ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 264 สังหารเขาด้วยตัวเอง

จ้าวเทียนฉีหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วกล่าวว่า“ข้าดูถูกไม่ได้ให้ความสนใจพวกเจ้าเหล่าทูตเจราจาสันติภาพที่ใช้ชีวิตมีเกียรติมั่งคั่งร่ำรวย ในเมื่อมาก็มาแล้ว อีกทั้งยังไม่สามารถกลับไปมือเปล่าได้”

พูดแล้วชำเลืองมองดูฉินหรูเหลียงที่อยู่ห้องขังด้านข้าง แล้วกล่าวขึ้นอีกว่า“ถึงอย่างไรพวกเจ้าต้องคิดหาวิธีแลกเขากับข้ากลับไป ข้าไม่รีบ บัญชีนี้เก็บไว้แล้วต่อไปค่อยคิดช้าๆ”

เพียงแต่รอเขาออกไปได้ เขาต้องทำให้หญิงคนนี้แบกรับผลที่ตามมาอย่างแน่นอน

เฉินเสียนแสยะยิ้มหัวเราะที่มุมปาก กล่าวอย่างเรียบเฉยว่า“มั่นใจเช่นนั้น?”

พูดแล้วเฉินเสียนก็เดินมาถึงประตูห้องขัง หันไปกวักมือเรียกผู้คุมบริเวณทางเดินที่อยู่ใกล้เคียงมา

ผู้คุมเดินมา เธอไม่ได้พูดคำอื่นก็ดึงดาบพกบริเวณเอวของเขาออกมาอย่างรวดเร็ว

ผู้คุมที่รับผิดชอบเปิดประตูและกรอกอาหารไม่ได้พกพากริช เพื่อหลีกเลี่ยงนักโทษที่อยู่ในคุกฉกฉวยโอกาส

แต่ทหารอารักขาทั้งคุกล้วนมีดาบพกอยู่แล้ว

เฉินเสียนถือดาบเดินไปทางประตูห้องขัง ผู้คุมที่เปิดประตูทั้งสองคนยืนขวางหน้าประตูไว้ กล่าวขึ้นอย่างตื่นตระหนกว่า “ท่านคิดจะทำสิ่งใดกันเล่า?”

เฉินเสียนชี้ดาบไปทางเขา กล่าวอย่างชัดเจนว่า“ไสหัวไปซะ”

ผู้คุมถูกกดดันถลาถอยหลังสองก้าว เฉินเสียนถือดาบสาวเท้าก้าวใหญ่ๆเข้าไปภายในห้องขัง

ทหารอารักขาที่คุกเห็นสถานการณ์ไม่ดี ต้องการกระโจนขวางหน้า ซูเจ๋อที่นิ่งเฉยปล่อยเลยตามเลยเวลานี้ได้ขวางอยู่ที่ทางเดินอย่างพอที่จะทำได้

ซูเจ๋อสีหน้าเรียบเฉยกล่าวว่า“นี่เป็นเรื่องของต้าฉู่ หวังว่าทุกท่านจะไม่เข้ามายุ่ง”

เขาเป็นทูตมาจากต้าฉู่ ทหารอารักขาไม่สามารถใช้ดาบหรือกริชทำความรุนแรงกับเขาได้ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อกันอยู่สักพัก และไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

จ้าวเทียนฉีเห็นสถานการณ์ ชัดเจนว่าไม่ได้มีความมั่นใจเช่นเมื่อครู่นี้แล้ว กล่าวขึ้นว่า“ท่านจะทำสิ่งใดเล่า?”

เฉินเสียนราวกับจะยิ้มก็ไม่ยิ้มใช้นิ้วมือเขี่ยเกลี่ยดาบเล่มนั้นเล่น กล่าวขึ้นว่า“บางทีเวลานี้ข้าควรจะทำเหมือนกับคนชั่ว เอาทุกเรื่องราวไม่ให้ตกหล่นมาอธิบายทำอย่างละเอียด หลังจากนั้นค่อยชื่นชมปฏิกิริยาของท่าน”

“หากท่านกล้าสังหารข้า องค์จักรพรรดิไม่มีทางปล่อยท่านแน่!”

ฉินหรูเหลียงที่หลับตาพักผ่อนมาตลอดเวลานี้ลืมตาขึ้น หันมองไปทางด้านนั้น

เขาไม่อยากจะเชื่อชั่วขณะ ว่าเฉินเสียนจะสามารถสังหารจ้าวเทียนฉีได้จริง

แม้ว่าจ้าวเทียนฉีอวดดีบ้าระห่ำอย่างมาก แต่อย่างไรเขาก็เป็นแม่ทัพใหญ่เจิ้นหนาน เฉินเสียนฆ่าเขาต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่

แต่เวลานั้น เท้าข้างหนึ่งของเฉินเสียนพันม้วนโซ่เหล็กของจ้าวเทียนฉีอยู่ทำให้เขาไม่มีทางหลบหลีกได้ ดาบที่อยู่ในมือเธอหันไปทางตัวจ้าวเทียนฉีทะลวงเข้าไปด้านในอย่างไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย

หัวเราะเยาะเย้ยออกมาทันที

ตามมาด้วยเธอกล่าวพูดเสียงแผ่วเบาว่า“ท่านมีสิทธิอะไรมารู้สึกว่าข้าไม่กล้าล่ะ ถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดรู้ ศีรษะเหล่านั้นที่แขวนอยู่บนกำแพง มีหรือไม่มีท่านจ้าวเทียนฉี”

พูดแล้วเฉินเสียนกระตุกหางคิ้ว กล่าวอย่างไม่สนใจเต็มไปด้วยความชั่วร้ายว่า“ตอนที่ท่านยโสโอหังอย่างยิ่ง ตอนที่ท่านไม่เห็นใครในสายตาเลย น่าจะไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีสภาพเช่นวันนี้สินะ”

ดาบเล่มนี้ไม่ถึงกับตายทันทีหรอก แต่ทว่าจ้าวเทียนฉีสามารถระทมทุกข์ทรมานในความเจ็บปวดนั้น และทำให้เขาตายอย่างช้าๆ

เฉินเสียนทะลวงดาบเข้าไปในตัวเขาอย่างเหี้ยมโหด ออกแรงคว้านบิดดาบทำให้ดาบรวมอยู่ในตัวของเขา

เลือดแดงสดอุ่นร้อนไหลอาบอยู่ที่มือเฉินเสียน

จ้าวเทียนฉีทุกข์ทรมานค่อมโก่งตัว หายใจหอบอย่างรุนแรง “ท่าน………กล้ามากนะ……….”

“แม่ทัพจ้าวชมเกินไปแล้ว ความกล้าของท่านก็ไม่น้อยนะ”

ฉินหรูเหลียงเบิกตาสองข้างมอง ตลึงงันทำอะไรไม่ถูกมองจ้าวเทียนฉีหายใจร่อแร่อยู่ใต้ดาบของเฉินเสียน

เฉินเสียนดึงดาบออกมาอย่างนุ่มนวล สำหรับจ้าวเทียนฉีทุกหนึ่งนิ้วที่ดึงออกมามันเป็นความทุกข์ทรมานอย่างมาก

เลือดแดงสดไหลอาบอยู่ในคุก

ผู้คุมล้วนมึนงงทึ่ง ราวกับไม่สามารถเชื่อได้ หญิงผู้นี้ของต้าฉู่คาดไม่ถึงว่าจะลงมือสังหารแม่ทัพเจิ้นหนานของต้าฉู่ด้วยตัวเอง!

จนถึงตอนที่เฉินเสียนดึงดาบออกมาทั้งหมด จ้าวเทียนฉีควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วลื่นไถลลงบนพื้นอย่างช้าๆ

เขาจ้องเขม็งเฉินเสียน ดวงตามีแสงส่องสว่างแพรวพราวช้าๆ สุดท้ายกล่าวหนึ่งประโยคว่า “ท่าน……หญิงต่ำช้า……..”

เฉินเสียนกุมดาบอยู่ในมือ แสงสะท้อนวาววับกลับ ไม่กล่าวสิ่งใดแล้วกระตุกหางคิ้ว

บนดาบนั้นยังมีเลือดหยด

เงาของเฉินเสียนสาดสะท้อนอยู่ที่ฝาผนังมืดสลัว ราวกับคุกนี้มีเงาภูตผี

เธอหันขวับจ้องมองฉินหรูเหลียงทันที กล่าวเสียงแผ่วเบาว่า“ต้าฉู่ไม่สามารถใช้เจ็ดคูเมืองมาแลกกับชีวิตของพวกท่านสองคนได้ เพราะฉะนั้นมีเพียงท่านเดียวที่จะได้กลับไป ข้าทำการเลือกแล้ว เขาตาย ท่านมีชีวิตรอด”

แววตาเธอว่างเปล่าไม่ไหวติง ทำให้ฉินหรูเหลียงสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นในกระดูกของเธอ

บนพื้น จ้าวเทียนฉีตายแล้ว

ตั้งแต่เขากล้าตบตีเธอบนโต๊ะอย่างไร้ยางอายนั้น ก็ลิขิตไว้แล้วว่าเขาต้องเป็นผู้ที่ตาย

เลือดสีแดงสดยังคงไหลออกมาจากร่างกายเขา แต่ทว่าไม่นานก็เกิดการแข็งตัว

ตอนที่เฉินเสียนออกมาจากในห้องขัง ซูเจ๋อกล่าวอย่างเป็นกันเองกับผู้คุมว่า“ ไปตักน้ำมาหน่อยสิ”

ในห้องสอบสวนมีน้ำ เพื่อใช้สาดนักโทษให้ตื่น

น้ำนั้นเย็นเฉียบเป็นอย่างมาก

ตอนเฉินเสียนใช้สองมือแช่ลงไปล้างคราบเลือด สมองยิ่งกระปรี้กระเปร่ามาก

ซูเจ๋อกล่าวว่า “อาเสียน ไม่จำเป็นต้องให้สองมือของตัวเองเปื้อนอาบไปด้วยเลือดนะ”

เฉินเสียนล้างมือเป็นเวลานาน เปลี่ยนน้ำแล้วไม่กี่กะละมัง จนตอนที่ในน้ำมีไม่มีสีแดงของเลือดอีก

เธอกล่าวขึ้นว่า“ข้ารู้ว่าตัวข้ากำลังทำสิ่งใดอยู่”

ก่อนที่จะกลับไปที่โต๊ะเจรจา ผู้คุมได้กราบทูลรายงานเรื่องราวภายในคุกตั้งนานแล้ว

องค์จักรพรรดิเย่เหลียงกับกลุ่มขุนนางชั้นผู้ใหญ่เลยไม่ได้มีความตื่นตระหนก

พวกเขาจับเป็นจ้าวเทียนฉีอย่างยากลำบาก สามารถนำจ้าวเทียนฉีที่สังหารทหารของเย่เหลียงไปจำนวนไม่น้อยมาใช้ได้ เย่เหลียงเก็บชีวิตของเขาไว้เพื่อใช้ประโยชน์แลกเปลี่ยนกับต้าฉู่ได้มากมาย

คิดไม่ถึงเลยว่าให้ทูตของต้าฉู่เข้าไปในคุกได้ คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะฆ่าสังหารคนของตัวเอง

นี่ราวกับว่าชิ้นเนื้อถึงปากแล้วก็หายวับไปทันทีทันใดเลย

องค์จักรพรรดิเย่เหลียงเห็นเฉินเสียนกับซูเจ๋อกลับมา ตบโต๊ะด้วยความโมโหกล่าวว่า“ให้พวกท่านเข้าไปในคุกดูเชลยศึก ไม่ใช่เพื่อสังหารเชลยศึก!ในเมื่อพวกท่านกล้าใช้ดาบในคุกของเย่เหลียง ไม่เห็นเย่เหลียงอยู่ในสายตาเลย!”

สถานการณ์ภายในคุกอย่างละเอียด องค์จักรพรรดิทราบอย่างชัดเจนแล้ว

คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงจิ้งเสียนผู้นี้ไม่เพียงแต่มีลำดับเหตุผลขั้นตอน ยังกำดาบด้วยตัวเองด้วย ตอนสังหารแม่ทัพเจิ้นหนานขนาดดวงตายังไม่กระพริบเลย

หญิงผู้นี้ ไม่ใช่หญิงธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน

เฉินเสียนเดินมานั่งอย่างสงบเสงี่ยม กล่าวกับซูเจ๋อว่า“ตอนนี้ ใต้เท้าซูค่อยเจรจากับพวกเขาดีๆนะ”

ซูเจ๋อกล่าวอย่างราบเรียบว่า“แม่ทัพเจิ้นหนานซุ่มโจมตีเย่เหลียง ตั้งใจทำลายการเจรจาสันติภาพ ควรจะใช้กฎทหารจัดการโดยเฉพาะ แน่นอนว่าบวกกับเขาสังหารทหารของเย่เหลียงไปไม่น้อย ตอนนี้ใช้ชีวิตของเขา แก้บุญคุณความแค้นของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่สมควรเรื่องหนึ่งหรือ”

องค์จักรพรรดิเย่เหลียงกล่าวด้วยความโมโหว่า“ตอนนี้ยังจะเจรจาอย่างไร?!”

ซูเจ๋อกล่าวถามว่า“ตอนนี้เย่เหลียงยังต้องการให้ต้าฉู่มอบแบ่งเจ็ดคูเมืองหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

องค์จักรพรรดิเย่เหลียงกล่าวอย่างย่อมจะเป็นเช่นนั้นว่า“ปีนั้นเย่เหลียงรบแพ้ให้กับต้าฉู่ มอบแบ่งดินแดนสามคูเมืองให้ต้าฉู่ และวันนี้นอกจากนำสามคูเมืองนั้นกลับมา บวกกับชีวิตของท่านแม่ทัพสองท่านของต้าฉู่ ถึงได้แลกเปลี่ยนสี่คูเมือง ข้อเรียกร้องนี้ไม่ได้เกินไปเลยสักนิดหนึ่ง!”

ซูเจ๋อกล่าวว่า“แรกเริ่มเย่เหลียงเสนอมาห้าคูเมือง ตอนนี้เรื่องจวนตัวเปลี่ยนกลายมาเป็นเจ็ดคูเมือง เย่เหลียงต้องการใช้แม่ทัพเจิ้นหนานแลกเปลี่ยนอีกสองคูเมือง อาจจะไม่เป็นตามสภาพความเป็นจริงนะ ไม่ต้องพูดว่าชีวิตของแม่ทัพเจิ้นหนานไม่คุ้มราคากับสองคูเมืองหรอก เวลานี้เหลือไว้เพียงศพ ก็ยิ่งบวกกับไม่คุ้มค่าราคาเงินแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“คนคือพวกท่านที่สังหาร!”

“แต่ก็สิ้นใจตายในคุกของเย่เหลียงไม่ใช่หรือ”

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset