ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี – ตอนที่ 158 บอสเผยโกรธจัด

ตรงทางเข้าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูมีคนมาอออยู่มากมาย หม่าหยางกับจางหยวนวุ่นกันอยู่ด้านในเลยไม่ทันสังเกตเห็นเผยเชียนที่ยืนอยู่ด้านนอก

เผยเชียนลากเลขาซินมาด้วยเพื่อแอบสังเกตการณ์

พนักงานคนหนึ่งสังเกตเห็นเผยเชียนและตั้งใจจะบอกหม่าหยาง แต่เผยเชียนก็รีบห้ามไว้โดยทำท่าจุ๊ปากใส่

พนักงานเห็นแบบนั้นก็เข้าใจความหมายทันที

“บอสเผยจะเซอร์ไพร์สบอสหม่าใช่มั้ยครับ โอเคเลยครับถ้างั้น!”

พนักงานทำเป็นไม่สังเกตเห็นเผยเชียนแล้วตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ

เผยเชียนรู้สึกเหมือนหัวใจจะวายขณะเดินไปรอบๆ ร้านอย่างเงียบเชียบ

ทางเข้าร้านอัดแน่นไปด้วยโต๊ะติดร่มพร้อมเก้าอี้ ดูหรูหรามีระดับเลยทีเดียว

ชัดเจนมากว่าหม่าหยางจัดโต๊ะแบบนี้เพื่อให้ได้บรรยากาศเมืองเล็กๆ ในแถบยุโรป

แต่เผยเชียนกลับมองแค่ว่าทำไมคนมาเยอะแยะขนาดนี้ นี่ใช่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูของฉันจริงๆ หรือเปล่า

เขารู้สึกเจ็บปวดใจเกินจะบรรยาย!

ชายหนุ่มตั้งใจจะเดินเข้าไปในร้าน แต่ก็ได้ยินเสียงกีตาร์ดังขึ้นจากด้านนอกร้านก่อน

นักร้องกำลังจะเริ่มร้องเพลง

ผู้คนด้านนอกร้านไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากมาย เพราะพวกเขาแค่ผ่านมาฟังเพลง ไม่ได้คลั่งนักร้องอะไรขนาดนั้น

แต่ด้านในร้านโดยเฉพาะตรงโซนบาร์ เสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม บรรยายกาศในร้านคึกคักสุดๆ!

ถ้าคนไม่รู้เรื่องอะไรเดินผ่านมาคงจะคิดว่าข้างในมีจัดคอนเสิร์ต

เผยเชียนกับเลขาซินเดินผ่านฝูงชนเข้าไปในร้านแล้วพบว่าที่นั่งตรงบาร์แทบจะไม่มีเหลือ มีหลายคนยืนอยู่รอบๆ

คนมากมายเดินมาตรงเคาน์เตอร์บาร์ เผยเชียนยืนมองพวกเขายื่นแบงก์สีแดง[1]ให้บาร์เทนเดอร์ แต่รับเครื่องดื่มไปแค่แก้วเดียวโดยไม่รับเงินทอน

จากนั้นชายหนุ่มก็หันไปมองบนเวที

เฉินเหล่ยกำลังเล่นกีตาร์ร้องเพลงฟังสบายๆ ถึงใบหน้าจะขึ้นสีเพราะรู้สึกเขินอายฝูงชนอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นเวทีมากเท่าไหร่นัก

ไม่แน่พอร้องๆ ไปก็อาจตกอยู่ในภวังค์แล้วลืมเรื่องตื่นเวทีไปหมด

ผนังด้านข้างมีจอสวยหรูตั้งอยู่ บนจอแสดงข้อมูลว่าโต๊ะไหน ลูกค้าคนไหนสั่งเครื่องดื่มอะไร ให้ทิปเฉินเหล่ยไปแล้วเท่าไหร่ โดยมีข้อความอวยพรขึ้นประกอบ

แถวข้อความชื่นชมอวยพรวิ่งผ่านหน้าจอไม่หยุด ส่งผลให้บรรยากาศในร้านคึกคักขึ้นไปอีก

เผยเชียนเบ้ปาก

เขาไม่เคยเห็นเฉินเหล่ยมาก่อน แต่ดูแล้วก็พอจะเดาได้ว่าเป็นนักร้องประจำคนใหม่ของร้าน

แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน เผยเชียนรู้สึกไม่อยากยอมรับชายคนนี้เท่าไหร่

เขาเป็นคนฉลาด คิดอยู่ครู่หนึ่งก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่

“ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูแสนดีงามกลายเป็นโมหยูไลฟ์สดไปแล้ว

“แบบนี้ซื้อเครื่องดื่มก็เหมือนกดให้ของขวัญเลยสิ

“ถ้าฉันมาช้าไปสักสองวัน ร้านจะไม่พลิกจากขาดทุนมาทำกำไรได้เลยเหรอ”

เผยเชียนทั้งตื่นตระหนกและกระวนกระวายใจพอเห็นตัวเลขปรากฏขึ้นบนหน้าจอไม่หยุด เขาเห็นใครสักคนซื้อค็อกเทลให้นักร้องสิบแก้วรัวๆ ซึ่งเท่ากับทิปให้ห้าร้อยหยวน

เผยเชียนไม่ได้คิดว่าคนคนนี้ผลาญเงินไปอย่างโง่เง่า เพราะเขารู้ดีว่าพวกรวยจัดทุ่มเงินให้สตรีมเมอร์หนักแค่ไหน จ่ายแค่นี้เทียบพวกนั้นไม่ได้เลยสักนิด

แถมเฉินเหล่ยก็ร้องเพลงเพราะสุดๆ สมเงินที่ทิปให้

เผยเชียนอยากจะเดินไปถามให้รู้แล้วรู้รอดว่าใครกันเป็นคนไปขุดนักร้องเสียงเทพแบบนี้ขึ้นมา ใครนะใคร!

ถึงเผยเชียนจะรู้สึกอับจนหนทาง แต่ลึกๆ ก็แอบรู้สึกว่าตนเองยังโชคดีอยู่หน่อยๆ

โชคดีที่ฉันรู้สึกหวั่นใจมาหลายวันว่ามีบางอย่างแปลกๆ แล้วขุดปัญหาเจอเร็วหน่อย

ถ้าลืมเรื่องนี้ไปแล้วทึกทักเอาเองว่าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูน่าจะขาดทุนไปได้เรื่อยๆ เดือนละสามแสน วันปิดบัญชีรอบหน้า ฉันได้กระอักเลือดตายแน่!

ประเด็นคือมีเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมไม่มีใครแจ้งฉันเลย!

ซินไห่ลู่มองไปรอบๆ ในใจรู้สึกชื่นชม

ไม่เลว สัปดาห์ก่อนยังโล่งสุดๆ อยู่เลย มาสัปดาห์นี้ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูคึกคักได้ขนาดนี้เลยเหรอ

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ร้านรวงแถวนี้น่าจะพลอยได้ผลประโยชน์จากการที่คนสัญจรไปมาด้วย กลายเป็นวงจรที่จะนำไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น!

นอกจากนี้ก็แปลกที่นักร้องแค่ร้องเพลง บรรยากาศในร้านไม่ได้คึกคักเหมือนบาร์ทั่วไป แต่ทุกคนกลับใช้เงินกันอย่างหนักหน่วง ยอดขายเครื่องดื่มคืนนี้ต้องสูงมากๆ แน่

ที่ผ่านมาบอสเผยไม่ได้สนใจเรื่องที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูขาดทุนเลย หรือบอสรู้อยู่แล้วว่าจะกลายเป็นแบบนี้

เลขาซินเดินตามหลังเผยเชียนไปเงียบๆ ไม่ได้ถามอะไร เพราะเรื่องแบบนี้กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอไปแล้ว

เผยเชียนเดินเบียดเสียดผ่านฝูงชนไปหาหม่าหยางที่กำลังส่งเสียงดังอย่างสนุกสนาน

หม่าหยางกำลังคุยกับจางหยวนเรื่องแผนการในอนาคตของร้านอินเทอร์เน็ต

“ผมว่าสาขาหลักยังพัฒนาไปกว่านี้ได้อีก!

“เสียดายจัง ติดม่านไม่ได้แล้ว ตอนแรกว่าจะเรียกคนมาทำม่าน ถ้าทำให้คนด้านนอกได้บรรยากาศเหมือนคนข้างในก็คงดี…”

หม่าหยางรู้สึกมั่นใจในทักษะการทำธุรกิจที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนของตัวเอง

จางหยวนฟังอย่างตั้งใจ ระหว่างนั้นก็สังเกตเห็นเผยเชียนที่หน้ามืดไปครึ่งหนึ่งจากแสงในร้านโผล่มาทางด้านหลังของหม่าหยาง

“บอสเผย! มาทำไมกันครับนี่” จางหยวนรีบร้องทัก

หม่าหยางอึ้งไปเมื่อหันไปเห็นเผยเชียนทำหน้าเคร่งเครียด

“อ้าว พี่เชียน

“เสียดายจังเลย ผมว่าจะเซอร์ไพร์สพี่ แต่พี่ดันมาซะก่อน”

เผยเชียนเบ้ปากเล็กน้อย ไอ้หม่านี่เองที่เป็นต้นตอเรื่องทั้งหมด!

“แกเพิ่มนั่นนี่เข้ามาขนาดนี้ ทำไมไม่บอกฉันเลย” เผยเชียนรู้สึกเหมือนโดนคนที่มองว่าเป็นน้องรักหักหลัง จึงท้อใจไม่น้อย

หม่าหยางอึ้งไป “พี่เชียน ผมอยากบอกข่าวดีให้พี่ฟัง ไม่อยากบอกข่าวร้าย! ผมคิดว่าตอนนี้มันยังไม่ดีขนาดนั้นเลยยังไม่อยากบอกพี่!”

เผยเชียน “…”

หมายความว่ายังไงที่บอกว่าอยากบอกแต่ข่าวดี ไม่อยากบอกข่าวร้าย!

ถ้าพนักงานทุกคนเป็นแบบแกหมด มีหวังฉันได้จบเห่แน่!

แต่เผยเชียนก็ด่าหม่าหยางไม่ได้ เพราะหม่าหยางตั้งใจดี อยากจะให้ร้านทำกำไรได้ ถ้าเขาด่าหม่าหยางว่าทำชื่อเสียงและบรรยากาศร้านที่วางไว้เสียหายก็คงดูไม่เหมาะ

หม่าหยางก็แค่พยายามใช้สมองที่มีช่วยคิดหาทางทำเงินให้เผยเชียน

แต่ทำไมเผยเชียนถึงรู้สึกปวดหัวตุบๆ…

หรือเป็นเพราะว่าลูกน้องที่ซื่อสัตย์ที่สุดกำลังจะหายไปด้วยเหมือนกัน

“ไหนๆ บอสเผยก็รู้แล้ว ยังไงช่วยแนะนำพวกผมได้มั้ยครับ บอสเห็นร้านแล้วมีอะไรอยากให้ผมปรับรึเปล่า” จางหยวนยิ้ม

เผยเชียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย “ก็…ดูดีทีเดียว

“แต่…ก็มีเรื่องที่ต้องปรับอยู่

“หน้าจอนั่นดูเชยไปหน่อย ถึงพวกคุณจะตั้งใจดี อยากโชว์ให้ทุกคนเห็นว่าแต่ละคนเปย์ไปเท่าไหร่ ได้แสดงคำอวยพรดีๆ ตามที่ทุกคนต้องการ

“แต่การที่จอกะพริบไม่หยุดแบบนี้มันทำลายบรรยากาศ การกระตุ้นให้ลูกค้าใช้เงินเยอะๆ ไม่ใช่สไตล์ร้านเราเลย

“เพราะอย่างนั้นผมคิดว่าควรจะเอาจอออก ลูกค้ามาดื่มกัน แค่นี้ก็ดีอยู่แล้ว อย่าไปเทียบเลยว่าใครเสียเงินเยอะกว่าใคร”

เผยเชียนดูรู้ลึกรู้จริง

หม่าหยางหันมองจางหยวน จางหยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “จริงด้วย บอสเผยพูดถูก! ผมก็คิดว่าติดจอแล้วดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะจุดไหน

“พอคิดตามก็เห็นเหมือนที่บอสเผยพูดเลยครับ มันไม่เข้ากับสไตล์ร้านเราจริงๆ ด้วย”

หม่าหยางดูลังเล “ถ้าอย่างนั้น…เราเอาลงกันเถอะ”

เผยเชียนรู้สึกโล่งใจนิดหน่อย ถ้าเอาจอออก ทุกคนก็คงเปย์แข่งกันน้อยลง…ล่ะมั้ง

“แล้วก็ โต๊ะกับเก้าอี้ด้านนอกตั้งติดกันเกิน! ดูไม่ดีเลย ไปเอาออกหน่อย”

“อ่อ… ก็จริงครับ” หม่าหยางพยักหน้า รู้สึกว่าที่อีกฝ่ายพูดฟังดูค่อนข้างมีเหตุผล

เผยเชียนพูดต่ออย่างจริงจัง “ไอ้หม่า ฉันซึ้งใจมากที่แกพยายามเต็มที่ให้ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูทำกำไรได้

“แต่แกต้องจำไว้ด้วยว่ากำไรไม่ใช่เรื่องหลักของร้านนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสร้างภาพลักษณ์ให้เถิงต๋า!”

“โอเคครับพี่เชียน ผมเข้าใจแล้ว!” หม่าหยางพยักหน้ารัว “วางใจได้เลยพี่ พวกเราจิตใจสื่อถึงกัน พี่ไม่ต้องพูด ผมก็รู้ว่าพี่ต้องการอะไร!”

เหอะๆ รู้บ้านแกสิ…

เผยเชียนแอบบ่นอยู่ในใจระหว่างเดินกลับออกไป

………….

[1] แบงก์ร้อยหยวน

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี
Status: Ongoing
เผยเชียนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน โดยมีระบบสั่งให้เขาตั้งบริษัทอะไรก็ได้เพื่อหาเงินทำกำไรโดยจะมีการประเมินกำไรขาดทุนเป็นรอบๆ แต่เผยเชียนเป็นคนหัวหมอ เขาดูแล้วว่าถ้าเขาทำธุรกิจได้กำไร เขาจะได้ส่วนแบ่งเข้ากระเป๋าตัวเองแค่ 1:100 แต่ถ้าเขาขาดทุน เขาจะได้ส่วนแบ่ง 1:1 เขาจึงคิดจะตั้งบริษัทเกม และหาทางทำให้บริษัทขาดทุน ด้วยการสร้างเกมที่ไม่น่าจะฮิตบ้างล่ะ ขายเกมราคาถูกบ้างล่ะ เอาเงินไปละลายกับการเช่าตึกและซื้ออุปกรณ์ทำงานต่างๆ บ้างล่ะ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ขาดทุนสักที เกมที่คิดว่าไม่น่าจะขายได้ก็ดันขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทำไมการทำธุรกิจให้ขาดทุนมันถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ล่ะเนี่ย?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset