่อเธอไม่รู้จักเขา แล้วเพราะอะไรทำไมเขาถึงต้องอ้างว่าเป็นสามีของเธอด้วย หรือเธอจะความจำเสื่อมเข้าแล้วจริงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset