ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – ตอนที่ 126 วิสัยทัศน์อันกว้างไกลของบอสเผย

“ไม่ต้องพูดเรื่องบอสหรือเรื่องสวัสดิการก็ได้ค่ะ ตอบอ้อมๆ แทนก็ได้! ไม่ต้องห่วงนะคะ การสัมภาษณ์นี้จะเก็บเป็นความลับ ฉันจะจดทุกอย่างเอง ไม่ใช้เครื่องบันทึกเสียงหรืออัดคลิปค่ะ”

หูเยว่ดูจะเตรียมตัวมาดีมาก เธอหยิบสมุดจดออกมาพร้อมเปิดให้ดูว่าในกระเป๋าทุกช่องไม่มีเครื่องบันทึกเสียง

หม่าอี้ฉวินผงะไปเล็กน้อย “เตรียมตัวมาพร้อมเกินไปรึเปล่าครับเนี่ย เถิงต๋าเป็นแค่บริษัทเกมธรรมดา ทำไมต้องมาขอสัมภาษณ์ด้วยครับ”

“ไม่ใช่เลยค่ะ!” หูเยว่ตอบอย่างจริงจัง “การสัมภาษณ์ครั้งนี้ก็เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกมในประเทศให้รุ่งเรือง!”

หม่าอี้ฉวินไม่ค่อยเข้าใจ “เอ่อ หมายความว่ายังไงเหรอครับ”

ดวงตาของหูเยว่ฉายแสงวาบ “ถ้าเป็นแค่การสัมภาษณ์ธรรมดา ฉันคงเลิกตื๊อไปนานแล้วค่ะ

“แต่บริษัทเถิงต๋าแตกต่างจากที่อื่น!

“ที่ฉันอยากสัมภาษณ์เถิงต๋าไม่ได้เป็นเพราะเรื่องค่าจ้างที่ให้พนักงาน แต่เพราะอยากจะพิสูจน์ให้อุตสาหกรรมเกมได้เห็นว่ามีบริษัทเกมที่มีจิตสำนึกดีแบบนี้อยู่จริงๆ!

“ที่ผ่านมา เหล่าผู้เล่นมองอุตสาหกรรมเกมในประเทศว่าเป็นวงการที่โหดร้าย คอยคิดแต่จะหาเงินจากการตั้งเพดานค่าใช้จ่ายสูงๆ ขาดการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และอื่นๆ ในฐานะสื่อวงการเกม ฉันรู้สึกหดหู่และรังเกียจสภาพวงการเกมที่เป็นอยู่มาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย!

“แต่พอบริษัทเถิงต๋าผุดขึ้นมา ฉันก็ได้พบบริษัทเกมอีกแบบ เป็นบริษัทเกมที่ใส่ใจเรื่องคุณภาพของเกม มีความคิดสร้างสรรค์ที่บันเจิด ไม่สนใจเรื่องเงิน และมองเกมเป็นงานศิลป์ชิ้นหนึ่ง!

“ฉันเลยคิดว่าการทำงานภายในบริษัทเถิงต๋าต้องแตกต่างจากบริษัทอื่นแน่ๆ!

“ถ้าได้สัมภาษณ์ก็จะสร้างผลกระทบครั้งใหญ่ให้อุตสาหกรรมเกมภายในประเทศ

“ฉันอยากให้บริษัทเถิงต๋าเป็นมาตรฐาน เป็นแบบอย่างที่จะนำทางอุตสาหกรรมเกมในประเทศไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น ฉันอยากให้ผู้เล่นที่รักเกมที่ผลิตในประเทศยังคงมีความหวังกับเกมผลิตในประเทศอยู่!”

หม่าอี้ฉวินเงียบไป

ตอนแรกหม่าอี้ฉวินตั้งใจจะตอบปฏิเสธอย่างไม่ลังเล ถ้าหูเยว่อยากจะขุดคุ้ยข่าวฉาวหรือหาเรื่องไปตีพาดหัวข่าวสร้างกระแส

แต่สิ่งที่หูเยว่พูดมาทำให้เขารู้สึกประทับใจมาก

ถ้าบริษัทเถิงต๋ากลายเป็นแบบอย่างและสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในอุตสาหกรรมเกมภายในประเทศได้ มันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ

ถ้ามองแบบนี้ เขาก็ควรตอบตกลงให้สัมภาษณ์

แต่บอสเผยก็ย้ำไม่ให้เปิดเผยตัวตนของบอสและสวัสดิการทุกอย่างของบริษัท

เขาคิดไม่ตก

หม่าอี้ฉวินคิดอยู่พักหนึ่ง “งั้นทิ้งช่องทางการติดต่อไว้ได้ไหมครับ ให้เวลาผมได้คิดดูสักวันก่อน”

“ได้ค่ะ” หูเยว่รู้ว่าเธอไม่สามารถเร่งอีกฝ่ายได้ จึงยื่นช่องทางการติดต่อให้หม่าอี้ฉวิน

ถึงจะเก็บไปคิดดูทั้งคืน หม่าอี้ฉวินก็ยังตัดสินใจไม่ได้

หลังจากคิดอยู่พักใหญ่ เขาก็ตัดสินใจว่าจะถามความเห็นจากเปาซวี่ดูตอนไปที่บริษัท

ถึงการสัมภาษณ์จะเก็บเป็นความลับ แต่ถ้าเรื่องนี้ทำให้บอสเผยไม่พอใจก็คงไม่ดีแน่ และเขาคงจะรู้สึกผิด

จะให้ไปถามบอสเผยตรงๆ ก็จะเป็นการเสียมารยาท

เปาซวี่รู้จักบอสเผยดีที่สุด ถามความเห็นจากเขาจึงเป็นเรื่องที่สมควรทำ

เช้าวันต่อมา หม่าอี้ฉวินเข้าไปอธิบายเรื่องราวให้เปาซวี่ฟัง

เปาซวี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ “ผมว่าพี่ควรตอบตกลงเขาไป”

หม่าอี้ฉวินลังเลเล็กหน่อย “แต่บอสเผยย้ำมาว่าไม่ให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบอสหรือข้อมูลเรื่องสวัสดิการของบริษัทไม่ใช่เหรอ”

เปาซวี่ส่ายหน้า “อย่าคิดตื้นๆ สิ พี่ต้องพยายามคิดถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของบอสเผย”

หม่าอี้ฉวินหูตั้ง “จุดประสงค์ที่แท้จริง…ของบอสเผยเหรอ”

เขามาถามถูกคนจริงๆ ด้วย!

มีแค่คนที่ฉลาดขั้นเทพแบบเปาซวี่เท่านั้นที่จะเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของบอสเผย!

ถ้าทำตามที่เปาซวี่บอกก็ไม่ทางพลาดได้!

เปาซวี่จัดระเบียบความคิดและวิเคราะห์ออกมาเป็นฉากๆ “ที่บอสเผยไม่อยากให้เปิดเผยตัวตนของบอส รวมถึงไม่ให้บอกคนอื่นเรื่องสวัสดิการของบริษัท เอาจริงๆ ตอนแรกผมก็คิดว่าเป็นเรื่องแปลกและเข้าใจได้ยากมาก

“ใครกันจะไม่อยากมีชื่อเสียง

“แต่พอคิดดูดีๆ ผมก็เข้าใจ

“ทำไมบอสเผยถึงไม่อยากเปิดเผยตัวตนน่ะเหรอ

“เพราะบอสเผยไม่ชอบทำตัวเด่นไงล่ะ

“บอสเป็นนักออกแบบเกมที่มีเสน่ห์มาก ถ้าเปิดเผยตัวตนไป ชาวเกมเมอร์จะสนใจที่ตัวบอสมากกว่าเกม

“บอสเผยอยากให้คนสนใจเกมที่เขาสร้างมากกว่าสนใจตัวตนของบอส

“บอสไม่อยากให้ชาวเกมเมอร์กลายเป็นพวกคลั่งอวยคนดัง บอสอยากให้ทุกคนมองข้ามมนต์เสน่ห์ของบอส และประเมินเกมของบอสตามความเป็นจริง!”

หม่าอี้ฉวินถึงบางอ้อ “เข้าใจแล้ว! ก็เหมือนที่นักเขียนคนหนึ่งเคยว่าไว้ ‘ถ้ากินไข่แล้วรู้สึกว่าอร่อย ก็ไม่เห็นต้องรู้เลยว่าเป็นแม่ไก่ตัวไหนที่วางไข่’”

เปาซวี่พยักหน้า “ใช่ ตามนั้นเลย พี่อี้ฉวินนี่สมกับที่จบสาขาภาษาและวรรณกรรมจีนมา!”

หม่าอี้ฉวินดูขวยเขิน “พี่เปาก็พูดไป ผมแค่บังเอิญคิดขึ้นได้เฉยๆ เหมือนว่าคนที่เก่งจริงๆ จะถ่อมตัวอยู่ตลอด ไม่ค่อยชอบทำตัวเด่น!

“แล้ว…ทำไมบอสเผยถึงไม่อยากให้เปิดเผยเรื่องเงินเดือนกับสวัสดิการของบริษัทล่ะ” หม่าอี้ฉวินถามต่อ

เปาซวี่ถอนหายใจ “ผมว่าที่บอสเผยทำแบบนี้ก็เพราะคิดถึงอุตสาหกรรมเกมในภาพรวม

“เรารู้กันดีว่าเรื่องเงินเดือนและสวัสดิการของเถิงต๋าไม่มีที่ไหนสู้ได้ บริษัทอื่นนี่คือเทียบไม่ติด

“ถ้าเปิดเผยเรื่องนี้ไปจะเป็นยังไง

“ได้สะเทือนทั้งวงการเลยใช่ไหมล่ะ”

หม่าอี้ฉวินไม่ค่อยเข้าใจ “ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกคนเก่งๆ จะแห่มาเถิงต๋าหมด แบบนั้นก็ดีไม่ใช่เหรอ”

เปาซวี่ส่ายหน้า “พี่กำลังมองเรื่องนี้แค่ด้านเดียว

“ถ้าเถิงต๋าทำลายมาตรฐานอุตสาหกรรมเกมในประเทศและให้สวัสดิการดีๆ แบบนี้ บริษัทอื่นๆ ก็เกลียดขี้หน้าเอาสิครับ

“เถิงต๋าอาจกลายเป็นเป้าได้ ถึงจะเป็นไปได้ยาก แต่เราก็ต้องระวังเรื่องนี้

“อีกอย่างถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ก็จะเป็นผลเสียต่อบริษัทเล็กๆ ที่เพิ่งเปิดใหม่! ถึงสวัสดิการดีๆ จะเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าบอสบริษัทอื่นจะดีเหมือนบอสเผย!

“บริษัทที่ให้สวัสดิการพนักงานน้อยกว่าก็อาจจะไม่ใช่เพราะใจดำ แต่เพราะต้องกระเสือกกระสน พวกเจ้าของบริษัทเปิดใหม่ต้องทำงานล่วงเวลาไปกับพนักงานอย่างเหน็ดเหนื่อย ตัวอย่างมีให้เห็นเยอะแยะ

“ถ้าเถิงต๋าแจ้งสวัสดิการของบริษัทในทุกคนรู้ แล้วบริษัทที่กำลังตั้งตัวได้ต้องเจ๊งขึ้นมา จะกลายเป็นเรื่องดีหรือเรื่องแย่ล่ะ!

“ต้องค่อยๆ เปลี่ยนสภาพและวัฒนธรรมของอุตสาหกรรมเกมไปทีละนิด ถ้าจู่ๆ เถิงต๋าก็ตั้งมาตรฐานไว้สูงลิ่ว จะเกิดผลเสียตามมาได้”

หม่าอี้ฉวินเข้าใจที่อีกฝ่ายพูด “อ๋อ เข้าใจแล้ว ก็เหมือนเรื่องจื่อก้งไถ่ทาส!”

“?”

เปาซวี่งง คุยกับหัวกะทิด้านภาษาและวรรณกรรมจีนนี่เหนื่อยจริงๆ

 ………………..

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี
Status: Ongoing
เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน โดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆ แต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100 แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุน ด้วยการสร้างเกมที่ไม่น่าจะฮิตบ้างล่ะ ขายเกมราคาถูกบ้างล่ะ เอาเงินไปละลายกับการเช่าตึกและซื้ออุปกรณ์ทำงานต่างๆ บ้างล่ะ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ขาดทุนสักที เกมที่คิดว่าไม่น่าจะขายได้ก็ดันขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทำไมการทำธุรกิจให้ขาดทุนมันถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ล่ะเนี่ย?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset