ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – ตอนที่ 146 บอสเผยมอบกระบี่อาญาสิทธิ์

“ทุกคนอยู่กันครบใช่ไหมครับ มาประชุมกัน”

เผยเชียนเดินตรงไปที่ห้องประชุม

ทุกคนรีบลุกตามหวังเสี่ยวปินไปที่ห้องประชุม

พวกเขาทยอยนั่งลง แต่ละคนสีหน้าจริงจังมาก

เยว่จือโจวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื้นตันใจ

ดูบรรยากาศนี่สิ!

ตอนประชุมกับหัวหน้าหลิว ทุกคนดูเหมือนจะตั้งใจฟัง แต่จริงๆ แล้วไม่มีใครสนใจเนื้อหาการประชุมเลย

เหล่าพนักงานแค่อยากจะเอาชีวิตรอดให้ผ่านไปวันๆ ทำงานตามที่ได้รับมอบหมายมาแค่นั้น ไม่สนอะไรอีก

เพราะทุกคนรู้ดีว่าในเมื่อสภาพมันเป็นแบบนี้ ตั้งใจทำงานหนักไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา

แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

น่าทึ่งจริงๆ ที่แค่บอสเผยเข้ามาเป็นบอสคนใหม่ ทุกคนก็ให้การยอมรับและให้ความเคารพโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร

เผยเชียนปรับท่านั่งอยู่นานเพราะรู้สึกว่าจะนั่งท่าไหนก็ไม่สบายก้นเอาเสียเลย

บอกได้คำเดียวว่าฉางหยางเกมส์ขึ้งกมาก ทุกๆ อย่างตั้งแต่เก้าอี้ประจำโต๊ะทำงานไปจนถึงเก้าอี้ในห้องประชุมล้วนเป็นของราคาถูกสุดๆ ไม่ว่าใครมานั่งก็ไม่มีทางรู้สึกสบายก้น

“ฉันตัดราคาตู้รุ่ยเจี๋ยไปได้สี่แสนหยวน เอาเงินส่วนนี้ไปขึ้นเงินเดือนพนักงานกับเปลี่ยนโต๊ะเก้าอี้ในออฟฟิศนี้ดีกว่า

“พอมีทุนเพิ่มค่อยมาปรับปรุงทุกอย่างที่นี่ ถือเป็นวิธีที่ดีในการผลาญเงินก่อนวันปิดบัญชี”

เก้าอี้ที่นั่งไม่สบายก้นทำให้เผยเชียนรู้สึกอยากรีบสั่งงานให้เสร็จๆ แล้วกลับออกไป

เผยเชียนก้มมองนาฬิกาโรเล็กซ์ ทำทีเหมือนว่ามีเวลาไม่มาก

จริงๆ แล้ววันนี้เขาไม่ได้มีธุระอะไรเลย ชายหนุ่มแค่อยากกลับไปนอนคืนให้เต็มอิ่ม

“ผมมีเวลาไม่มาก เดี๋ยวจะสั่งอะไรไว้สักนิดหน่อย”

พอได้ยินคำว่า ‘สั่งอะไรไว้นิดหน่อย’ พวกเขาก็ดีดตัวนั่งหลังตรงแล้วคอยฟังสิ่งที่บอสเผยจะพูดต่ออย่างตั้งใจ

เพราะคำว่า ‘สั่งอะไรไว้นิดหน่อย’ ของหัวหน้านั้นมักจะกินเวลาหลายชั่วโมง

เผยเชียนหันมองรอบห้อง “คนไหนคือเยว่จือโจว”

เยว่จือโจวสะดุ้งโหยง

หมายความว่ายังไงกัน!

ทำไมเปิดมาบอสเผยก็เรียกฉันเลยล่ะ!

เยว่จือโจวรีบลุกยืน “ผมเองครับบอสเผย!”

เผยเชียนไม่ค่อยคุ้นชินกับพฤติกรรมนี้เท่าไหร่ เขารีบโบกมือให้เยว่จือโจวนั่งลง “นั่งพูดก็ได้”

เขาหันไปหาหวังเสี่ยวปินที่เป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนและนักออกแบบระบบ “หวังเสี่ยวปิน งานออกแบบระบบเป็นงานสำคัญ จะให้คุณเป็นทั้งนักออกแบบระบบกับหัวหน้าฝ่ายวางแผนก็จะลำบากเกินไป

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เยว่จือโจวจะขึ้นมาเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนของฉางหยางเกมส์ หวังเสี่ยวปิน คุณช่วยสนับสนุนเขาด้วยนะ”

เผยเชียนสังเกตสีหน้าของหวังเสี่ยวปินกับเยว่จือโจวระหว่างที่พูด

เยว่จือโจวดูจะงงเป็นไก่ตาแตก

ส่วนหวังเสี่ยวปินตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้ว…เหมือนจะแอบยิ้มเหรอ

ถึงรอยยิ้มจะเจือไปด้วยความกังวลใจเล็กน้อย แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริง

หืม

สงสัยว่าแผนนี้จะมีจุดผิดพลาดแฮะ

เผยเชียนคิดว่าการปลดหวังเสี่ยวปินออกจะตำแหน่งจะทำให้อีกฝ่ายตกใจ งงงวย และหมดกำลังใจ…

แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย ทำไมหวังเสี่ยวปินถึงดีใจล่ะ

ทำไมทำเหมือนว่าไม่มีการแข่งขันในบริษัทเลย

แย่จริงๆ

เผยเชียนหันมองท่าทีคนอื่นๆ พวกพนักงานรุ่นใหญ่พากันทำหน้าตาบูดเบี้ยว

ถือเป็นเรื่องปกติ เยว่จือโจวเพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทได้ไม่กี่เดือน ต้องให้คนแบบหวงซื่อปั๋วขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนถึงจะถูก แต่เจ้านี่ไม่มีทั้งทักษะและประสบการณ์ ใครจะไปยอมรับได้

พอโดนให้ออกจากตำแหน่ง หวังเสี่ยวปินก็รู้สึกดีใจเพราะคิดมาตลอดว่าตัวเองน่าจะรับผิดชอบไม่ไหว กลัวว่าจะทำออกมาได้ไม่ดี

แต่เอาเข้าจริงเขาก็ไม่คิดว่าเยว่จือโจวจะได้ขึ้นมาทำตำแหน่งนี้แทน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมรอยยิ้มของเขาถึงแฝงด้วยความกังวลใจ

หวังเสี่ยวปินไม่ได้เป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง เลยไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่

แต่พนักงานเก่าแก่ไม่ได้คิดอย่างนั้น

ไอ้เด็กนี่มันขึ้นมาเป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบได้ยังไง ทำไมบอสไม่เลือกฉัน!

สีหน้าของแต่ละคนดูน่าสนใจไม่เบา

เผยเชียนพยักหน้าเงียบๆ ต้องมีท่าทีแบบนี้สิถึงจะถูก

ตีกัน!

ตีกัน!

ตีกัน!

เผยเชียนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

แต่พอคิดดูอีกที แค่นี้น่าจะไม่พอ

คนพวกนี้เป็นเพื่อนร่วมงานกัน เห็นหน้ากันทุกวัน แค่ความอิจฉาอย่างเดียวไม่น่าจะทำให้มีปัญหากันได้

แบบนี้ต้องจุดไฟเพิ่ม

เผยเชียนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสริม “เยว่จือโจว ทุกๆ เดือนคุณมีสิทธิ์ไล่คนออกหนึ่งคนโดยไม่ต้องมีเหตุผล แค่ส่งข้อความมาบอกผมก็พอว่าอยากจะไล่ใครออก”

เยว่จือโจวงงหนักเข้าไปใหญ่

นี่มันกระบี่อาญาสิทธิ์ชัดๆ!

ไม่ใช้แค่ให้สิทธิ์มาฟ้อง แต่ไล่คนออกได้โดยไม่ต้องมีเหตุผล ขอแค่ส่งชื่อไปให้บอสเผย คนที่ถูกส่งชื่อไปก็จะโดนให้ออกจากบริษัททันที

เผยเชียนหันมองพนักงานรุ่นใหญ่ที่ทำหน้าตาเหยเกยิ่งกว่าเก่า แต่ละคนสีหน้าดูแย่มากๆ

ดี ต้องแบบนี้สิที่อยากเห็น

หัวหน้าฝ่ายวางแผนที่พวกเขาไม่ให้การยอมรับได้สิทธิ์ไล่พวกเขาออกโดยไม่ต้องมีเหตุผล เขาต้องใช้อำนาจนี้ในการแก้แค้นพวกพนักงานรุ่นพี่ที่เคยกดขี่ข่มเหงเขาแน่ๆ  เดี๋ยวต้องสั่งให้พวกนั้นมาผูกเชือกรองเท้าให้ ต้องใช้อำนาจเข้าขู่แน่นอน

พอเวลาผ่านไป พนักงานก็จะแบ่งออกเป็นสองฝ่าย กลายเป็นเหลือเยว่จือโจวที่เป็นหัวหน้าคอยจัดการความยุ่งเหยิงอยู่คนเดียว…

อืม แผนนี้ดูดีทีเดียว!

เผยเชียนหันมองนาฬิกา ตอนนี้ไม่เหลือเวลาแล้ว

ถึงจะสนุกที่ได้ดูท่าทีทุกคน แต่ก็ถึงเวลาที่เขาต้องไปแล้ว ชายหนุ่มต้องรีบกลับบ้านให้ไว จะได้ไปนอนให้เต็มอิ่ม

“หลังจากนี้ ฉางหยางเกมส์จะใช้กลยุทธ์สองขั้นตอน

“ขั้นตอนแรกคือปรับแก้ตัวเกมที่มีในตอนนี้ เราจะเอาของที่ต้องเสียเงินซื้อออกให้หมด เหลือไว้แค่อย่างเดียว ส่วนจะตัดอันไหนออก จะเก็บอันไหนไว้ เยว่จือโจวจะเป็นคนตัดสินใจ

“ขั้นตอนที่สอง ให้ทุกคนไปคิดแผนสำหรับเกมใหม่มา เขียนแบบร่างแล้วส่งให้ผม ผมจะเลือกแบบร่างที่ดีที่สุดมาเป็นโปรเจ็กต์ใหม่ของฉางหยางเกมส์

“อืม… ขอให้โฟกัสที่ขั้นตอนแรกจนถึงสิ้นเดือนมิถุนา เดือนกรกฎาให้ทุกคนส่งแบบร่าง แล้วเราจะได้เริ่มโปรเจ็กต์ใหม่กัน”

เผยเชียนมองไปรอบห้อง “มีใครมีคำถามอะไรไหมครับ”

เยว่จือโจวรีบยกมือ

เผยเชียนทำเหมือนว่าไม่เห็นอะไรก่อนจะพยักหน้า “โอเค เลิกประชุมได้”

เผยเชียนลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย

ทิ้งให้เยว่จือโจวยกมือค้างอยู่ในห้อง

ทุกคนงงกันถ้วนหน้า

ที่บอสเผยบอกว่า ‘สั่งอะไรไว้นิดหน่อย’ นี่คือนิดหน่อยจริงๆ ตามที่พูด

รวมๆ กันแล้วบอสพูดไม่ถึงสิบประโยคเลยด้วยซ้ำ…

เยว่จือโจวอยากบอกปฏิเสธตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวางแผน แต่บอสเผยเหมือนจะรู้ทัน เลยออกจากห้องไปก่อน ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไร

เขาหันมองพนักงานรุ่นพี่ รู้สึกได้เลยว่าตอนนี้พวกเขาพร้อมจะบีบคอตัวเองเสียเต็มแก่

บรรยากาศในฉางหยางเกมส์ที่นิ่งไหวเหมือนสายน้ำกลายเป็นเปลวไฟร้อนแรงที่ค่อยๆ ปะทุเดือดขึ้นเรื่อยๆ

เผยเชียนกลับออกจากฉางหยางเกมส์อย่างอารมณ์ดี

อืม ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไร!

ถึงหัวหน้าหลิวจะไปดีแล้ว แต่ให้คนที่เพิ่งเข้าวงการมาได้ไม่นานขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนก็น่าจะได้ผลลัพธ์ไม่ต่างกัน

อีกอย่างกลยุทธ์สองขั้นตอนที่ตั้งขึ้นก็น่าจะช่วยให้บริษัทนี้ขาดทุนต่อไปได้อีกพักหนึ่ง

ก่อนอื่นเพื่อกันไม่ให้เกมนักพรตสะกดใจกับเกมเพลงรบโลหิตฟื้นตัวกลับมาได้ เขาต้องตัดช่องทางทำเงินในเกมให้เหลือแค่อย่างเดียว ทำแบบนี้น่าจะการันตีได้ว่าทั้งสองเกมจะไม่มีทางทำเงินได้

จากนั้นก็ให้พวกเขาระดมสมองคิดเกมใหม่ขึ้นมาหนึ่งเกม แต่ละคนต้องส่งแบบร่างมาหนึ่งแผน

เผยเชียนกำลังคิดอยู่ว่าจะเลือกอันที่แย่ที่สุดหรือจะจับฉลากเอาดี

หลังจากคิดดูอย่างถี่ถ้วน เผยเชียนก็ตัดสินใจว่าจะจับฉลาก ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตา

เขาไม่เชื่อการตัดสินใจของตัวเองอีกแล้ว

พอตั้งเป้าหมายว่าจะสร้างเกมขยะขึ้นทีไร สุดท้ายก็ออกมาเป็นเกมฮิตติดลมบนทุกทีจนเริ่มจะทนไม่ไหว

เขาได้บทเรียนจากเกมโดดเดี่ยวเดียวดายกลางทะเลทรายกับเกมนักออกแบบเกมมาพอแล้ว

ดังนั้นเผยเชียนจึงตัดสินใจว่าครั้งนี้จะจับฉลากเอา ผลออกมาเป็นอันไหนก็เอาตามนั้น

แน่นอนว่าถ้าเลือกได้แผนที่ดูดีขึ้นมาก็จะจับฉลากใหม่

นอกเหนือจากนั้นแล้ว เผยเชียนก็จะไม่กลับไปที่ฉางหยางเกมส์อีก เพราะนอกจากจะลดอิทธิพลของตัวเขาที่มีต่อบริษัทลงได้ ยังทำให้บริษัทกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนได้อีก เขาอยากให้ที่นี่กลับไปใช้กฎความอยู่รอดในป่า

ทั้งบริษัทจะเกิดความแตกแยก เยว่จือโจวไม่สามารถสั่งการใครได้ ถือว่าสมบูรณ์แบบ

เมื่อเป็นแบบนี้ ฉางหยางเกมส์ก็ไม่น่าจะมีอะไรให้ต้องเป็นห่วง… จริงไหม

…………………

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี
Status: Ongoing
เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน โดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆ แต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100 แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุน ด้วยการสร้างเกมที่ไม่น่าจะฮิตบ้างล่ะ ขายเกมราคาถูกบ้างล่ะ เอาเงินไปละลายกับการเช่าตึกและซื้ออุปกรณ์ทำงานต่างๆ บ้างล่ะ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ขาดทุนสักที เกมที่คิดว่าไม่น่าจะขายได้ก็ดันขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทำไมการทำธุรกิจให้ขาดทุนมันถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ล่ะเนี่ย?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset