ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 280 ทำให้ท่านต้องรอนาน

แสงเทียนริบหรี่ในยามค่ำคืน

เฉินเสียนฟุบหลับอยู่ที่ข้างเตียงของซูเจ๋อตามปกติ

มือทั้งสองข้างที่วางนิ่งอยู่ข้างลำตัวของเขาทั้งขาวสะอาดและงดงามสมบูรณ์แบบประหนึ่งหยกชั้นดีที่มีความอ่อนโยน นิ้วเรียวยาวของเขางอเล็กน้อยจนเกิดส่วนโค้งที่สวยงาม

เส้นผมเล็กละเอียดบนไหล่ของเฉินเสียนร่วงหล่นลงมาปรกนิ้วของซูเจ๋อและพันอยู่บนนิ้วของเขาอย่างแผ่วเบา

นิ้วของซูเจ๋อขยับเบาๆ จนแทบจะไม่สังเกตเห็น

นี่เป็นอีกคืนหนึ่งที่เต็มไปด้วยความสงบ

เฉินเสียนห่วงใยเพียงแค่ซูเจ๋อ เธอไม่ได้สนใจสถานการณ์ปัจจุบันของต้าฉู่และเย่เหลียงเลยแม้แต่น้อย

เดิมทีพวกเขาควรกลับไปที่เขตชายแดนของต้าฉู่นานแล้ว และนี่ก็ผ่านมาแล้วหลายวัน

ตอนแรกต้าฉู่คิดว่าฝ่ายเย่เหลียงปฏิเสธที่จะส่งตัวองค์หญิงจิ้งเสียน ทูต และแม่ทัพกลับคืนต้าฉู่ แต่เมื่อเจรจาหารือกันแล้วจึงยืนยันได้ว่าพวกเขาถูกซุ่มโจมตีระหว่างทางกลับ

ดังนั้นจึงต้องรอให้หายจากอาการบาดเจ็บเสียก่อนจึงจะเดินทางกลับไปยังต้าฉู่อีกครั้ง

พวกเขาถูกโจมตีในเขตแดนของเย่เหลียง ซึ่งนั่นทำให้ต้าฉู่มีหลายสิ่งที่อยากจะพูด

เรื่องที่นักฆ่าซึ่งปลอมตัวเป็นทหารของเย่เหลียงเหล่านั้นเป็นใครมาจากไหนยังคงต้องสืบสวนกันอย่างละเอียด ถ้าหากไม่ได้ตั้งใจก่อให้เกิดเป็นชนวนสงครามอย่างไม่แยกแยะถูกผิด ก็คงมีคนที่จงใจยุยงให้เกิดความขัดแย้ง

ดังนั้นฝ่ายต้าฉู่จึงหยุดการเคลื่อนไหวของกองทัพชั่วคราวเพื่อรอให้เย่เหลียงอธิบาย

ตอนพลบค่ำวันนี้เฉินเสียนนำยาไปป้อนให้ซูเจ๋อตามปกติ หลังจากใช้น้ำสะอาดเช็ดปากให้เขา เธอก็เดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเท

ดวงตะวันรอนอยู่หน้าภูเขาและแสงของดวงตะวันสาดก็สาดส่องเข้ามาจนทำให้ห้องกลายเป็นสีทองอร่าม

ย่างเข้าสู่สารทฤดูแล้ว แสงอาทิตย์บนภูเขายิ่งดูสวยงามตระการตา พร้อมกันนั้นความอบอุ่นก็เริ่มหายไป

อากาศภายในห้องค่อนข้างเย็นสบายและกลิ่นยาข้นๆ ก็ลอยอบอวลไปทั่วอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

ในวันธรรมดาที่เรือนแห่งนี้มีนางกำนัลมาคอยปรนนิบัติแค่ไม่กี่คนเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของผู้คน เมื่อใดก็ตามที่มีความจำเป็นบางอย่าง การสื่อสารจึงไม่ค่อยทันท่วงที

ดังนั้นเวลาที่เฉินเสียนต้องการอะไรหรือไม่ต้องการอะไร เธอจะไปที่นอกลานเพื่อถ่ายทอดสิ่งที่ต้องการให้กับนางกำนัลที่อยู่ด้านนอกทราบ

ตอนกลางดึกยังต้องต้มยาอีกหนึ่งครั้ง ดังนั้นเฉินเสียนจึงหยิบหม้อที่ใช้ต้มยา ถ้วยยา รวมถึงเครื่องใช้อื่นๆ ออกไปข้างนอกเพื่อให้นางกำนัลนำไปทำความสะอาดและนำกลับมาให้ภายในครึ่งชั่วโมง

เธอกลับเข้ามาในเรือนและเดินไปยังห้องที่ประตูถูกเปิดอ้าไว้ครึ่งหนึ่ง

ทันทีที่ก้าวเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าประตูและเงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าของเฉินเสียนก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและเธอก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

ตอนที่เธอออกไปเมื่อครู่ทุกอย่างยังปกติดี ซูเจ๋อยังคงนอนหลับอยู่เงียบๆ บนเตียงนั่น แต่ตอนนี้หลังจากเธอออกไปเพียงครู่เดียว พอกลับมาอีกครั้งกลับพบว่าบนเตียงว่างเปล่า ไม่มีเงาของซูเจ๋ออยู่บนนั้น!

เขาอยู่ไหน

ซูเจ๋อหายไป

เฉินเสียนใจหายวูบ เธอหันหลังเตรียมจะออกไปตามหา

แต่ในขณะนั้นเอง อยู่ๆ ก็มีมือหนึ่งยื่นออกมาจากมุมอับด้านหลังประตูที่เปิดแง้มอยู่ครึ่งหนึ่งและคว้าลงมาที่ข้อมือของเฉินเสียนอย่างแม่นยำโดยไม่ให้ทันรู้เนื้อรู้ตัว

เฉินเสียนสะดุ้ง ยังไม่ทันตอบสนองอะไร วินาทีถัดมาร่างของเธอก็ถูกดึงเข้าไปข้างในอย่างแผ่วเบา

แผ่นหลังของเธอถูกดันไปติดชิดกับผนังข้างประตู

กลิ่นของยาที่จู่โจมเข้ามาพร้อมกับกลิ่นอายจางๆ ของไม้กฤษณาทำให้เฉินเสียนหายใจติดขัด

หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงเล็กน้อย เมื่อเหลือบตาขึ้นมองและเห็นคนตรงหน้าที่กำลังเข้ามาประชิดตัวเธอชัดๆ ขอบตาของเธอก็แดงก่ำ นัยน์ตาเป็นประกายระยับด้วยความชุ่มชื้นที่หลั่งไหลออกมา

เส้นผมที่ยุ่งเหยิงของเขาร่วงลงมาปรกไหล่ซึ่งพาดเสื้อคลุมเอาไว้อย่างลวกๆ สีหน้าของเขาดูอ่อนโยน ที่หน้าผากยังคงถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาว ใบหน้ายังคงขาวซีดและซูบเซียว

แต่รูปลักษณ์เช่นนี้คือสิ่งที่เฉินเสียนฝันอยากจะเห็น

เธอเห็นดวงตาของเขาหรุบลงครึ่งหนึ่ง เหมือนจะชัดเจนแต่ก็เหมือนจะเลือนราง นัยน์ตาคู่นั้นล้ำลึกราวกับจะเก็บท้องฟ้าไว้ได้ทั้งหมด เธอเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในดวงตาของเขา

เธอยังไม่ทันพูดอะไรออกไปสักคำ ความรู้สึกตื้นตันก็จู่โจมเข้ามาอย่างท่วมท้นจนขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ

เธออยากจะพูดว่า…

ซูเจ๋อ ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว

ร่างกายของซูเจ๋อยังอ่อนแอมากและไม่ค่อยมีแรง เขาทาบมือทั้งสองข้างไว้บนกำแพงข้างศีรษะของเฉินเสียน จากนั้นจึงค่อยๆ โน้มศีรษะเข้าไปใกล้และเอ่ยขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงที่สะเทือนอารมณ์คนฟัง “อาเสียน ข้าปล่อยให้ท่านต้องรอนาน”

ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาจากขอบตา ซูเจ๋อก็ซับมันไว้ด้วยริมฝีปากของเขา

เขาถามอย่างแผ่วเบาว่า “ตอนนี้ข้าจะจูบท่านตามอำเภอใจได้หรือยัง”

ตั้งแต่ตอนที่อยู่ใต้กองหินที่ซูเจ๋อเห็นน้ำตาของเฉินเสียนไหลอาบแก้ม เขาอยากจะดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดและจูบเธอ

แต่น่าเสียดายที่เขาไม่อาจทำได้ดั่งใจปรารถนา เขาทำได้แค่มองดูเธอเสียน้ำตาเพราะเขา เป็นความหวานชื่นที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

ความรู้สึกนั้นลากยาวมาจนถึงตอนนี้

การจูบเธอคือสิ่งแรกที่เขาอยากจะทำเมื่อฟื้นขึ้นมา ซึ่งพูดได้ว่านี่เป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับเขา

ซูเจ๋อรู้สึกถึงการสั่นไหวของเฉินเสียนอย่างชัดเจนเมื่อริมฝีปากของเขาประทับลงบนริมฝีปากของเธอ

ทุกๆ วันทุกๆ วินาทีที่ผ่านมาล้วนเป็นความทรมานซึ่งเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอ

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเสียนเป็นฝ่ายเริ่ม เธอเอื้อมมือไปคล้องคอของซูเจ๋อไว้เมื่อเขาประทับจูบลงมา และเส้นผมของเขาก็เคลื่อนไหวไปตามซอกนิ้วของเธอ

ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่เพื่อจูบเธอ ผ่านฟันที่เคยปิดอยู่และสำรวจลึกเข้าไปในช่องปาก

เฉินเสียนยกคางขึ้น เธอตอบรับด้วยความสดชื่นและกระตือรือร้น

ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าช่วงเวลานี้ และไม่มีเวลาใดที่จะทำให้เธอพอใจมากไปกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้

ขอเพียงแค่ผู้ชายคนนี้ยังอยู่และเธอยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเขา ยังรู้สึกถึงลมหายใจที่อ้อยอิ่งของเขา ยังสัมผัสเขาได้และยังได้อยู่ใกล้ชิดเขา เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

ซูเจ๋อจูบเธออย่างเอาแต่ใจและบ้าคลั่งเล็กน้อย

ในที่สุดเฉินเสียนก็สัมผัสเข้ากับลิ้นของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภายในชั่วพริบตานั้นดูเหมือนเธอจะถูกเขาสูบเรี่ยวแรงออกไปจนหมด จนร่างกายของเธออ่อนปวกเปียกไปจนถึงขั้วกระดูก

แต่ซูเจ๋อยังไม่ยอมปล่อยเธอไป พื้นที่ของเธอถูกพิชิต ทั่วทุกตารางนิ้วของเธอถูกความหอมหวานของเขายึดครอง เขากระหวัดลิ้นคลอเคลียอยู่ที่ลิ้นของเธอและจูบอย่างดูดดื่ม แทบจะฉีกทึ้งและกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว

แค่จะยืนเฉินเสียนยังแทบจะยืนไม่ไหว และเสียงครางก็เอ่อล้นออกมาจากลำคออย่างควบคุมไม่ได้

นั่นคือเสียงที่ไพเราะและน่าหลงใหลที่สุดของผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นเสียงที่ซูเจ๋อได้ยินแล้วรู้สึกว่าช่างไพเราะกินใจยิ่งกว่าเสียงอื่นใดในโลก

เขาเองก็รู้สึกเหมือนจะยืนไม่มั่นคงเช่นกัน ดังนั้นจึงถือโอกาสทิ้งตัวเข้าหาเฉินเสียนและกดเธอไว้แน่นกับผนัง

เขาโน้มตัวลงเล็กน้อย พยายามฉกฉวยความหวานจากเธอให้มากขึ้น

เธอคือยาชั้นดีสำหรับเขา ในที่สุดความปรารถนาอันยาวนานของเขาก็กลายเป็นความจริง ตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยมีความสุขและยินดีเช่นนี้มาก่อน

ซูเจ๋อแทบจะสูบกลืนเฉินเสียนจนหมดตัว

ทันใดนั้นเฉินเสียนก็รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นน้ำที่ถูกกอบไว้ในอุ้งมือของเขา

แท้จริงแล้วความรักนั้นสวยงามเช่นนี้นี่เอง และการจูบระหว่างชายหญิงก็สวยงามมากเช่นกัน

มันเป็นเหมือนอาวุธที่ทรงพลังที่สุดในโลกซึ่งทำให้ผู้คนยอมจำนนได้อย่างง่ายดาย

ครึ่งหนึ่งของดวงอาทิตย์หายลับไปในซอกเขา อีกครึ่งหนึ่งยังคงลอยให้เห็นอยู่บนขอบฟ้า

แสงอาทิตย์ยามอัสดงครึ่งหนึ่งทำให้เมฆที่ลอยอยู่บนขอบฟ้ากลายเป็นสีทองอมแดง ครึ่งหนึ่งส่องผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบร่างของคนสองที่กำลังจูบกันอย่างลึกซึ้ง ผสานเงาของทั้งคู่ไว้ด้วยกันและสะท้อนไปบนผนัง ก่อให้เกิดเป็นภาพที่อบอุ่นและน่าประทับใจ

เฉินเสียนกอดซูเจ๋อไว้แน่น เธอจูบจนลิ้นชา กลิ่นยาขมๆ ในปากของเขาค่อยๆ จางหายกลายเป็นความหวานล้ำ

เธอทำใจไม่ได้ที่จะผละออกมา

ไม่รู้ว่าจูบไปนานแค่ไหน

จนกระทั่งแสงสุดท้ายบนเส้นขอบฟ้าค่อยๆ หายลับไป ท้องฟ้าที่สวยงามจางหายไปกลายเป็นท้องฟ้าสีน้ำเงินอมเทาเรียบๆ

แสงภายในห้องเริ่มมืดสลัวลงเช่นกัน

ขณะที่เฉินเสียนตกอยู่ในภวังค์ เธอได้ยินเสียงลมหายใจที่ยุ่งเหยิงของซูเจ๋ออย่างเลือนราง และเธอก็หอบเล็กน้อย

ข้าคือหงส์พันปี

ข้าคือหงส์พันปี

องค์หญิงเฉินเสียนผู้โง่เขลา ถูกไล่ออกจากจวน ถูกทำให้เสียโฉม และยังมีทารกอยู่ในท้องของเธอ! ในวันที่สามีของเธอแต่งงานกับอนุภรรยา เธอมาแสดงความยินดี จัดการกับอนุคนใหม่อย่างรุนแรง และทำให้แขกในงานต่างตกใจ อนุคนใหม่ที่คิดว่าเธอเป็นเช่นไก่ที่อ่อนแอ? แต่ไม่คิดว่าจะสามารถต่อกรกับเธอได้?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset