ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 232 ผู้มาร้าย

ท่วงท่าของซูเจ๋อดูใจเย็น สายตาของเฉินเสียนคอยจ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา

เขาแอบยิ้มขึ้นที่มุมปากเบาๆ แสงจากเปลวไฟกระทบลงบนดวงตาของเขา สั่นไหวไปมา เขาพูดขึ้นว่า : “องค์หญิงหิวแล้วหรือ ใจเย็นๆ อีกครู่เดียวก็สุกแล้ว”

เขาต้องสังเกตเห็นเธอกำลังแอบมองเขาอยู่แน่ๆ เลย

เฉินเสียนรีบมองไปทางอื่น พูดขึ้นด้วยความเขินอายว่า : “ข้าไม่รีบ ท่านค่อยๆ ย่าง”

เฮ่อโยวที่อยู่ฝั่งโน้นไม่ได้ราบรื่นอย่างที่หวัง

เขาเองก็เอาเนื้อสัตว์ป่ามาย่างด้วย แต่เป็นเพราะเมื่อก่อนแทบไม่เคยได้ทำอะไรแบบนี้ จึงย่างได้ไม่สม่ำเสมอ สุดท้ายแล้วจึงให้ชิงซิ่งมาช่วยเขาย่าง

สีหน้าชิงซิ่งเต็มไปด้วยความฉุนเฉียว เพราะเฮ่อโยวนั่งกำกับอยู่ข้างๆ ว่า : “ตรงนี้ย่างไม่โดนเลย โอ๊ย ตรงนั้นไหม้แล้ว สรุปเจ้าย่างเป็นหรือเปล่าเนี่ย?”

ชิงซิ่งหมดความอดทน : “บ่าวย่างไม่เป็น รองท่านทูตพูดมากขนาดนี้ มาย่างเองเถอะเจ้าค่ะ!”

เฮ่อโยวจึงพูดขึ้นว่า : “เจ้าทำได้ไม่ดีเอง ยังจะไม่ยอมให้คนอื่นว่าเจ้า! ช่างเถอะๆ เจ้าตั้งใจย่างต่อเถอะ ข้าจะพยายามพูดให้น้อยลง”

ไม่นาน ทั้งป่าก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเนื้อย่าง

เมื่อรอจนย่างสุกแล้ว ชิงซิ่งก็รีบเอาไปให้เฉินเสียนทานก่อนเป็นอันดับแรก แต่ถูกเฮ่อโยวจับไว้ก่อน พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เจ้ากะจะเหมาหมดคนเดียวรึไง?”

ชิงซิ่งพูดขึ้นว่า : “ควรจะให้องค์หญิงทานก่อน จากนั้นค่อยเอามาให้รองท่านทูตทาน!”

เฮ่อโยวหันไปมองเนื้อย่างในมือของซูเจ๋อ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ท่านบัณฑิตก็ย่างอยู่นั่นไง เขาย่างได้อร่อยกว่าเจ้าเสียอีก องค์หญิงไม่ได้อยากทานเนื้อที่เจ้าย่างจนแทบจะไหม้แบบนี้หรอก”

เฉินเสียนหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ข้าดูแลตัวเองและจัดการเรื่องของตัวเองได้ชั่วคราว ชิงซิ่ง รองท่านทูตอยากกินเจ้าก็ให้เขากินเถอะ”

เห็นๆ อยู่ว่าเฮ่อโยวมีแขนมีขา แต่ไม่ยอมลงมือย่างเอง คงจะกลัวมือไม้สกปรกกระมัง

จากนั้นชิงซิ่งก็หย่อนตัวนั่งลงข้างๆ เฮ่อโยว ใช้นิ้วฉีกเนื้อส่วนที่ไหม้ออก แล้วจึงฉีกเนื้อที่อ่อนนุ่มยื่นให้เขา

เฮ่อโยวจับมือของนางแล้วกินทั้งๆ ที่ยังอยู่ในมือของนาง

ด้านนอกถึงแม้จะไหม้ แต่รสชาติของเนื้อด้านในดีไม่น้อย

วินาทีที่เฮ่อโยวจับมือของชิงซิ่ง แววตาของชิงซิ่งก็สั่นไหวขึ้นมา

เหล่าทหารคุ้มกันที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นเหตุการณ์เข้า ก็แอบหัวเราะเบาๆ เพราะรู้ว่าเฮ่อโยวไม่ได้วางมาดอะไร ทหารคุ้มกันจึงพูดขึ้นว่า : “อยู่ข้างนอกแบบนี้ยังมีแม่นางมาป้อนอาหารให้ รองท่านทูตท่านวาสนาดีจริงๆ”

ชิงซิ่งรู้สึกว่าทุกคนต่างพากันล้อเขาและนาง จู่ๆ ใบหน้าของนางก็แดงก่ำขึ้นมา พยายามดึงมือออกจากเฮ่อโยว แต่แล้วเฮ่อโยวกลับจับมือของนางแน่นไม่ยอมปล่อย จนทำให้นางรู้สึกทำตัวไม่ถูก ความร้อนบางอย่างปะทุขึ้นมาจากคอ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งร้อนขึ้น

เฮ่อโยวจับมือนางแน่น พูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ : “จะไปสนใจคำพูดของพวกเขาทำไม ป้อนข้าต่อสิ”

เฉินเสียนที่เห็นทุกอย่างชัดเจน เธอใช้กิ่งไม้เขี่ยกองไฟ หัวเราะเบาๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “รอให้กลับเมืองหลวงแล้ว ข้าจะไปทูลขอชิงซิ่งกับฝ่าบาทมาให้รองท่านทูต ให้นางมาอยู่ที่จวนของเจ้า ปรนนิบัติรับใช้เจ้าแบบนี้ทุกวัน”

เฮ่อโยวรีบพูดขึ้นว่า : “ที่ผ่านมาข้าไม่มีบ่าวรับใช้ปรนนิบัติข้างกาย แล้ววันนี้ก็คุ้นชินกับเจ้าเด็กน้อยผู้นี้ อืม ถ้าหากเก็บไว้ข้างกายข้าก็คงดี งั้นข้าขอขอบคุณองค์หญิงล่วงหน้าเลยก็แล้วกัน”

ดวงตาของชิงซิ่งมีแสงประกายบางเบา ราวกับว่าน้ำตากำลังจะหยดไหลออกมา พูดขึ้นอย่างกล้าหาญ : “ใครจะไปอยู่ข้างกายท่านกัน?”

แต่สำหรับนางกำนัลอย่างนาง ได้เป็นสาวรับใช้ปรนนิบัติข้างกายเจ้านาย ก็ถือเป็นวาสนาของนางแล้วกระมัง

เฮ่อโยวพูดขึ้นอย่างจริงจัง : “เจ้าไม่อยากรึ? เจ้าไม่อยากข้ายิ่งจะให้เจ้าอยู่! เตรียมตัวไว้เถอะ หากกลับเมืองหลวงแล้ว ไม่รอให้องค์หญิงเอ่ยปาก ข้าจะไปทูลขอเจ้ากับฝ่าบาทด้วยตัวข้าเอง!”

เหล่าบรรดาทหารคุ้มกันพากันโห่ร้อง

ชิงซิ่งอายจนแทบอยากจะมุดแผ่นดินหนี

เมื่อทานอาหารอิ่มแล้ว แต่กลับรู้สึกยังไม่จบสักเท่าไหร่

เฮ่อโยวลุกขึ้นเดินตรงไปทางป่า เมื่อชิงซิ่งเห็นแล้วจึงรีบถามขึ้นว่า : “ทางโน้นมืดขนาดนั้น รองท่านทูตจะไปทำอะไรหรือเจ้าคะ?”

เฮ่อโยวตอบกลับด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า : “ข้าจะไปฉี่ เจ้าจะไปกับข้าไหม?”

“……ถือเสียว่าบ่าวไม่ได้ถาม”

พอดีกับที่ลมโชยพัดมา ใบไม้สั่นไหวกระทบกันจนเกิดเป็นเสียง จนกลบเสียงร้องระงมของกบและแมลงต่างๆ ในป่าพงไพรนี้

ซูเจ๋อแววตาหยุดนิ่งทันที เขาหยิบกิ่งไม้ขึ้นมากิ่งหนึ่ง พูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย : “ทางที่ดีควรให้คนตามรองท่านทูตไปด้วยหนึ่งคน”

หัวหน้าทหารคุ้มกันรับคำสั่งแล้วจึงรีบจัดคนตามเฮ่อโยวไปทันที

แต่กลับถูกเฮ่อโยวปฏิเสธว่า : “ข้าชินกับการไปฉี่คนเดียว มีคนมาเฝ้าอยู่ข้างๆ ข้าฉี่ไม่ออก”

ซูเจ๋อจึงพูดขึ้นว่า : “รองท่านทูต อย่าไปไกลมาก”

เฮ่อโยวรู้สึกฉุนขึ้นมาทันใด ถ้าไม่ไปไกลหน่อย พวกเขาไม่ได้ยินเสียงฉี่ของเขาหมดหรอกหรือ? นี่มันจะน่าอายเกินไปแล้วรึเปล่า!

อีกอย่างค่ำคืนนี้ยังต้องนอนอยู่ใต้ต้นไม้ เฮ่อโยวไม่อยากที่จะนอนข้างๆ ฉี่ของตัวเองเสียหน่อย!

เพราะฉะนั้นเขาจึงเดินลึกเข้าไปหน่อย

เพียงแต่ว่าเมื่อเฮ่อโยวเก้าขาออกไปแล้ว สีหน้าท่าทางอารมณ์ดีเมื่อครู่ก็หายวับไปกับตา เปลี่ยนเป็นสีหน้าเข้มขรึมเงียบงันแทน

จากนั้นลมก็โหมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าของเหล่าบรรดาทหารคุ้มกันจากที่ดูผ่อนคลายเมื่อครู่นี้เปลี่ยนเป็นสีหน้าเข้มขรึมพร้อมเฝ้าระวังทันที เหล่าทหารคุ้มกันทุกคนต่างจับดาบข้างเอวของตัวเองไว้เงียบๆ

ซูเจ๋อพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : “ชิงซิ่ง พาองค์หญิงไปหลบอยู่ในรถม้าก่อน”

เมื่อเฉินเสียนตั้งใจฟังดีๆ จึงเพิ่งสังเกตว่าเสียงใบไม้นั้นเขย่ารุนแรงเกินไป เสียงเขย่าของใบไม้กลบเสียงกระโดดเหยียบบนต้นไม้แต่ละต้นจนมิด และเป็นเพราะแรงสั่นไหวของต้นไม้ จึงเกิดเสียงใบไม้เขย่าอย่างรุนแรง

ชิงซิ่งที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแปลกๆ นางรีบเข้าไปประคองเฉินเสียนขึ้นรถม้า

เฉินเสียนเองก็ไม่รู้ว่าผู้ที่มามีจุดประสงค์อะไร

แค่การวิ่งปีนป่ายและบินอยู่บนต้นไม้นั่น ก็รู้แล้วว่าแต่ละคนคงจะฝีมือแกร่งกล้าไม่เบา เพราะฉะนั้นเฉินเสียนมั่นใจได้ในทันทีว่าคนกลุ่มนี้ไม่ใช่โจรธรรมดาของพื้นที่อย่างแน่นอน

เพราะถ้าเป็นโจรธรรมดาทั่วไป ก็คงจะไม่แอบเข้ามาโดยการปีนป่ายต้นไม้และอาศัยเสียงลมเสียงใบไม้ในการอำพรางตัว แต่จะมาอย่างโอ่อ่าผ่าเผย ชูธงรัวกลองอย่างไม่เกรงกลัวใครต่างหาก

เพราะฉะนั้นคนกลุ่มนั้นจะต้องเป็นพวกที่ติดตามมาจากเมืองหลวงอย่างแน่นอน

เฉินเสียนเริ่มคิดไปต่างๆ นานา คนกลุ่มนี้พุ่งเป้ามาที่เธอหรือ?

การเดินทางสู่เขตชายแดนก็มาถึงครึ่งทางแล้ว ตลอดทางก็ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย จนถึงตอนนี้เพิ่งจะมีคนมา มันน่าแปลกเสียจริง

หากว่าฝ่าบาทได้ส่งคนมาคร่าชีวิตของเธอจริงๆ ละก็ ควรจะลงมือตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมถึงรอให้ซูเจ๋อมาสมทบกับเธอแล้วจึงค่อยลงมือล่ะ

อีกอย่างฉินหรูเหลียงก็ยังมีชีวิตอยู่ ฝ่าบาทคงจะไม่เผด็จการขนาดนั้นหรอกมั้ง

ถ้าหากพุ่งเป้าไปที่ซูเจ๋อล่ะ?

เฉินเสียนรู้สึกว่าโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก ซูเจ๋อรับหน้าที่ไปเจรจาสันติภาพ ยังไม่ทันจะได้ติดต่อไปทางอาณาจักรเย่เหลียง ก็ถูกโจมตีระหว่างทางเสียก่อน แบบนี้ก็เท่ากับว่าล้มเหลวในขั้นตอนสุดท้ายนะสิ

เมื่อคิดแบบนี้แล้ว เฉินเสียนจึงเข้าไปหลบในรถม้ากับชิงซิ่ง

แต่เพียงชั่วอึดใจ สีหน้าของเฉินเสียนก็เปลี่ยนไปทันที เธอรีบผลักชิงซิ่งออกไปข้างนอก พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “รีบไปตามหาเฮ่อโยวเร็วเข้า เร็วๆ”

ถ้าหากผู้บุกรุกมีเบื้องหลังจริงๆ ไม่ได้จะมาฆ่าเธอ และไม่ได้จะมาฆ่าซูเจ๋อ งั้นเป้าหมายก็เหลือแค่เฮ่อโยวคนเดียวเท่านั้น

ชิงซิ่งเป็นแค่นางกำนัลเล็กๆ นางไม่ใช่เป้าหมาย และอีกอย่างนางเองก็เป็นคนของฝ่าบาทอีกด้วย โดยสถานการณ์ทั่วไปแล้ว ขอเพียงแค่นางไม่ขัดขวางภารกิจ ฝ่ายตรงข้ามก็จะไม่ทำอะไรนาง

ชิงซิ่งพูดขึ้นด้วยความกลัว : “แต่ว่าถ้าหากหม่อมฉันไป แล้วองค์หญิงล่ะเพคะ จะทำยังไง!”

เฉินเสียนพูดขึ้นอย่างแน่วแน่ : “เจ้าอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ฉวยโอกาสตอนนี้เจ้ารีบไปซะ รีบหาเฮ่อโยวให้เจอ แล้วก็พากันไปซ่อนตัวไว้ ห้ามกลับมาเข้าใจหรือเปล่า? คนกลุ่มนั้นพุ่งเป้าไปที่เขาคนเดียว งั้นเขาก็จะอันตรายแล้วล่ะ”

เมื่อชิงซิ่งได้ยินว่าเฮ่อโยวได้รับอันตราย ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลอย่างบอกไม่ถูก เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ : “งั้น งั้นหม่อมฉันจะไปตามหาเขา……องค์หญิงต้องระวังตัวให้ดีนะเพคะ!”

“รีบไปเถอะ ที่นี่คนเยอะ ข้าจะไม่เกะกะขวางทางชั่วคราว” เฉินเสียนพูดขึ้น

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset